สวีอีคิดว่านักพรตคงไม่เต็มใจที่จะให้พวกเขาลงไป จึงพูดอย่างโกรธเคืองว่า "จะมองผิดได้อย่างไรกัน? พวกเราเห็นเรือลำเล็ก ๆ ในทะเลสาบ แล้วจากนั้นก็พายไปตรงกลาง น่ากลัวว่ายังไม่ขึ้นมาเป็นแน่ ถ้าไม่เชื่อท่านตามข้าไปดูด้วยกันเดี๋ยวนี้เลยก็ได้"
นักพรตโบกมือ ยิ้มน้อย ๆ พลางพูดว่า “เป็นไปไม่ได้ ทุกท่านคงมองผิดแล้ว ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ให้คนลงไปที่ทะเลสาบจิ้ง แต่ไม่มีใครกล้าลงไปต่างหาก เมื่อนานมาแล้วเคยมีคนลงไป แต่พอลงไป ก็ไม่อาจหวนกลับขึ้นมาได้อีกเลย"
หมันเอ๋อตกใจมาก “หา? เพราะจมน้ำไปหรือเจ้าคะ?”
นักพรตส่ายหน้า “ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น ทะเลสาบจิ้งแห่งนี้จะเปิดเพียงปีละสองครั้ง คนที่ลงไปที่ทะเลสาบเอง จะไม่สามารถหาศพหรือเรือพบได้แม้แต่เศษเสี้ยว ดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีเรือเล็กบนภูเขา ต่อให้อยากลงไปก็ลงไปไม่ได้ ทุกท่านคงมองผิดไปแน่แล้ว”
หยวนชิงหลิงงุนงงมาก เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า "นักพรต พวกเราสี่คนแปดตา เป็นไปไม่ได้ที่จะมองผิดพร้อมกันอย่างนี้ มีคนพายเรืออยู่ในทะเลสาบจริง ๆ อาจเป็นไปได้ว่ามีคนลงไป หรืออาจมีคนพกเรือลำเล็กขึ้นเขามาด้วย พวกท่านไม่ทราบเลยหรือเจ้าคะ?"
นักพรตยิ้มแล้วพูดว่า "จะไม่รู้ได้อย่างไรกัน? ทะเลสาบจิ้งแห่งนี้จะมีคนคอยดูแลสอดส่องอยู่ตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าผู้แสวงบุญที่ขวัญกล้าบางคน ลงไปเสี่ยงชีวิตด้วยการพายเรือเล่น ข้าอยู่ที่นี่มานานกว่าสามสิบปีแล้ว เคยเห็นคนลงไปแค่สองคน และคนสองคนก็ไม่กลับมาอีกเลย เรือเองก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย นับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครลงไปอีก ด้วยเหตุนี้ ทะเลสาบจิ้งจึงอันตรายมาก ไม่อาจให้คนลงไปได้จริง ๆ"
นักพรตมองพินิจทุกคน รู้ดีว่าสถานะของคู่สามีภรรยาที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ธรรมดา จึงให้ความเกรงใจอย่างมาก ตัดสินใจเล่าถึงอันตรายของทะเลสาบจิ้งให้พวกเขาฟัง เพราะกลัวว่าจะหยุดไม่ให้พวกเขาลงไปไม่ได้ และคงจะไม่ดีแน่ถ้าพวกเขามีอันตรายถึงชีวิต
หยวนชิงหลิงมองดูนักพรต เห็นว่าท่าทางของเขาไม่เหมือนพูดโกหกแบบขอไปที จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า เรือเล็กลำเมื่อครู่ เป็นเพียงภาพลวงตาแบบอุปาทานหมู่ของพวกเขาทั้งสี่คน?
แต่เรือลำเล็กลำนั้นมองเห็นได้ชัดเจนเป็นความจริงมาก ต่อให้เป็นภาพลวงตา ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่คนสี่คน จะเห็นภาพลวงตาแบบเดียวกันหรอกกระมัง?
หยวนชิงหลิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ถามขึ้นว่า " นักพรต ไม่มีใครที่ลงไปที่ทะเลสาบจิ้งแล้วกลับมาได้เลยอย่างนั้นหรือเจ้าคะ?"
นักพรตลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "อย่างน้อย ข้าก็ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่อาจารย์ลุงของข้าเคยลงไปแล้วกลับมาได้ แต่หลังจากที่เขากลับมาคนก็เสียสติไป เอาแต่พูดว่าท่านได้ไปยังต่างโลก ยังบอกด้วยว่านี่คือทางเข้าของห้วงเวลาอะไรแบบนั้น ในระยะเวลาสั้น ๆ ท่านก็สติไม่สมประกอบไป ต่อมาในขณะที่ทุกคนไม่ทันระวัง ท่านก็หนีลงไปอีก นับตั้งแต่นั้นท่านก็ไม่กลับมาอีกเลย ร่างศพก็หาไม่พบเช่นกัน"
เลือดทั่วทั้งร่างของหยวนชิงหลิงฉีดพุ่งไปยังสมองอย่างรวดเร็ว ตื่นตะลึงจนยื่นมือออกไปคว้าแขนเสื้อตัวยาวของนักพรต "ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ? ทางเข้าของห้วงเวลา ? ทะเลสาบจิ้งเป็นทางเข้าของห้วงเวลาอย่างนั้นรึ?"
นักพรตถูกปฏิกิริยาที่ตื่นเต้นเกินเหตุของนางทำให้ตกใจ จึงรีบผละให้พ้นจากมือของนางอย่างรวดเร็ว “ฮูหยิน อย่าได้ตื่นเต้นจนเกินไป นี่เป็นคำพูดตอนที่อาจารย์ลุงของข้าเสียสติ คำพูดของคนที่เสียสติไม่อาจเชื่อถือได้ ในโลกนี้จะมีสิ่งที่เรียกว่าโลกใบอื่น หรือทางเข้าของห้วงเวลาได้อย่างไรกัน?”
เมื่อนักพรตพูดจบ ก็เห็นว่าหยวนชิงหลิงยังคงมีท่าทางตกตะลึงพรึงเพริศไม่หาย จึงแอบคิดในใจว่า ฮูหยินผู้นี้ก็คงจะเป็นคนสติไม่ค่อยจะสมประกอบเท่าไหร่ จึงไม่กล้าพูดจายั่วยุให้มาก หลังจากค้อมกายกล่าวลาก็จากไปทันที
หยู่เหวินเห้าจ้องมองหยวนชิงหลิง ดวงตากลับไปทอแววหวาดหวั่นอันคุ้นเคยเหมือนตอนที่หยวนชิงหลิงสวดอธิษฐานเมื่อครู่ "หยวน อะไรคือทางเข้าของห้วงเวลา ? ที่เขาพูดมันหมายความว่าอะไรรึ ? ทำไมเจ้าถึงต้องตื่นเต้นมากมายขนาดนั้น?"
หยวนชิงหลิงฝืนระงับความตะลึงพรึงเพริศในใจตัวเอง แล้วพยายามบีบเค้นท่าทางที่ดูมีความสุขออกมา พูดเฉไฉอย่างสุดความสามารถว่า "ห้วงเวลา ก็คือสิ่งที่มีทิศทางเดียวกับจุดมืดบนดวงอาทิตย์ที่เจ้าหวางกำลังเฝ้าศึกษาวิจัยอยู่ ถ้าเจ้าไปบอกเจ้าหวางล่ะก็ เขาจะต้องดีใจแทบแย่เลยเชียวล่ะ"
หยู่เหวินเห้ามองนางอย่างนึกสงสัย “จริงหรือ?”
“แน่นอนว่าต้องจริงสิ” หยวนชิงหลิงคว้าแขนของเขาหมับ “ไปกันเถอะ ไปดูที่ทะเลสาบจิ้งกันอีกครั้ง”
หยู่เหวินเห้าออกไปกับนางแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เมื่อไปถึงทะเลสาบจิ้ง ทิวทัศน์อันงดงามแบบเดียวกัน กลับทำให้หยู่เหวินเห้าเกิดความรู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาในใจลึก ๆ เขาเอาแต่จ้องมองแววตาตื่นเต้นที่ปรากฏในก้นบึ้งของดวงตาหยวนชิงหลิง นี่ไม่ใช่ความยินดีที่ได้ค้นพบอะไรที่จะช่วยเรื่องการวิจัยอันแปลกประหลาดของเจ้าหวางแน่ ดูแล้วเหมือนว่ามันจะเกี่ยวข้องกับนางโดยตรงมากกว่า
สวีอีขยี้ตาแล้ว ก็ขยี้ตาอีก จ้องไปที่ทะเลสาบจิ้ง "น่าแปลกนัก ตอนนี้กลับไม่มีเรือแล้วจริง ๆ ด้วย หรือว่าเมื่อครู่นี้เป็นพวกเรามองผิดไปจริง ๆ ?"
หมันเอ๋อพูดว่า "มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมองผิดกันหมด เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าพวกเรามองเห็นจริง ๆ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...