บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 495

อะซี่กับหมันเอ๋อรีบเข้ามาประคองนางเอาไว้ หยวนชิงหลิงรู้ว่าจิตใจนางอ่อนล้าจนทำให้สลบไป ให้คนส่งไปนอนพักที่ห้องปีกชั่วครู่ก็ดีขึ้น

หลังจากส่งตัวไปแล้ว ก็ให้หมันเอ๋อไปที่จวนชุย บอกให้คนของจวนชุยไม่ต้องเป็นห่วง แต่ว่าอย่าเพิ่งมา ให้นางอ่อนแอสักพัก เกรงว่าคนของตระกูลชุยมาแล้ว นางยังต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็งอีก

แต่ว่า จิ้งเหอนั้นสนิทกับพระชายาซุน จึงได้เชิญพระชายาซุนมา

ตอนที่พระชายาซุนมาถึง หยวนชิงหลิงก็บอกเล่าสถานการณ์ให้นางฟัง พระชายาซุนรู้สึกสะใจ พูดว่า “ดี ฆ่าแล้วก็ดี คนคนนี้สมควรตาย”

“คนตายไปแล้วก็ช่างเถอะ อย่าแพร่งพรายออกไป”หยวนชิงหลิงพูด

พระชายาซุนพยักหน้า “ข้ารู้ เรื่องนี้ข้าจะบอกใครไม่ได้ทั้งนั้น คนที่นี่ของเจ้าก็รักษาความลับได้ใช่หรือไม่”

“คนที่รู้เรื่องนี้ก็มีแค่อะซี่กับหมันเอ๋อ ทั้งสองต่างก็รักษาความลับได้ดี ”หยวนชิงหลิงรู้ว่าบางครั้งพระชายาซุนถึงแม้จะปากโป้งอยู่บ้าง แต่เรื่องที่เกี่ยวกับจวิ้นจู่จิ้งเหอ นางรู้ดีว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด ฉะนั้นจึงไม่กลัวที่ให้นางรู้เรื่อง

พระชายาซุนเหมือนโล่งในไปเปลาะหนึ่งจริงๆ

ก่อนหน้านี้ที่จวิ้นจู่จิ้งเหอเก็บตัวกู้จือเอาไว้ นางยังเคยพูดว่าจวิ้นจู่จิ้งเหอนั้นเมตตาใจอ่อนเกินไป คนอย่างกู้จือนั้น ฆ่าแล้วจึงจะมีความสุข ทำไมยังต้องช่วยนางเอาไว้ด้วย

ตอนนี้ได้ยินว่านางตายแล้ว ทำร้ายใครไม่ได้อีกแล้ว นางก็วางใจ

ตอนที่จวิ้นจู่จิ้งเหอตื่นขึ้นมา ก็เห็นพระชายาซุนกับหยวนชิงหลิงนั่งอยู่ข้างเตียง แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย

มุมปากที่ซีดขาวของนางมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา สายตาอ่อนโยน “อยู่กันครบเชียว”

ดวงตาของพระชายาซุนรื้นขึ้น “อืม เพิ่งจะมาถึง จิ้งเหอ เจ้าลำบากแล้ว”

รอยยิ้มของจวิ้นจู่จิ้งเหอลึกขึ้น “อย่าบอกว่าข้าลำบากเลย ตัวข้าเองยังไม่รู้สึกเช่นนั้น หลังจากนี้ต้องดีขึ้นแน่”

พระชายาซุนยังอยากจะพูดต่อ แต่หยวนชิงหลิงกดมือของนางเอาไว้ พูดยิ้มๆว่า “จวิ้นจู่พูดถูก หลังจากนี้ต้องดีขึ้นแน่ๆ”

พระชายาซุนถอนหายใจเบาๆ มองสายตาที่เป็นการส่งสัญญาณของหยวนชิงหลิง ก็รู้ว่าตอนนี้ควรพูดคำพูดที่ให้กำลังใจกันสักหน่อย ก็พูดขึ้นว่า “อืม หลังจากนี้ต้องดีขึ้นแน่ๆ”

จวิ้นจู่จิ้งเหอรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา “ข้าอยากจะไปดูเด็กคนนั้นสักหน่อย”

หยวนชิงหลิงพูดว่า “เจ้าพักก่อน ข้าจะให้คนอุ้มมาให้”

นางออกไปสั่งการหมันเอ๋อ ไปอุ้มฉองเอ๋อมาให้จวิ้นจู่จิ้งเหอ

ฉองเอ๋อเพิ่งจะกินนมเสร็จ แม่นมบอกว่านางกินไม่มาก กินไม่กี่คำก็หยุดแล้ว ค่อนข้างอ่อนแรง

จวิ้นจู่จิ้งเหอไม่ได้ยื่นมือออกไปอุ้ม เพียงแค่มองจากมือที่อุ้มเอาไว้ของหมันเอ๋อ แล้วก็ให้หมันเอ๋ออุ้มออกไป

หยวนชิงหลิงประคองนางให้นั่งลง อาศัยโอกาสที่พระชายาซุนก็อยู่ด้าย นางถามขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าเคยบอกกับข้าว่า อยากจะเลี้ยงเด็กคนนี้ ตอนนั้นเจ้ายังคิดเช่นนั้นอยู่หรือไม่ ”

พระชายาซุนพูดขึ้นว่า “ไม่ได้ ใครจะเลี้ยงก็ได้แต่ไม่สมควรเป็นเจ้า”

พระชายาซุนไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมากนัก ด้วยเหตุนี้จึงค้านหัวชนฝา

จวิ้นจู่จิ้งเหอครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ มองหยวนชิงหลิง “หาพ่อแม่บุญธรรมให้นางเถอะ นางสมควรได้รับความรักจากพ่อแม่ ข้าเชื่อว่าพระชายารัชทายาทต้องหาคนที่เหมาะสมได้แน่ ไม่จำเป็นต้องมีเกียรติสูงส่งมาก ขอเพียงแค่สิ่งแวดล้อมสะอาดและคนในบ้านมีจิตใจดีก็พอแล้ว”

หยวนชิงหลิงก็ไม่เห็นด้วยที่นางจะรับเลี้ยง แต่ย่อมต้องถามความคิดเห็นของนาง ตอนนี้เห็นนางคิดได้แล้ว ก็พูดว่า “เช่นนั้นก็ดี ข้าจะให้คนไปหาดู”

“ขอบคุณ”นางพยักหน้าแสดงความขอบคุณ

จิ้งเหอพักอยู่ที่จวนอ๋องฉู่หนึ่งวัน จึงเดินทางกลับจวนชุย จากนั้นก็ได้ยินคนของจวนชุยบอกว่าพักอยู่ที่บ้านเป็นเวลาสามวันก็จากไปแล้ว

นางไม่ได้กลับไปยังสำนักนางชีหมิงเยว่ ทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งเอาไว้บอกว่าจะออกไปท่องเที่ยว ไปจากเมืองหลวงเป็นการชั่วคราว ไม่ได้ระบุวันที่จะกลับเอาไว้

หยู่เหวินเห้ารู้สึกตกตะลึงมาก มองของขวัญที่เต็มไปหมดในคลังเก็บของ พูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า :“คิดไม่ถึงเลยว่าข้าให้กำเนิดลูกชายสามคนจะทำให้ข้าร่ำรวยได้”

ด้วยเหตุนี้เขาเองก็รู้สึกเคารพเลื่อมใสต่อแฝดทั้งสามคนมาก คนรุ่นใหม่เก่งกาจนำหน้าคนรุ่นเก่าไปแล้ว

แต่ว่า ทังหยางพูดยิ้มๆว่า “ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีแต่ของที่มอบให้กับเหล่าท่านชายเท่านั้น มีบางส่วนที่แอบมอบให้กับรัชทายาทท่านเพื่อเป็นการแสดงความยินดีด้วย”

หยู่เหวินเห้ายิ่งรู้สึกตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ “ถ้ารู้แต่แรกว่าการเป็นรัชทายาทมีข้อดีขนาดนี้ ข้าคงไปแย่งชิงตั้งแต่แรกแล้ว ถึงว่าพี่ใหญ่กับพี่สี่จึงแย่งชิงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย นี่มันภูเขาเงินภูเขาทองชัดๆ ”

ทังหยางป้องปากเอาไว้ “ดูท่านพูดเข้าซิ รัชทายาทท่านเห็นแก่แค่ของขวัญเหล่านี้หรือ”

“ข้อดีอื่นๆข้ายังไม่เห็น ก็เห็นแค่ของเหล่านี้”หยู่เหวินเห้าได้ถูกเงินทองครอบงำจนตาลายไปแล้ว

“หลายวันมานี้ของขวัญที่ส่งมา ส่วนใหญ่จะเป็นของที่ล้ำค่ามาก วันหลังต้องหาพื้นที่จัดเก็บให้ดี ”ทังหยางพูด

หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า “อย่าเลย ออกไปหาคนมาซื้อแลกเป็นเงินซะ เหลือไม่กี่อย่างเอาไว้ให้เหล่าของว่างเล่นเป็นของเล่นก็พอ”

ทังหยางตกใจ “ขายหรือ นี่มันของดีมากนะพ่ะย่ะค่ะ ภายหน้าแม้จะมีเงินก็ใช่ว่าจะซื้อหาได้ ดูอย่างงานฝีมือที่ประณีตยิ่งกว่าเนรมิตเหล่านี้ สีของหยกพวกนี้ แม้จะเทียบไม่ได้กับสามเม็ดที่ไท่ซ่างหวงมอบให้กับพระชายารัชทายาท แต่ก็เป็นของดีที่สุด ยังมีพัดทองคำกับฉากกั้นหยก หากวางเอาไว้ที่โถงด้านนอก นั่นเขาเรียกว่าความสูงศักดิ์อย่างหนึ่ง ยังมีพวกเครื่องประดับตั้งโต๊ะเหล่านี้อีก ประณีตอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ท่านอ๋อง ขายไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ นั่นเท่ากับทำลายของล้ำค่าให้สูญค่าเปล่าประโยชน์”

“โง่ ของเหล่านี้ล้วนสามารถแลกเปลี่ยนเป็นทองก้อนเงินก้อนจึงจะสะท้อนคุณค่าที่แท้จริงออกมา ”หยู่เหวินเห้ายกมือขึ้น “ขายซะ เงินที่ขายได้ ส่วนหนึ่งให้ถวายเข้าคลังหลวง ส่วนหนึ่งถวายให้คลังสมบัติของเสด็จพ่อ ส่วนหนึ่ง……”เขาหันกลับไปมอง กดเสียงให้ต่ำลง “เตรียมคลังสมบัติเล็กๆไว้ให้ข้าด้วย ข้าจะเก็บออมเงินสักหน่อย”

ทังหยางโบกมือ “เรื่องนี้ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ พระชายารัชทายาทกำชับไว้หนักหนา รัชทายาทจะมีคลังสมบัติของตนเองไม่ได้ นี่เป็นปัญหาทางหลักการ”

หยู่เหวินเห้าโมโหมาก “ทังหยาง เจ้ากบฏต่อข้าหรือ”

ทังหยางเอ่ยเสียงต่ำว่า “นี่คือคำสั่งของพระชายารัชทายาท ข้าน้อยไม่กล้าขัดคำสั่ง แต่ว่า การทำงานก็ไม่จำเป็นต้องตายด้านจนเปลี่ยนแปลงไม่ได้ รัชทายาทไม่สามารถมีคลังสมบัติส่วนตัวได้ แต่ข้าน้อยมีได้ ในเมื่อส่วนมากเวลาที่รัชทายาทต้องการใช้เงิน ก็ให้ข้าน้อยเป็นคนออกไปก่อนจากนั้นค่อยแจ้งค่าใช้จ่ายต่อห้องบัญชีอยู่แล้ว”

หยู่เหวินเห้ายกหัวแม่มือขึ้น ยิ้มหยีจนแทบมองไม่เห็นลูกตา “มีเหตุผล”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน