บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 539

จูโห้วเต๋อไปหานางจูใหญ่ อธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง นางจูใหญ่ได้ยินว่าคนที่ผู้ช่วยเจ้ากรมจับตัวมาเป็นหญิงสาวตระกูลหยวนคนนั้น ก็ทั้งโกรธทั้งโมโห ตอนนี้คนตระกูลหยวนมาหาถึงที่ ด้วยนิสัยของท่านพ่อ ไม่มีทางแข็งข้อคนตระกูลหยวนอย่างแน่นอน มีแต่จะบีบบังคับให้นางยอมอ่อนข้อ และตระกูลหยวนก็ไม่น่ามีเรื่องด้วย คิดถึงเช่นนี้ นางพูดกับจูโห้วเต๋อว่า “พี่ใหญ่ท่านไปก่อน ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวข้าตามไป บนเสื้อผ้ายังเลือดเปื้อน เสียมารยาท”

จูโห้วเต๋อเห็นบนไหล่ของนางมีเลือดเปื้อนอยู่จริง จึงพูดขึ้นว่า “งั้นก็ได้ เจ้ารีบหน่อย ท่านพ่อโกรธอย่างมากแล้ว”

หลังจากจูโห้วเต๋อออกไปแล้ว นางจูใหญ่ก็รีบพาบ่าวใช้ออกไปจากทางประตูหลัง

นางไม่มีทางไปปะทะเรื่องนี้แน่ วันนี้คนที่ตระกูลหยวนมาหาคือท่านพ่อ ไม่ใช่นาง ท่านพ่อจะต้องมีวิธีจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำอย่างไร้ซึ่งจิตใจที่หยิ่งในศักดิ์ศรี หรือยอมแลกกับข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง ยังไงหลายปีมานี้เขาก็ปฏิบัติเช่นนี้กับตระกูลหยวนมาตลอด ครั้งนี้ก็เหมือนกัน

จูกั๋วกงรออยู่ด้านนอกนานมาก ก็ไม่เห็นนางจูใหญ่ออกมา เมื่อสั่งคนไปตามอีกครั้ง กลับพบว่าคนหนีไปแล้ว สีหน้าจูกั๋วกงเขียวบึ้งขึ้นมาทันที หลังจากเขียวบึ้งแล้ว หันไปมองเห็นใบหน้าโกรธจัดของฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวน เขาก็อับอายจนหน้าแดงขึ้นมา แล้วก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง

ภายใต้การจ้องเขม็งของฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวน เขากลับทำตัวไม่ถูก เหมือนเด็กทำผิดแล้วไม่รู้จะขอโทษหรือชดเชยยังไง

ในนี้มาจากความอ่อนแอทางจิตใจที่เขามีต่อฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนมาตลอด แต่มากยิ่งกว่านั้นก็คือ เมื่อเขาหวนคิดดู จวนกั๋วกงทำเกินไปจริงๆ

ดังนั้นเขาจึงต้องขอโทษอย่างจริงใจ และบอกว่าจะติดตามเรื่องนี้ ให้ความเป็นธรรมตระกูลหยวนกับอะซี่

เดิมคิดว่าฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนจะไม่ยอมเลิกรา เดือดร้อนให้ถึงที่สุด กลับคิดไม่ถึง หลังจากฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนได้ฟังเขาพูดขอโทษแล้ว ก็สั่งคนรอบข้างถอยออกไป และไล่ทุกคนในจวนกั๋วกงออกไปให้หมด จากนั้นก็มองดูท่านกั๋วกง ถอนหายใจเบาๆพร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านกั๋วกง เรารู้จักกันมาก็หลายสิบปีแล้ว ข้าก็ไม่ได้อยากที่จะทำให้เจ้าลำบากใจ ความจริง หญิงชราอย่างข้า ก็ดมได้กลิ่นของโลงศพแล้ว ความแค้นเหล่านี้ ไม่มีความสำคัญอะไรในสายตาข้าแล้ว นานหลายปีขนาดนี้ เหตุเพราะเรื่องบางอย่าง ข้าโมโหใส่เจ้าอยู่หลายครั้ง ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อย ข้าก็ไม่หยุดที่จะก่นด่าเจ้าอย่างรุนแรงถึงจะพอใจ เหมือนวันนี้ที่อะซี่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เด็กน้อยได้รับความไม่เป็นธรรม รู้ถึงด้านอัปลักษณ์ของคน แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ข้าจะต้องมาเดือดร้อนเจ้าขนาดนี้ แต่ทำไมข้าต้องมาเดือดร้อนขนาดนี้ เจ้ารู้ไหม?”

นี่จะไม่ใช่ความคับข้องในใจจูกั๋วกงหรือ?

ตอนที่ฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนยังสาว ก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผลขนาดนั้น แต่ทำไมถึงชอบจ้องจับผิดเขาอยู่ตลอดล่ะ? หลายปีมานี้ แม้ว่าการไปมาหาสู่กันระหว่างสองตระกูลจะไม่ค่อยบ่อยนัก แต่ก็มักที่จะด่าทอเขา ตำหนิเขาเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อย

ดังนั้น เขาจึงถามกลับว่า “เจ้าพูดมา นี่เป็นเพราะอะไร? ข้าไม่เข้าใจ”

น้ำเสียงฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนยังคงพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “เพราะ ตอนที่พ่อสามีข้าตาย ยังคงเกลียดเจ้าอย่างที่สุด”

สีหน้าจูกั๋วกงขาวซีดลงทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่....เป็นไปได้อย่างไร? แม่ทัพใหญ่ไม่พอใจอะไรในตัวข้าหรือ? ก่อนที่ท่านจะจากไป ก็ไม่เคยพูดถึง เจ้าเอาคำพูดพวกนี้มาจากไหน?”

ฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เขาไม่เคยพูดอะไรมาตลอด ความผิดหวังที่มีต่อเจ้าก็เก็บไว้ภายในใจ เจ้ามีชื่อเสียงมีหน้าที่การงาน เขาด่าเจ้าจะเป็นการไม่ไว้หน้าเจ้า เพราะความแค้นเล็กน้อยระหว่างเจ้ากับเซียวเหยากง หลายปีมานี้เจ้าขัดขวางเรื่องต่างๆมามากแค่ไหนแล้ว? ตอนนี้ข้าขอถามเจ้า การเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นต้าโจว ที่องค์ชายรัชทายาทเสนอขึ้นมา เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร มีประโยชน์ต่อเป่ยถังเรา หรือมีข้อเสียมากกว่า?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน