บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 479

หยู่เหวินเห้าเห็นนางเอาแต่มอง เจ้าเล็กข้าวเหนียว จึงเอ่ยขึ้น “อย่ารังเกียจ อัปลักษณ์เพียงเล็กน้อย แต่ตนเป็นคลอด ต้องยอมรับ”

หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เหตุใดจึงมองออกว่าอัปลักษณ์?”

“เหลืองราวกับหนูตัวน้อย ข้าคิดว่าไม่ควรเรียก เจ้าเล็กข้าวเหนียว ควรเรียกเจ้าหนูน้อย” หยู่เหวินเห้ายื่นมืออุ้มเขามา “เจ้าอย่าอุ้มนาน บาดแผลยังไม่หายดี”

เขาก้มลงมองเจ้าเล็กข้าวเหนียว ยิ่งพบว่ายิ่งอัปลักษณ์ แต่ในใจกลับสั่นไหวเล็กน้อย เห็นเจ้าตัวเล็กนอนนิ่งอยู่ในอ้อมกอดตน และยังคล้ายคลึงกับตนหลายส่วน ความรู้สึกนั้นช่างแปลกประหลาด

ความคิดนั้นคล้ายกับตอนมองเจ้าหยวน อดก้มลงไปหอมฟอดหนึ่งไม่ได้

เจ้าหนูน้อยสีเหลืองนี้ อาศัยสิ่งใดกัน?

“ความเหลืองของเขา ถือว่าไม่ปกติเล็กน้อย” หยวนชิงหลิงกล่าว

“ความจริง ตาขาวล้วนเหลือง” หยู่เหวินเห้ากังวลเล็กน้อย “มีอันใดเกิดขึ้นหรือ?”

“ลองสังเกตอาการก่อนเถิด อย่าได้กังวล” หยวนชิงหลิงกล่าว

“ยังผอมมากอีกด้วย เพราะไม่ทานนมหรือ?” หยู่เหวินเห้าอุ้มไปมองที่เตียงเล็กด้านนั้นครู่หนึ่ง สามคนเปรียบเทียบ ยิ่งรู้สึกเจ้าเล็กข้าวเหนียวผิดปกติ

เขากังวลขึ้นมา ก่อนหันกลับไปมองหยวนชิงหลิง “เจ้าหยวน เด็กน้อยคงไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่?”

ห้ามพูดพล่อย ๆ ไม่มีอันใดแน่ แค่ร่างกายอ่อนแอเล็กน้อยเท่านั้น”

หยวนชิงหลิงลงจากเตียง หยู่เหวินเห้าเดินเข้ามาประคองนาง “ทำไมลงมาอีกแล้ว นอนต่ออีกเถิด” 7

หยวนชิงหลิงยืนมองเด็กน้อยทั้งสามอยู่หน้าเตียงเล็ก หยู่เหวินเห้ากอดหยวนชิงหลิงจากทางด้านหลัง กดคางลงบนไหล่ของนาง และมองเด็กน้อยเช่นกัน เด็กสามคนแม้ไม่ได้อยู่ในผ้าอ้อมผืนเดียวกัน แต่ท่าทางกลมกลืนกันยิ่งนัก

ยกตัวอย่างเช่น ชูมือยกกำปั้น พวกเขาล้วนแทบยกมือพร้อมกัน และวางลงพร้อมกัน คล้ายในความว่างเปล่า มีบางสิ่งฉุดรั้งให้พวกเขาทำเรื่องเดียวกัน

“น่าแปลกยิ่ง เจ้าว่าเป็นกระแสจิตหรือไม่?” หยู่เหวินเห้าเอ่ยถามอย่างแปลกใจ

หยวนชิงหลิงมองท่าทางนั้นของเด็กทั้งสาม คล้ายตนเป็นกลุ่มแฟนคลับ ในใจรู้สึกน่ารักน่าชัง เมื่อได้ยินคำพูดของหยู่เหวินเห้า นางหันศีรษะเข้าไปในอ้อมกอดเขา “ข้าคิดว่ามี ฝาแฝดจากไข่ใบเดียวกันมียีนในการตัดสินใจเหมือนกันทั้งหมด พวกเขามีโครงสร้างโปรตีนเส้นประสาทสมองเหมือนกัน ขณะพวกเขาขบคิดกระทำจะมีท่าทางและเลือกทำเช่นเดียวกัน นี่คือส่วนใหญ่ที่พวกเราเรียกว่ากระแสจิต”

“หรือ ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” เขาพยายามทำท่าทางเข้าใจความหมายของนาง แม้เขาจะไม่เข้าใจแม้แต่นิดเดียว แต่เขามีประสบการณ์ หากซักถามต่อ เขาจะยิ่งไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงเลือกไม่เอ่ยถาม

หยวนชิงหลิงคุ้นชินกับการใกล้ชิดเช่นนี้ ดังนั้นขณะนางอยู่ข้างกายเขา นับวันยิ่งสามารถเผยตัวตนจริง ๆ ตนออกมา และไม่จำเป็นต้องเก็บงำเอาไว้

หยู่เหวินเห้ากอดหยวนชิงหลิง มองเด็กน้อยทั้งสามเช่นนี้ ระหว่างคิ้วและในใจ ล้วนเปี่ยมด้วยความสุข

ในที่สุดในวังหลวงกำหนดชื่อจริงของเด็กทั้งสามลงมาแล้ว

ไท่ซ่างหวงพิจารณาอยู่นาน ก่อนเรียกตัวเซียวเหยากงและโสวฝู่ฉู่เข้าเฝ้า กำหนดชื่อออกมาหลายชื่อ จากนั้นให้ทางฮ่องเต้พิจารณาอีกครั้ง

ขอบเขตการพิจารณาของฮ่องเต้ลดลงมากทีเดียว เพราะไท่ซ่างหวง ล้วนกำหนดลงมาหลายชื่อ

ภายในชื่อที่ไท่ซ่างหวงกำหนดลงมา คือคัดเลือกจากเมตตา คุณธรรม มารยาท สติปัญญา สัจจะ ซื่อสัตย์ กตัญญู และกล้าหาญในคำสอนเกี่ยวกับคุณธรรมและวัตรปฏิบัติของขงจื่อ

ฮ่องเต้หมิงหยวนเพื่อความรอบคอบ ยังตั้งใจเชิญเจ้าอาวาสเข้าเฝ้า ให้เจ้าอาวาสคัดเลือกชื่อจากที่จำนวนจำกัด

สุดท้าย คัดเลือกออกมาสามชื่อ

เจ้าซาลาเปาคนโตให้ชื่อหยู่เหวินหลี่ เจ้ารองทังหยวนให้ชื่อหยู่เหวินเสี้ยว เจ้าเล็กข้าวเหนียวให้ชื่อหยู่เหวินเหอ

ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ทราบถึงความเข้าใจผิดของชื่อเล่นดังนั้น เพื่อแสดงการยอมรับการเสียสละของหยวนชิงหลิง จึงทรงเลือกใช้อักษรในชื่อเดิมของหยวนชิงหลิง

เมื่อเป็นเช่นนี้ คนโตจึงมีชื่อจริงว่าหยู่เหวินหลี่ ชื่อรองว่าคงชิน ชื่อเล่นซาลาเปา

คนรองมีชื่อจริงว่าหยู่เหวินเสี้ยว ชื่อรองว่าหนันซิง ชื่อเล่นทังหยวน

คนที่สามมีชื่อจริงว่าหยู่เหวินเหอ ชื่อรองว่าเหริ่นตง ชื่อเล่นข้าวเหนียว

เมื่อชื่อถูกกำหนด หยู่เหวินเห้าดีใจยิ่งนัก ก่อนสลับอุ้มเด็กน้อยเพื่อเรียกชื่อจริงและชื่อรองของพวกเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน