บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 503

หยวนชิงหลิงร้องไห้แบบไม่มีเสียง อุ้มเจ้าข้าวเหนียวน้อยแนบชิดเข้ากับอกของหยู่เหวินเห้า พลางสะอื้น

หยู่เหวินเห้าก็รู้สึกทรมานใจมากเช่นกัน ตอนนี้ลูกได้กลับมาอยู่ในมือของเขาแล้ว แต่ในความเป็นจริง วันนี้เด็กน้อยได้ผ่านประสบการณ์เสี่ยงตายอยู่ข้างนอกมาแล้วจริง ๆ

“เสด็จพ่อมีรับสั่งให้พี่สี่เข้าวังแล้ว เจ้าวางใจเถอะ ในอนาคตเรื่องเช่นนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแน่” หยู่เหวินเห้าลูบหลังของนางเบา ๆ อย่างนุ่มนวลเป็นการปลอบใจ

หยวนชิงหลิงส่งเสียงตอบรับขึ้นจมูกดัง “อื้ม” หนัก ๆ เสียงหนึ่ง จากนั้นจึงถอยห่างออกไปอย่างช้า ๆ หยู่เหวินเห้าเอื้อมมือออกไปลูบไล้ใบหน้าของนางเบา ๆ แล้วเช็ดน้ำตาออกจากดวงตาของนาง ในใจรู้สึกเจ็บปวดยากจะทานทน

ข้าวเหนียวน้อยกำหมัดเล็ก ๆ ทั้งสองข้างพลางส่งเสียงคุยอ้อแอ้ ๆ ไม่หยุด ดวงตากลมโตกลอกกลิ้งไปมา บ้างก็มองไปที่หยู่เหวินเห้า บ้างก็มองไปที่หยวนชิงหลิง ดูร่าเริงมีชีวิตชีวาอย่างมาก

สิ่งที่เรียกว่าแก้วตาดวงใจ ยิ่งกับลูกคนเล็กสุด มักเป็นสิ่งที่ทำให้พ่อแม่รักใคร่เอ็นดูกว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่เจ้าข้าวเหนียวน้อยเกิด เป็นเพราะสายสะดือพันคอจนเกือบทำให้เขาขาดอากาศตาย อาการตัวเหลืองจากดีซ่านก็เป็นอยู่นานไม่จางหาย เพิ่งจะครบเดือนแท้ ๆ ก็ต้องมาเจอประสบการณ์เสี่ยงตายอีก ตอนนี้เมื่อหยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้าได้เห็นหน้าเขา ก็อดรู้สึกรักใคร่เอ็นดูปนสงสารไม่ได้จริง ๆ

“แย่แล้วล่ะ” หยู่เหวินเห้าถอนหายใจเบา ๆ “ก่อนหน้านี้เจ้าเคยพูดไว้ว่า ลูกสามคนเราต้องไม่ลำเอียง แต่มาตอนนี้ข้ากลับพบว่า ข้ารักเขามากกว่าคนอื่นนิดหน่อยแล้วสิ”

หยวนชิงหลิงจ้องเขาตาเขม็ง “เจ้าทำแบบนี้ไม่ได้นะ ต้องรักทั้งสามคนเท่า ๆ กัน หากลำเอียงรักใครคนหนึ่งมากกว่า มันไม่ยุติธรรมกับลูกอีกสองคนอย่างยิ่ง”

“ข้ารู้ ข้ารู้ ข้าจะรีบแก้ไขระบบความคิดของข้าให้กลับมาเที่ยงธรรมเหมือนเดิม” หยู่เหวินเห้ารีบเอ่ยปากสัญญาอย่างรวดเร็ว

หยวนชิงหลิงอุ้มข้าวเหนียวน้อยแล้วนั่งลง มองไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ กับดวงตาเป็นประกายสดใสที่คล้ายกับหยู่เหวินเห้าดวงนั้น นางรู้สึกเอ็นดูจนแทบไม่ไหวแล้ว อันที่จริง นางก็รู้สึกว่าตัวเองลำเอียงรักลูกไม่เท่ากันอยู่เหมือนกัน แต่นางไม่สามารถบอกกับเจ้าห้าได้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาใช้มันเป็นข้ออ้างให้ตัวเองทำตามได้อย่างไม่รู้สึกผิด

“จริงสิ แล้วเราควรทำอย่างไรกับเด็กที่เกินมาล่ะ?” จู่ ๆ หยวนชิงหลิงก็นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ “ต้องถามให้รู้ว่าเจ้าพระยาจิ้งไปอุ้มเด็กมาจากไหน จะได้ส่งคืนไปให้พ่อแม่เขาได้”

หยู่เหวินเห้าพูดว่า: "แม่ทัพหลอบอกว่าเด็กคนนี้นับตั้งแต่ที่เจ้าตั้งครรภ์ เขาก็สั่งให้ฮูหยินรองในจวนไปหาไว้ แล้วซื้อมาด้วยเงินสองตำลึงน่ะ"

หยวนชิงหลิงนึกถึงเจตนาของเจ้าพระยาจิ้งก่อนหน้านี้ขึ้นมา ก็อดส่ายหน้าไม่ได้จริง ๆ "ไม่รู้จะด่าว่าเขาอย่างไรดีจริง ๆ เลย ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ? ถูกส่งไปที่วังด้วยเหมือนกันอย่างนั้นหรือ?"

หยู่เหวินเห้าตอบว่า: "ส่งเข้าไปด้วยเหมือนกัน"

หยวนชิงหลิงพูดอย่างเย็นชาว่า: "สมควรตาย"

หยู่เหวินเห้ามองนาง แล้วพูดอย่างครุ่นคิดว่า: "ครั้งนี้ เขากลับไม่นับว่าสมควรตาย"

หยวนชิงหลิงมองเขาเขม็ง “ เจ้ายังจะพูดแทนเขาอยู่อีกรึ ? เขาอุ้มลูกชายของเจ้าไปนะ”

"เขาสำนึกเสียใจภายหลังขึ้นมาน่ะ ไปได้ครึ่งทางก็คิดจะกลับมาแล้ว" หยู่เหวินเห้าอุ้มข้าวเหนียวน้อยมาพลางอธิบายกับนาง "เสี้ยวหงเฉิงได้เตรียมวางคนสอดแนมไว้ใกล้ ๆจวนเจ้าพระยาจิ้งมานานแล้ว รถม้าเป็นสิบ ๆ คันนั้นก็ล้วนเป็นคนของนางทั้งสิ้น คิดไว้แล้วล่ะว่าเขาต้องจ้างรถม้าแน่นอน เพราะหลังจากที่คนในจวนถูกจัดระเบียบเสียใหม่ คนในจวนต่างก็ภักดีต่อเสด็จย่า เขากลัวว่าแผนการอาจถูกเปิดโปงจึงทำได้เพียงจ้างรถม้าเท่านั้น หลังจากไปได้ครึ่งทาง ข้าวเหนียวน้อยเกิดร้องไห้ขึ้นมา ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหลังจากร้องไห้แล้ว เขาก็สั่งให้คนขับรถม้าหันหน้ากลับมาที่จวนของเรา คนขับรถม้าถึงเปิดเผยตัวตน แล้วบอกให้เขามุ่งไปยังภูเขาซีชานต่อไปเพื่อจะได้ส่งมอบและรับช่วงต่อที่นั่น ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าแม่ทัพหลอจะพาตัวเขาเข้าวังไปก็จริง แต่ก็ยังมีข้อแก้ตัวที่พอจะช่วยล้างข้อหาให้เขาได้บ้าง อย่างมากที่สุดคือถูกลงโทษเล็กน้อย ไม่ถึงขั้นฆ่าแกงเอาชีวิตแก่ ๆ ของเขาไปหรอก”

“เช่นนั้นแล้วเรื่องของฮูหยินซ่าง....”

หยู่เหวินเห้าพูดอย่างเฉยเมย: “นั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าพี่สี่จะทำอย่างไรแล้วล่ะ จากคำพูดของเขา ก็คล้ายว่าครั้งนี้ชีวิตของพ่อเจ้าคงรักษาไว้ไม่ได้แน่แล้ว แต่ข้าคิดว่าพี่สี่คงไม่มีทางพูดออกมาแน่ เรื่องนี้ทำได้แค่ขู่ให้พ่อเจ้าตกใจกลัว เพราะถ้าเขาเล่าเรื่องนี้ออกมาในเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ มันจะไม่เผยไต๋เรื่องที่ว่า เขาบังคับให้พ่อของเจ้าพาตัวข้าวเหนียวน้อยไปหรอกรึ? เสด็จพ่อก็ไม่ใช่คนโง่หรอกนะ "

หยวนชิงหลิงถามอีกว่า "แล้วครั้งนี้ที่จับได้ เป็นคนของจวนอ๋องอานใช่หรือไม่?"

“ใช่แล้ว เป็นที่ปรึกษาหุ้ยจากจวนอ๋องอาน” หยูเหวินห่าวหรี่ตาพลางพูดอย่างเย็นชาว่า: “แม้ว่าที่ปรึกษาหุ้ยจะยอมรับเอาความผิดทุกอย่างมาไว้กับตัว แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เสด็จพ่อจะทรงเชื่อทั้งหมด แน่นอนว่าต้องมีใจระแวงในตัวพี่สี่มากขึ้นอีกขั้น ที่ผ่านมาพี่สี่แอบซ่อนความคิดแฝงเร้นอยู่ลึก ๆ มาเนิ่นนาน ไม่แน่ว่าเสด็จพ่ออาจจะไม่เคยรู้ว่าเขามีความคิดร้ายลึกขนาดนั้น แต่ตอนนี้มาเกิดเรื่องนี้ขึ้น ก็ถือได้ว่าตัวเขาเองเอาตัวเองใส่พานมาถวายตรงหน้าเสด็จพ่อชัด ๆ ทำให้เสด็จพ่อจับตามองเขาแบบระยะประชิด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน