เรื่องของพระมาตุลาตี๋กับตี๋เว่ยหมิง หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงปรึกษากันแล้ว ตอนนี้องครักษ์ลับผีไม่มีคนคอยประสานภายใน พวกเขาสามารถวางใจลงได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
นอกจากเรื่องนี้ น้อยมากที่หยู่เหวินเห้าจะพูดถึงเรื่องในราชสำนักให้หยวนชิงหลิงฟัง หนึ่งคือหยวนชิงหลิงเองไม่อยากจะรับรู้เรื่องราวตึงเครียดมากมายนัก สองคือ ใจของหยวนชิงหลิงเฝ้าครุ่นคิดแต่เรื่องเขาโรคเรื้อนกับการเปิดโรงเรียน สาม เป็นการปกป้องนางด้วย สตรีไม่ยุ่งเรื่องการเมือง ถ้าหากเรื่องที่ยายหยวนถามเรื่องในราชสำนักถูกอ๋องอันได้ยินเข้า คงต้องทูลฟ้องแน่ แม้ว่าจะฟ้องแล้วไร้ประโยชน์ และไม่ควรมาเสียเวลาด้วย
กำหนดวันเดินทางเรียบร้อยแล้ว ยังต้องรายงานกับฮ่องเต้หมิงหยวนว่าวันไหว้พระจันทร์ไม่สามารถอยู่ร่วมงานเทศกาลได้ หลังจากฮ่องเต้หมิงหยวนได้ยินแล้ว ก็เอ่ยเสียงเรียบเฉยว่า “พวกเจ้าอยากจะไปไหนก็ไป ใครยังจะหวังว่าพวกเจ้าจะมาหรือไม่มา เด็กๆมากันก็พอ”
หยู่เหวินเห้าได้ยินคำพูดที่แสนจะไม่แยแสเช่นนี้ ก็รู้สึกเจ็บปวดจริงๆ “เสด็จพ่อทรงเห็นหลานสำคัญกว่าลูก”
ฮ่องเต้หมิงหยวนดุทันที “ไสหัวไป”
รัชทายาทที่อยากจะออดอ้อนมองสีหน้าของเสด็จพ่อที่ดูระอาใจนัก รอยยิ้มมีเมตตาอ่อนโยนที่เคยเห็นตอนนี้มีให้แค่ตอนที่มองเจ้าตัวเล็กสามคนเท่านั้น ตัวเองช่างไม่มีน้ำยาทำให้คนชื่นชอบได้เลย ได้แต่หางจุกตูดไสหัวออกไป
แต่ว่า ตามหลักธรรมเนียมแล้ว เพราะเขาไม่อยู่ร่วมงานเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ในวัง จำเป็นต้องพาครอบครัวเข้าวังก่อนล่วงหน้าเพื่อฉลองวันไหว้พระจันทร์กับเสียนเฟยก่อน นี่ไม่ใช่กฎกติกาที่ตายตัว แต่ว่าเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน คนที่ต้องออกจากเมืองหลวงไปทำงานในช่วงเทศกาลวันสำคัญ ก็ต้องเข้าวังล่วงหน้าเช่นกัน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นวันเกิดเขาอีกด้วย ต้องขอบคุณเสียนเฟยในบุญคุณที่เลี้ยงดูมาคำว่ากตัญญู เป่ยถังยังคงมองว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่ว่าตอนนี้เสียนเฟยจะถูกกักบริเวณหรืออื่นใดก็ตาม สรุปแล้ว รัชทายาทองค์ปัจจุบันยิ่งต้องเป็นตัวอย่างให้กับประชาชน ด้วยเหตุนี้ ก่อนออกจากเมืองหลวงหนึ่งวัน พาเหล่าของว่างไปกินข้าวพร้อมหน้ากับเสียนเฟย
เจ้าตัวเล็กทั้งสามกินนมเก่งมาก แค่สองเดือนก็หนักขึ้นมาก ข้าวเหนียวผอมกว่านิดหน่อย แต่ดูแล้วก็แข็งแรงขึ้นมาก หน้าตาค่อยๆเปลี่ยนไป เป็นร่างที่รวมหยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้าเอาไว้ด้วยกัน ดวงตาเหมือนหยวนชิงหลิง จมูกกับปากล้วนเหมือนหยู่เหวินเห้า
แต่ว่า ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่ยอมรับในจุดนี้ เขาคิดว่า ไม่ว่าจะเป็นใบหูหรือว่าสันจมูกหรือว่าริมฝีปาก ล้วนเหมือนเสด็จปู่
เป็นถึงฮ่องเต้ ไม่ยอมรับการโต้เถียงใดๆ
ฮ่องเต้หมิงหยวนก็เข้าร่วมงานฉลองในบ้านครั้งนี้ด้วย
ไม่ใช่เป็นการให้เกียรติเสียนเฟย แต่มองในส่วนของเหล่าของว่างทั้งสิ้น
เสียนเฟยเห็นฮ่องเต้หมิงหยวนหยอกล้อเด็กๆอยู่อีกฝั่ง จึงอยากจะเข้าไปร่วมอุ้มกับเขา ไหนเลยจะรู้ว่า นางเพิ่งจะเข้าใกล้ เหล่าของว่างก็เริ่มร้องไห้เสียงดังขึ้นมา เป็นการร้องไห้เสียงดังจริงๆ โดยไม่มีการต้นสายปลายเหตุ ร้องจนใบหน้าเขียวคล้ำขึ้นมา
ฮ่องเต้หมิงหยวนสีหน้าเย็นชา “ไปไกลๆหน่อย อย่าเข้ามา
เสียนเฟยได้แต่ถอยออกมาอย่างลำบากใจ
ตอนที่งานเลี้ยงตอนค่ำเริ่มขึ้น ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่ได้เข้ามานั่งเพื่อร่วมกินข้าวด้วยกัน เขาบอกว่าจะมาร่วมงานเลี้ยงครอบครัว แต่กลับให้ดื่มน้ำแกงไปเพียงเล็กน้อย ไม่กินกับข้าวเลยแม้แต่คำเดียว เขากินเสร็จแล้วค่อยมา อีกทั้ง เขายังคงยืนหยัด ในสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย เขาจะไม่กินข้าวร่วมโต๊ะกับคนอื่นไม่ว่าใครอย่างเด็ดขาด ดูก็รู้ว่าคงมีประสบการณ์ไม่ดีมาก่อน แต่ก็ไม่มีใครถาม คุ้นชินกันแล้ว
เสียนเฟยตบโต๊ะดังปัง วางตะเกียบไว้บนโต๊ะอย่างแรง โมโหจนตัวสั่นไปหมด “ลูกอกตัญญู ตอนนี้แม้แต่จะว่าสะใภ้ของเจ้าสักคำก็ไม่ได้ใช่หรือไม่ ในสายตาของเจ้า ยังมีข้าเป็นแม่อยู่หรือไม่ ที่แท้ก็แต่งภรรยาแล้วลืมแม่ เสียแรงที่รักเจ้าจริงๆ”
หยู่เหวินเห้าก็วางตะเกียบลง เงยหน้าขึ้นขมวดคิ้วมุ่น “เสด็จแม่ ข้าไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาหรือ คืนนี้ทุกคนต่างก็มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ยายหยวนก็ไม่ได้จงใจทำให้ท่านไม่พอใจ นี่ท่านถึงกับโมโหมันสมควรหรือ”
คืนนี้เสียนเฟยสะกดกลั้นความไม่พอใจไว้เต็มอก พวกเขาพาลูกๆเข้าวังล่วงหน้ามากินข้าวกับนาง บอกว่าคืนวันไหว้พระจันทร์จะไม่ได้อยู่ร่วมงาน ถ้าหากพวกเขาไม่อยู่ เช่นนั้นเกรงว่าคืนวันกินข้าวพร้อมหน้านางคงไม่สามารถออกไปได้แล้ว เพราะว่าไทเฮามีคำสั่งกักบริเวณ
หลังจากนั้นได้ยินว่าเป็นหยวนชิงหลิงที่อยากจะออกไปท่องเที่ยว ในใจก็อย่างจะตำหนิสั่งสอนหยวนชิงหลิงสักครั้ง แต่ฮ่องเต้ดันมาเสียก่อน นางจึงได้แต่เก็บอารมณ์เอาไว้และกินข้าวต่อไป เพราะว่า น้อยมากที่ฮ่องเต้จะเข้าร่วมงานภายในครอบครัวของเหล่าสนมในตำหนักต่างๆ สามารถให้เกียรติมาเยือนได้ แสดงว่านางยังคงมีตำแหน่งอยู่ในใจ
ไหนเลยจะรู้ว่า ฮ่องเต้ก็แค่กินน้ำแกงไปไม่กี่คำ แม้แต่ข้าวก็ไม่ร่วมนั่งกินด้วย ไปนั่งหยอกเด็กๆอยู่อีกฝั่ง
แล้วก็นึกถึงเรื่องที่นางอยากจะอุ้มเด็กๆ เด็กตัวเล็กๆแค่นี้ก็รู้จักทำสีหน้าให้นางดูซะแล้ว ในใจยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ และไม่สนใจว่าฮ่องเต้หมิงหยวนจะอยู่ด้วย ระเบิดอารมณ์ออกมาตรงๆ ตบโต๊ะเอ่ยเสียงดุว่า“ข้าตำหนินางแล้วอย่างไร ถ้าหากนางทำถูกต้อง ข้าจะตำหนินางหรือ เทศกาลวันไหว้พระจันทร์ กับเวลาก่อนหลังวันเกิดของเจ้า เดิมทีก็ควรอยู่ในวังร่วมฉลองกับแม่ดีๆ นางกลับไม่รู้ความจะออกไปท่องเที่ยว นี่หรือคือวิถีแห่งความกตัญญู ยังมีอีก ไม่รู้ว่านางสั่งสอนลูกชายอย่างไร ข้าเข้าใกล้ลูกชายเข้านิดเดียว ก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ราวกับว่าข้าจะบีบพวกเขาให้ตายอย่างไรอย่างนั้น ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนเอ่ยเสียงเย็นว่า “เจ้าอยากจะบีบพวกเขาให้ตายหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่เจ้าไม่เคยคิดจะบีบแม่ของพวกเขาให้ตายหรืออย่างไร อย่าคิดว่าเด็กๆไม่รู้ประสาอะไร ยิ่งตัวเล็กแค่นี้ยิ่งมีจิตสัมผัสรับรู้ได้ ”
เสียนเฟยได้ยินคำพูดนี้ของฮ่องเต้หมิงหยวน ก็กุมหน้าร้องได้อย่างทันที “ตอนนี้ทุกคนต่างว่าหม่อมฉันทำไม่ถูกต้อง แต่ตอนนั้นหม่อมฉันก็ทำเพื่อจะปกป้องเด็กทั้งสามคนมิใช่หรือ คนเป็นแม่ก็ต้องเสียสละเพื่อลูก ตอนนั้นสถานการณ์อันตราย ถ้าหากสามารถช่วยเด็กสามคนนี้เอาไว้ได้ พระชายารัชทายาทเองก็ควรร้องขอให้ปกป้องเด็กเอาไว้ นี่จึงจะเป็นแบบอย่างของสะใภ้ราชวงศ์ ให้สมกับเป็นตัวอย่างแก่ภรรยาของประชาชนทั่วไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...