บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 481

เจ้าพระยาจิ้งลงจากรถม้า เดินอยู่บนถนนทางตะวันออกคนเดียว ผู้คนขวักไขว่ไปมาอย่างคับคั่ง ทำให้เขารู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างสิ้นหวัง

เขามองหาร้านเหล้าร้านหนึ่ง เมื่อเข้าไปแล้วก็สั่งเหล้ามาหนึ่งเหยือก รินเองดื่มเอง เฉกเช่นบรรดากวีตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ในอกเต็มล้นไปด้วยความเจ็บปวด อยากที่จะท่องบทกวีออกมาสักบท แต่เขาห่างเหินกับบทกวีมานานมากแล้ว หลายปีมานี้มีชีวิตแบบหมากับแมลงวัน (สามารถทําทุกอย่างเพื่อให้ ได้มาซึ่งชื่อเสียงลาภยศอย่างไม่มียางอาย เปรียบกับแมลง วันที่บินไปมาน่ารําคาญและสุนัขที่ไม่รู้จักความละอาย)คิดถึงแต่เรื่องการสามารถดำรงอยู่ในตำแหน่งการเป็นขุนนาง มีกะจิตกะใจสนใจบทกวีเสียที่ไหน?

ในใจยิ่งหงุดหงิด เงยหน้าขึ้นแล้วก็รินเหล้าไปกว่าครึ่งเหยือก ความเมาตีขึ้นหัว รู้สึกมึนหัววิงเวียน ตาลายไปหมด

“โย้ นี่ไม่ใช่รองเจ้ากรมหยวนหรือ?”ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงประชดประชันดังขึ้น

เขาค่อยๆเงยหัวขึ้น เห็นชายวัยกลางคนสวมชุดสีฟ้าเดินเข้ามาพร้อมกับคนรับใช้ เมื่อมองดูดีๆ คือรองเจ้ากรมซุนกรมข้าราชการพลเรือนนั่นเอง

ในใจอ่อนลงกะทันหัน สีหน้าก็ตื่นตระหนก เพราะฮูหยินของรองเจ้ากรมอู๋คนนี้ เคยเป็นเพื่อนที่ดีของเขา

ปีนี้รองเจ้ากรมอู๋อายุห้าสิบสามปี ฮูหยินเดิมของเขาถูกเขาหย่าร้างไปด้วยเหตุที่ฮูหยินเดิมชอบอิจฉาในตอนที่เขาได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว แล้วแต่งงานกับฮูหยินคนปัจจุบัน ต่อมาก็มีเมียน้อยมาตลอด ตอนนี้เมียน้อยที่แน่นอนมีสามคน คนที่ไม่มีสถานะอีกเจ็ดแปดคน

การประเมินในปีแรก เขาเคยกระทำผิดเล็กน้อย เพราะเขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองเจ้ากรม เดิมก็เพราะว่าเป็นการกระทำแบบทุจริต เป็นกังวลมาตลอดว่าจะไม่สามารถผ่านการประเมิน เขาจึงไปขอร้องรองเจ้ากรมอู๋ถึงจวน ส่งของตอบแทนไปให้ไม่น้อย แต่รองเจ้ากรมอู๋โลภมากไม่รู้จักพอ ให้เขาเอาเงินไปให้อีกสามพันตำลึง เขาหามาไม่ได้ในทันที ทำให้รองเจ้ากรมอู๋โกรธ เดิมปีนั้นก็ไม่สามารถที่จะผ่านไปได้แล้ว โชคดีที่ต่อมาท่านลุงช่วยออกหน้า เรื่องนี้จึงผ่านพ้นไปด้วยดี

ตอนที่รองเจ้ากรมอู๋เดินเข้ามา หัวเราะเยาะพร้อมพูดขึ้นว่า “เกือบลืม ตอนนี้ไม่ใช่รองเจ้ากรมหยวนแล้ว ต้องเรียกว่าเจ้าพระยา ได้ยินมาว่าเจ้าป่วยจึงลาออกจากราชการ นี่หายป่วยแล้วหรือยัง?”

กับคนพวกนี้ เจ้าพระยาจิ้งเคยชินแล้วกับการเอาอกเอาใจ จึงอ่อนน้อมด้วยสัญชาตญาณ ดังนั้น ถึงแม้จะฟังรู้ว่าน้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความเยาะเย้ยและดูถูก ก็ไม่กล้าตอบโต้ เพียงแค่ยิ้มและพูดขึ้นว่า “ที่แท้ก็ใต้เท้าอู๋นี่เอง ขอบคุณที่ท่านเป็นห่วง ไม่เป็นไรแล้ว”

เขาเป็นถึงเจ้าพระยาคนหนึ่ง แต่กับกรมข้าราชการพล หรือแม้แต่หมาเฝ้าประตูตัวหนึ่ง เขาก็ไม่กล้ามีเรื่องด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรองเจ้ากรม

รองเจ้ากรมอู๋หัวเราะพร้อมนั่งลง มองดูเขา สีหน้าเต็มไปด้วยความเสียดสีและเยาะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “หยวนปาหลง เจ้าเทียบไม่ได้แม้แต่หมาตัวหนึ่งจริงๆ หมายังรู้จักมองสีหน้าคน คนขี้ขลาดอย่างเจ้า ตายไปเสียยังจะดีกว่า”

คำพูดดูถูกของรองเจ้ากรมอู๋ ดังขึ้นภายใต้ความสั่นเทาของเจ้าพระยาจิ้ง

ไม่ใช่เพราะเรื่องฮูหยินของเขา แต่เป็นเพราะเงินสามพันตำลึงที่เขาหามาไม่ได้ ตอนที่ไปขอร้องรองเจ้ากรมอู๋ รู้ไปถึงเลขานุการกรมข้าราชการพลเรือนพอดี ทำให้รองเจ้ากรมอู๋ถูกตำหนิตักเตือน ตั้งแต่นั้นมารองเจ้ากรมอู๋ก็โกรธเกลียดเขา เป็นปฏิปักษ์ต่อเขาในทุกด้าน และนี่ก็ทำให้เขาหลังจากนั้นทุกครั้งที่มีการประเมิน เขาล้วนต้องไปขอร้องคนอื่น ตอนที่เขายังดำรงตำแหน่งอยู่ แม้แต่ฝันก็ยังอยากที่จะให้รองเจ้ากรมอู๋ถูกย้ายไป แต่รองเจ้ากรมอู๋ก็นั่งประจำตำแหน่งอยู่อย่างเหนียวแน่น อยู่กรมข้าราชการพลเรือนมาตลอด

ตอนนี้เผชิญหน้ารองเจ้ากรมอู๋ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังนั้น อาศัยความที่เขาดื่มเหล้าไปแล้ว จึงยิ้มแย้มพูดกับเขาว่า “ใต้เท้าอู๋ช่างชอบพูดเล่นจริงๆ”

“ขี้ขลาดตาขาว”รองเจ้ากรมอู๋เห็นว่าทำให้เขาโกรธโมโหไม่ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะก่นด่าเขา

เจ้าพระยาจิ้งหวังเพียงให้เขาจากไปโดยเร็ว จึงไม่ได้ตอบโต้ เพียงแค่ยิ้มอย่างประจบสอพลอให้กับรองเจ้ากรมอู๋

“ใต้เท้าอู๋ช่างมีอำนาจบาตรใหญ่จริงๆ”

เสียงอ๋องอานดังขึ้นมาอย่างเย็นชา

ทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นกะทันหัน เห็นอ๋องอานสวมเสื้อคลุมลายงูหลาม ที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ด้านหลังทั้งสองคนตั้งแต่เมื่อไหร่ สีหน้าของเขาเคร่งขรึม มองดูรองเจ้ากรมอู๋อย่างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพระยามีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าพระยา ไม่ใช่ขุนนางราชสำนัก ไม่ควรที่เจ้าจะดูถูก”

คนภายในร้านเหล้าค่อนข้างเยอะ อ๋องอานตำหนิรองเจ้ากรมอู๋เช่นนี้ ทำให้รองเจ้ากรมอู๋สีหน้าซีดลงทันที แต่ก็ไม่กล้าตอบโต้ เพียงแค่ลุกขึ้นมายิ้มยกมือขึ้นพร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องพูดถูก กระหม่อมขอลา”

“ไสหัวไป”อ๋องอานพูดขึ้นอย่างเย็นชา

คำว่าไสหัวไป ทำให้ในใจรองเจ้ากรมอู๋ไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าโมโห รีบจากไปอย่างเศร้าๆ

เจ้าพระยาจิ้งไม่เคยเห็นรองเจ้ากรมอู๋พ่ายแพ้เช่นนี้ ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะใจ รีบลุกขึ้นมาทำความเคารพอ๋องอาน พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ายินดีที่ได้พบท่านอ๋อง ขอบคุณที่ช่วยเหลือ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน