บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 504

หยวนชิงหลิงไม่กล้าแตะต้องเหล้า นางเป็นคนที่คออ่อนมากถึงขั้นที่ว่า แค่ดื่มเข้าไปจอกเดียว ก็เมาแอ๋จนร่วงลงไปกองได้เลยทีเดียว

แต่ภายใต้การเร่งเร้าของพระชายาซุนกับเจ้าหญิงเหวินจิ้ง นางจึงต้องยกแก้วขึ้น

ดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ปรากฏว่ามันเป็นน้ำเปล่า

นางหันไปมองแม่นมสี่ด้วยความประหลาดใจ แม่นมสี่ลดเสียงลง พูดด้วยสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ว่า: “พระชายารัชทายาทควรต้องรู้องค์เองนะเพคะ พวกเราไม่ควรผสมโรงในงานเลี้ยงครึกครื้นเช่นนี้หรอกเพคะ”

หยวนชิงหลิงยิ้มพลางพูดว่า "แค่นิดเดียว คงไม่เป็นไรหรอก"

"ไม่เพคะ รัชทายาททรงกำชับไว้แล้วว่า พระชายาไม่สามารถดื่มเหล้าได้แม้แต่หยดเดียว" แม่นมสี่ปฏิเสธอย่างรุนแรงเด็ดขาด

วันนี้ทุกคนต่างก็มีความสุขมาก นางไม่อยากพังงานจนเละเทะเอาตอนสุดท้าย

หยวนชิงตอบอย่างอ้อมแอ้มไปว่า “เช่นนั้นก็ฟังเขาเถอะนะ”

ห้องทรงพระอักษร

อ๋องอานคุกเข่าอยู่หน้าห้อง ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองยังพระพักตร์ที่ในเวลานี้ กลายเป็นสีเขียวคล้ำไปแล้วของฮ่องเต้หมิงหยวน

แม้ว่าตอนที่เขาอยู่ในจวนอ๋องฉู่ มู่หรูกงกงจะไม่ได้พูดอะไร แต่เมื่อครู่ตอนที่เข้ามาในห้องทรงพระอักษร ก็ได้บอกเขาในเรื่องที่อ๋องอานเองก็รู้อยู่แก่ใจไปประโยคหนึ่ง

แน่นอนว่าอ๋องอานรู้อยู่แก่ใจ และสิ่งที่เขารู้ยิ่งกว่านั้นคือ ที่ปรึกษาหุ้ยจะต้องรับสารภาพความผิดทั้งหมดออกมา เขาแค่บอกไปว่าเขาไม่รู้เพียงคำเดียวก็พอแล้ว

ส่วนเจ้าพระยาจิ้งนั้น ดูเหมือนว่าจะถูกจับได้แล้ว แต่เจ้าพระยาจิ้งจะกล้าพูดว่าได้รับคำสั่งจากเขาหรือ ? แม้ว่าเจ้าพระยาจิ้งจะเป็นตัวไร้ประโยชน์ แต่สมองก็ยังดีกว่าใคร ๆ ทั้งนั้น ขอแค่บอกว่าตกกระไดพลอยโจน เขาก็พร้อมจะยอมรับสารภาพทุกเรื่องที่เขาหมักหมมไว้ออกมาจนหมดไม่มีเหลือ

ดังนั้น ในตอนที่ฮ่องเต้หมิงหยวนตรัสถามแบบประจันหน้าตรง ๆ ว่า "เจ้ายังมีอะไรที่จะพูดอีกหรือไม่?" อ๋องอานก็เงยหน้า แล้วส่งสายตาอันเจ็บปวดรวดร้าวออกมา เอ่ยปากยอมรับโทษออกไปว่า “เสด็จพ่อ หม่อมฉันบกพร่องไม่ดูแลคนในปกครองให้ดี ขอเสด็จพ่อโปรดทรงลงอาญาด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ตามที่อ๋องอานคาดไว้ ทุกอย่างถูกต้องตามนั้นจริงๆ

ที่ปรึกษาหุ้ยรับสารภาพความผิดทั้งหมดแล้ว ส่วนทางเจ้าพระยาจิ้ง ก็พูดเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบออกมา แล้วยังบอกด้วยว่าที่ปรึกษาหุ้ยเป็นคนสั่งการให้เขาทำเรื่องเหล่านั้น

เขาสารภาพว่าที่ปรึกษาหุ้ยให้สัญญาว่า หากเขาทำเรื่องนี้สำเร็จ เขาจะขอให้ท่านอ๋องหาทางคืนตำแหน่งเดิมให้ แต่เขาไม่ได้มีใจที่จะดำรงตำแหน่งขุนนาง จึงได้นำเรื่องนี้ไปแจ้งให้รัชทายาททรงทราบ ด้วยเหตุนี้ เรื่องทั้งหมดจึงเป็นการวางแผนของรัชทายาท โดยมีจุดประสงค์เพื่อจับตัวที่ปรึกษาหุ้ย แล้วถามถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา

คำสารภาพที่ถูกรายงานไปถึงพระกรรณของฮ่องเต้หมิงหยวน มีเพียงเท่านี้

ตอนที่แม่ทัพหลออุ้มข้าวเหนียวน้อยเข้าวังมา พระองค์เห็นใบหน้าน้อย ๆ ของหลานชายที่ร้องไห้จนกลายเป็นสีเขียวจนเกือบม่วงแล้ว หัวใจของฮ่องเต้หมิงหยวนก็เจ็บปวดรวดร้าวราวกับถูกสุนัขกัด พระองค์ถึงกับเข้าไปอุ้มข้าวเหนียวน้อยด้วยองค์เอง โอ๋อยู่เป็นนานสองนานกว่าจะเงียบ แทบอดใจไม่ไหว อยากสับร่างของที่ปรึกษาหุ้ยให้แหลกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น

ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้ดีว่า หากจัดการเรื่องนี้แบบง่าย ๆ คือสั่งประหารชีวิตที่ปรึกษาหุ้ยตรง ๆ ก็สามารถจบเรื่องนี้ได้

พระองค์มีความคิดเช่นนี้อยู่จริง ๆ

แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าของเจ้าข้าวเหนียวน้อย กับดวงตาดำขลับเป็นประกายที่อาบนองไปด้วยน้ำตา พระองค์ก็ไม่อาจยินยอมให้เรื่องนี้จบลงง่าย ๆ เสียแล้ว

อ๋องชินที่เกิดจากพระสนม ความวุ่นวายที่ไม่จบไม่สิ้น แม้ว่าพระองค์จะไม่ทรงต้องการเห็น แต่ก็ไม่ได้ทุกข์ใจอะไรนัก

เรื่องตีรันฟันแทงฆ่าแกงกันของผู้ใหญ่ ก็ให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ไปเถอะ แต่เจ้าข้าวเหนียวน้อยของเขาเพิ่งจะครบเดือนเท่านั้น เขามีความผิดอะไรกัน ? อีกนิดเดียวก็อาจต้องตายเพราะความโหดร้ายนี้แล้ว ฮ่องเต้หมิงหยวน จะยอมปล่อยผ่านความโหดร้ายเช่นนี้ไปได้อย่างไร?

ดังนั้น หลังจากได้ยินคำพูดประโยคนี้ของอ๋องอาน ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ถึงกับขว้างหินฝนหมึกออกไปด้วยความโกรธ "ปกครองคนบกพร่อง ? ข้าดูก็รู้แล้วว่าเป็นคำสั่งของเจ้าทั้งนั้น"

หินฝนหมึกลอยไปกระแทกเข้ากับหน้าผากของอ๋องอาน ตอนที่ตกลงมา ก็เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดแดงฉาน

อ๋องอานยังคงคุกเข่าไม่ขยับ ไม่มีการแสดงท่าทีเจ็บปวดออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย พูดด้วยท่าทางตรงไปตรงมาว่า “เสด็จพ่อโปรดทรงวินิจฉัย หม่อมฉันไม่เคยมีคำสั่งอะไรเช่นนี้ ต่อให้หม่อมฉันจะโหดร้ายกว่านี้อีกสักแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะลงมือกับหลานชายที่เพิ่งจะครบเดือนแน่นอน หม่อมฉันถูกใส่ความพ่ะย่ะค่ะ!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน