ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “คืนนี้ทำไมเจ้าพูดมากจังเลย? นี่เวลาไหนกันแล้ว? กลับไปเถอะ อย่าเอาแต่เฝ้าอยู่ตรงนี้เลย ข้าไม่ได้ใกล้จะตายเสียหน่อย แต่ละคนจะมาเฝ้าอยู่ที่พระตำหนักฉินคุนทำไม? กลับไปเถอะ ล้วนกลับไปกันเถอะ”
พูดเสร็จ แล้วก็ไล่คนกลับไปเหมือนไล่เป็ด
ไทเฮาจึงต้องลุกขึ้นมา ก่อนที่จะไปก็ไม่วางใจ สั่งฉางกงกงเฝ้าดูแลอย่างดี
ฮ่องเต้หมิงหยวนเห็นเขาดูกระปรี้กระเปร่า ก็ค่อยวางใจอย่างมาก พูดกับหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงว่า “คืนนี้พวกเจ้าทั้งสองคนเฝ้าอยู่ที่พระตำหนักฉินคุนก่อน รอพรุ่งนี้อาการดีขึ้นแล้วค่อยกลับไป”
“ขอรับ”หยู่เหวินเห้ารับคำ
ฮ่องเต้หมิงหยวนกลับไป ฮองเฮาฉู่ก็กลับ คนภายในตำหนักค่อยๆทยอยกลับ
หยวนชิงหลิงให้หยู่เหวินเห้าไปพักที่เตียงหลัวฮั่นก่อน นางเฝ้าไท่ซ่างหวงไว้ก่อน เพราะไท่ซ่างหวงยังฉีดน้ำเกลืออยู่ นางยังไปไหนไม่ได้
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ข้าไม่ง่วง อยู่เป็นเพื่อนเจ้าดีกว่า”
ไท่ซ่างหวงหันข้างมองดูทั้งสองคน พร้อมถามขึ้นว่า “ข้าวเหนียวน้อยอาการดีขึ้นหรือยัง?”
“ดีขึ้นแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว” หยวนชิงหลิงดึงผ้าห่มให้กับเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “หลังจากหายป่วยแล้ว ยังทานจนอ้วนขึ้นตั้งเยอะ”
“งั้นดีมากเลย คราวหน้าพามาให้ข้าดูด้วย”ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นอย่างยินดี
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ท่านนอนเถอะ พักผ่อนเยอะๆ ยังเวียนหัวไหม? ยังเห็นภาพลวงตาไหม?”
“ยังเวียนหัวนิดหน่อย” ไท่ซ่างหวงมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “นั่นไม่ใช่ภาพลวงตา นั่นคือผี ได้ยินมาว่าคนที่ใกล้ตายจะเห็นผี ข้าคงใกล้แล้ว ใช่ไหม?”
“พูดไปเรื่อย” หยวนชิงหลิงพูดตำหนิขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ไม่มีเรื่องแบบนี้ อย่าคิดไปเรื่อย ร่างกายของท่านแข็งแรงดีอยู่”
ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นอย่างเมินเฉยว่า “คนเราล้วนต้องตาย ข้าก็หกเจ็ดสิบแล้ว ห่างจากความตายก็ไม่ไกลแล้ว วันเวลานับถอยหลังอยู่ทุกวัน เมื่อถึงวันที่กำหนด ก็ถึงเวลาสิ้นสุดแล้ว”
คำพูดนี้ ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย แต่เมื่อหยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้าได้ฟัง กลับรู้สึกหนักใจ เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก
หยู่เหวินเห้ายิ้มพูดขึ้นว่า “เสด็จปู่ เจ็ดแปดสิบก็อยากไปแล้วหรือ? ฝันหวานไปไหม ท่านดุขนาดนี้ ยมบาลยังไม่อยากได้ท่าน หากไม่ถึงร้อยพัน ไปไม่ได้หรอก ท่านตัดใจเสียเถอะ”
ไท่ซ่างหวงหัวเราะ พร้อมก่นด่าว่า “ข้าไม่ใช่ปีศาจเฒ่า”
ฉางกงกงพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร บ่าวค่อยอยู่เป็นเพื่อนท่านเอง”
“ฝันไปเถอะ เจ้าจะมีอายุได้ถึงร้อยพันปีหรือ? มีบุญวาสนานี้หรือ?”ไท่ซ่างหวงพูดเยาะเย้ย
ฉางกงกงพูดขึ้นอย่างลำบากใจว่า “งั้นบ่าวก็ต้องทิ้งท่านไปก่อนหรือ?”
“เจ้าตายก่อน”ไท่ซ่างหวงพูดขึ้น
หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงต่างก็หัวเราะขึ้นมา แต่ภายในใจ เต็มไปด้วยความเสียใจ
ประโยคที่ไท่ซ่างหวงพูดว่าเจ้าตายก่อน เป็นประโยคที่พูดออกมาอย่างเรียบเฉย กลับสื่อถึงความสุขและความทุกข์ของการพบเจอ จากกันบนโลกนี้อย่างสุดซึ้ง
ไม่มีอะไรเป็นสิ่งนิรันดร แม้แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับบ่าวของพวกเขา จะต้องมีสักคนที่ต้องไปก่อน
เพื่อนเป็นเช่นนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างลูกหลานเป็นเช่นนี้ สามีภรรยาก็เป็นเช่นนั้น
หยู่เหวินเห้ามองดูหยวนชิงหลิง หลังจากที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน มีหลายครั้งที่เกือบจะต้องตายจากกัน ด้วยเหตุนี้จึงยิ่งเข้าใจ และยิ่งเจ็บปวด
หยู่เหวินเห้านั่งอยู่ด้านข้างหยวนชิงหลิง มือจับประสานมือของนางไว้แน่น จ้องมองดูหน้าอย่างกับด้านข้างไม่มีใคร มุมปากอมยิ้ม ในใจกลับเจ็บปวด
และแล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก ภายในตำหนักปกคลุมไปด้วยความเหงาบางอย่าง มีเพียงภายนอกเท่านั้นที่ส่งเสียงดังกรอบแกรบ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเงียบลงเรื่อยๆ
เสด็จปู่มักชอบโม้ว่าตนเองเจ้าชู้ แต่ก็เพียงแค่พูดเท่านั้น ใครๆก็รู้เขาไม่ชอบสาวงาม
ตอนนี้เขากลับเรียกหาชื่อผู้หญิงคนหนึ่ง และยังเป็นอาจารย์ของเซียวเหยากง ช่างน่าแปลกจริงๆ
“พวกเขาเคยรักกันไหม?”หยวนชิงหลิงถามขึ้น
ฉางกงกงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไท่ซ่างหวงรักนางแน่นอนอยู่แล้ว แต่เซียนโล่น่าจะไม่ได้รัก เซียนโล่น่าจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไท่ซ่างหวงเคยรักนาง”
หยวนชิงหลิงเกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมา แอบรักข้างเดียว? การแอบรักจะต้องใช้ความกล้าหาญมากมายขนาดไหน
สมกับที่เป็นไท่ซ่างหวงจริงๆ
อาจารย์ของเซียวเหยากง ได้ยินอยู่ในหูของทั้งสองซ้ำแล้วซ้ำเล่า หยู่เหวินเห้าคิดถึงคำพูดของโสวฝู่ฉู่ แล้วก็รีบถามขึ้นว่า “หรือว่าเซียนโล่คนนั้นยังอยู่ในเมือหลวง? ได้ยินโสวฝู่พูดว่า หมาป่าหิมะภายในจวนเซียวเหยากงนางเป็นคนให้ หมาป่าหิมะที่เซียวเหยากงให้กับพวกขนมหวานก็เป็นนางประทานให้ งั้นเท่ากับว่า ไท่ซ่างหวงกับนางมีการติดต่อกันมาตลอด?”
“ไม่เจอกันนานหลายปีแล้ว” ฉางกงกงถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “นับดูแล้ว น่าจะสามสี่ปีแล้วมั่ง? ส่วนเซียนโล่ยังอยู่หรือไม่อยู่ในเมืองหลวง นอกจากเซียวเหยากงแล้ว คงไม่มีใครรู้แล้ว ส่วนโสวฝู่พูดว่าเซียนโล่เห็นแก่ไท่ซ่างหวง นั่นบางทีโสวฝู่เคยเจอกับเซียนโล่”
“ทำไมพวกเขาถึงไม่เจอหน้ากันอีก? ระหว่างพวกเขามีเรื่องบาดหมางกันหรือ?””หยวนชิงหลิงถามขึ้น
ฉางกงกงพูดว่า “ตอนนั้นเซียนโล่แต่งงานไปจากเมืองหลวง จากนั้นก็กลับมาน้อยครั้งมาก ไม่เคยมีอะไรบาดหมางกัน”
“แต่งงานหรือ?”หยวนชิงหลิงครุ่นคิด หากรู้จักกันตั้งแต่วัยหนุ่ม ตอนนี้ก็แก่แล้ว ยังไงก็ต้องแต่งงานแล้ว มีอะไรน่าตกใจ
“แต่งงานกับใคร?”หยู่เหวินเห้าหวนคิดถึงคนทางด้านเจ้าพระยาซู แต่ก็ไม่ค่อยรู้ลำดับคนในตระกูลของคนอื่น ตระกูลซูในตอนนั้นก็คือตระกูลฉู่ในตอนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ยังไงก็ผ่านมานานมากแล้ว ตระกูลซูร่วงโรยไปแต่แรกแล้ว ถึงแม้จะยศบรรดาศักดิ์ยังอยู่ แต่ลูกหลานในตระกูล เข้ารับตำแหน่งขุนนางในราชสำนักน้อยมาก
ฉางกงกงพูดขึ้นว่า “แต่งกับอ๋องชินเฟิงอัน”
หยู่เหวินเห้าเงยหน้าขึ้นมา พร้อมถามขึ้นในทันใดว่า “อ๋องชินเฟิงอัน? นั่น....นั่นไม่ใช่พี่ชายคนโตของเสด็จปู่หรือ? ตอนนั้นเขาเคยถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายรัชทายาท ต่อมาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถูกปลดตำแหน่ง แล้วแต่งตั้งเสด็จปู่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...