ทังหยางกล่าวเบาๆ “องค์ชาย ความเป็นไปได้นี้ไม่ใช่ว่าไม่มีพ่ะย่ะค่ะ สองสามปีนี้ เสียนเฟยใช้จ่ายในวังมากมาย จากเงินที่นางควรจะได้รับ รับผิดชอบไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าเคยถามนางแล้ว นางบอกว่าที่บ้านของนางส่งเงินมาให้นาง”
พี่ซูหลงกล่าว “น้องชาย กลัวเพียงแค่จะไม่มี สถานการณ์ของตระกูลซูในตอนนี้เป็นอย่างไรเจ้าก็รู้ เงินส่วนกลางไม่พอใช้จ่ายโดยสิ้นเชิง ยังจะมีเงินเหลือจากไหนมาสนับสนุนท่านน้า?”
จิตใจของหยู่เหวินเห้าสับสน “เรื่องนี้ถามซูต๋าเหอในวันพรุ่งนี้ก่อนค่อยว่ากันเถอะ”
พี่ซูหลงกล่าว “แต่ว่าในใจของเจ้าก็ต้องมีการเตรียมตัวไว้แล้ว ถ้าหากว่าท่านน้าเข้าร่วมเรื่องนี้ด้วยจริงๆ เจ้าจะทำอย่างไร?”
หยู่เหวินเห้าถอนหายใจเบาๆ ขมวดคิ้ว “ยังจะทำอย่างไรได้? เงินพรรคนี้ จะต้องให้นางเอาที่โกงกลับออกมาเป็นแน่”
เพียงแค่ ถ้าหากว่านางมีส่วนจริงๆ เกรงว่าเงินส่วนนั้นได้ใช้ไปตั้งนานแล้ว จะคืนอย่างไร? เงินมากกว่าล้านตำลึง แม้จะใช้ไปบนเขาโรคเรื้อนสองแสนตำลึงจริงๆ เช่นนั้นยังต้องเอาคืนมาอีกแปดแสนตำลึง
อีกทั้ง หากเสด็จพ่อรู้เข้า จะปล่อยนางได้หรือ?
วันรุ่งขึ้น หยู่เหวินเห้าเชิญซูต๋าเหอมาในจวน
ซูต๋าเหอรับตำแหน่งในกรมคลัง รู้ว่าหยู่เหวินเห้าดึงสมุดบัญชีของเขาโรคเรื้อนไปเป็นธรรมดา ดังนั้นวันนี้มา เขาก็เข้าใจแจ่มแจ้ง
แต่ หยู่เหวินเห้ามองไม่เห็นสีหน้าความตื่นตระหนกใดๆจากใบหน้าของเขาเลย จนกระทั่งยังวางมาดของท่านลุง ตำหนิเขาก่อนรอบหนึ่ง บอกว่าเขาอกตัญญูต่อเสียนเฟย
หยู่เหวินเห้าฟังคำพูดเหล่านี้ จิตใจจมดิ่งลงไป จากคำพูดของซูต๋าเหอสามารถฟังออก เสด็จแม่ไปมาหาสู่กับที่บ้านของตัวเองอย่างใกล้ชิดมาก ที่เขาพูดว่าอกตัญญู ก็เพียงเพราะเกิดปัญหาขึ้นในระยะนี้ และซูต๋าเหอรู้
หยู่เหวินเห้าก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงให้เขาดูสมุดบัญชี
ซูต๋าเหอเหลือบมองแวบหนึ่ง กล่าวถามเบาๆ “สมุดบัญชีเหล่านี้ข้าเคยดู ยังมีบางส่วนที่ข้าจดลงไปด้วยตัวเอง รัชทายาทรู้สึกว่ามีปัญหาอะไรรึพ่ะย่ะค่ะ?”
หยู่เหวินเห้าน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย “ราคาการก่อสร้างของเขาโรคเรื้อนสองแสนตำลึง ค่าใช้จ่ายห้าปีนี้ใช้จ่ายไปแล้วกว่าหลายแสนตำลึง ห้าปี เขาโรคเรื้อนเล็กๆแห่งหนึ่ง ใช้จ่ายเงินกว่าหนึ่งล้านตำลึง ท่านคิดว่าเงินของราชสำนักคือลมพายุพัดมาจริงๆหรือ?”
ซูต๋าเหอหัวเราะขึ้นมา ดวงตาเผยประกายการเยาะเย้ยออกมา “องค์ชาย นี่ท่านคิดวิธีทำคุณงามความดีหรือ? ต้องการจับผิดข้อบกพร่องบนเขาโรคเรื้อน ทำเรื่องที่เป็นรูปธรรมให้มากๆสักสองสามเรื่องออกมายังจะดีซะกว่า สมุดบัญชีเหล่านี้ไม่มีปัญหาสักนิด เขาโรคเรื้อนก็ใช้จ่ายเงินมากขนาดนี้ หากองค์ชายคิดว่ามีปัญหา สามารถเปิดเผยสมุดบัญชีเหล่านี้ในราชสำนักได้ แต่ อย่างไรเสียข้าก็เป็นลุงแท้ๆของท่าน ก็ไม่สามารถที่จะไม่ตักเตือนท่านได้ เขาโรคเรื้อนเป็นข้อห้าม ผู้ใดก็ไม่อยากฟังสามคำนี้ องค์ชายอย่าคิดจะอวดฉลาดแต่กลับเรื่องโง่เลย ถึงเวลาจะถูกฮ่องเต้ตำหนิ เช่นนั้นก็จะเปลืองแรงโดยไม่รับการชื่นชมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ทังหยางถอนหายใจแล้วกล่าว “ลูกไต่สวนมารดา อกตัญญูอย่างใหญ่หลวงพ่ะย่ะค่ะ ไม่มีวิธีอื่น ทำได้เพียงปิดบังเรื่องนี้ไว้ เรื่องนี้จะไม่มีคนสืบต่อ ต้องการปกปิดให้ผ่านไปไม่ยาก เพียงแค่ค่าใช้จ่ายในอนาคตต้องควบคุมให้ดี วัตถุบนเขาท่านรับมาดูแลเองเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
“ปกปิดไว้?” หยู่เหวินเห้าอดกลั้นความโกรธไว้ในใจ หายใจด้วยความยากลำบากเป็นที่สุด “ปีนี้ค่าใช้จ่ายการทหารจัดสรรมากเท่าไหร่เจ้ารู้ไหม?”
“ยี่สิบล้านตำลึงพ่ะย่ะค่ะ!” ทังหยางรู้ กล่าวด้วยเสียงเบาๆ
หยู่เหวินเห้าโมโหจนหัวเราะแล้ว “ยี่สิบล้านตำลึง เทียบกับปีที่ผ่านมาน้อยลงถึงสิบล้านตำลึง ที่เหลือ บอกว่าปลายปีจัดสรรไปให้ ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องยุ่งยากขึ้นมา? ก็เพราะท้องพระคลังไม่มีเงิน ท้องพระคลังว่างเปล่าแล้ว ต้องรอให้ทุกที่ชำระภาษีทุกชนิดจึงจะมีเงินจัดสรรไปให้ ตั้งแต่เสด็จพ่อครองราชย์มา เริ่มก่อสร้างชลประทาน ขุดแม่น้ำเพื่อการขนส่ง ค่าใช้จ่ายเงินอุดหนุนเกษตรกรรมพัฒนาไปอย่างมาก เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ ทุกปีในวังมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?”
ทังหยางถอนหายใจเบาๆ “ฮ่องเต้ทรงมัธยัสถ์เป็นอย่างมากแล้วจริงๆ”
หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างโกรธเคือง “ไม่เพียงแค่มัธยัสถ์เท่านั้น? ด้านนอกใครไม่พูดว่าเสด็จพ่อเป็นฮ่องเต้ที่ตระหนี่ขี้เหนียวเป็นที่สุดของเป่ยถังบ้าง? แม้การพระราชทานรางวัลของเขาก็ยังต้องเขียนหลักฐานการยืมเงิน เคยเห็นฮ่องเต้ที่เขียนหลักฐานการยืมเงินหรือ? หยู่เหวินเห้าโกรธจนเสียงแฝงไปด้วยความสะอึกสะอื้น “ถึงเสด็จพ่อจะรู้สึกว่าคนป่วยโรคร้ายแรงเป็นความเคราะห์ร้าย แต่ในใจของเขามีความรู้สึกผิด ดังนั้นแม้จะรู้ว่าไม่กี่ปีมานี้ค่าใช้จ่ายของเขาโรคเรื้อนสูงแต่กลับไม่เคยสงสัย แต่เขากลัวเพียงว่าแค่ฝันก็ยังนึกไม่ถึงว่าจะมีคนใจดำกับคนที่เป็นโรคร้ายแรงเหล่านี้ เอาเงินกินข้าวเงินกินยาของพวกเขาทั้งหมดเข้ากระเป๋าส่วนตัวของตัวเองแล้ว ทังหยาง เจ้าจะให้ข้าปิดบังให้ผ่านไปได้อย่างไร? เรื่องนี้สามารถปล่อยไปได้หรือไม่?”
ทังหยางถอนหายใจ “แต่หากไม่ปิดบัง จะทำอย่างไรได้พ่ะย่ะค่ะ? หากท่านกล่าวโทษเสียนเฟยจริงๆ ก็จะอกตัญญูอย่างใหญ่หลวง ยังไงเรื่องนี้ก็ให้ท่านมาทำไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ มอบให้คนอื่นก็ไม่เหมาะสม โสวฝู่เจาะจงให้ท่านไปทำ ท่านปัดออกไป ผลักกลับไปที่กรมคลังหรือ? กรมคลังก็ไม่กล้าเอ่ยอย่างแน่นอน เสียนเฟยเป็นถึงพระมารดาผู้ให้กำเนิดรัชทายาท ดังนั้นสุดท้ายก็ยังต้องปิดบังให้พ้นไปพ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...