บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 602

หรงเยว่พยักหน้า มองดูท่านชายสี่แล้วถาม “แล้วเรายังจะฆ่าพระชายารัชทายาทอีกมั้ย? ดูนางแล้วเป็นคนที่ไม่เลวคนหนึ่ง”

แววตาของหรงเยว่เศร้าเล็กน้อย เมื่อก่อนฆ่าคน ไม่เคยไปสัมผัสว่าเป้าหมายจะเป็นคนอย่างไร

แต่ว่าหลังจากที่พูดคุยกับพระชายารัชทายาทมาหลายวัน นางรู้สึกว่านางชื่นชมพระชายารัชทายาทแล้ว ถ้าหากพระชายารัชทายาทมารักษาผู้ป่วยที่นี่โดยไม่มีจุดประสงค์อื่น เพียงเพื่อช่วยชีวิตราษฎร นางยังจะลงมือฆ่าได้มั้ย?

ท่านชายสี่นิ่งไปครู่ใหญ่ “สังเกตการณ์ไปก่อน ฝั่งซูต๋าเหอได้ส่งคนไปหรือยัง?”

“ส่งไปแล้ว สองสามวันนี้น่าจะได้หัวกลับมา”

“อืม ไปสืบอีกทีว่าทำไมเขาถึงถูกเนรเทศ”

หรงเยว่กล่าว “ไม่จำเป็นต้องสืบ ข้าน้อยรู้แล้ว ก็เกี่ยวกับเรื่องเขาโรคเรื้อน เขายักยอกเงินไปเป็นจำนวนมาก ลดค่าอาหารและค่ายา เอาเงินเข้ากระเป๋าของตัวเอง ถูกรัชทายาทตรวจสอบเจอ ฮ่องเต้ให้เขาชดใช้เงินที่ยักยอกไปและปรับเงินเขาหลังจากนั้นก็ถูกตัดสินให้เนรเทศไปนอกเมือง”

ท่านชายสี่ตกใจ “ที่ตรงนี้มีอะไรให้น่าโกงอีก?”

“ไม่น้อยเลย ได้ยินมาว่าเกินกว่าหนึ่งร้อยตำลึง ผู้ป่วยที่นี่ในหนึ่งวันได้กินแค่หมั่นโถวกลวงหนึ่งมื้อ ท่านดูผู้ป่วยก็ผอมขนาดนั้น หิวจนหลายปีมานี้ตายไปหลายร้อยคน ข้าสงสัยว่าคนหิวตายมีมากกว่าคนป่วยตาย”

ท่านชายสี่ตกใจไปครู่ใหญ่ “งั้นไม่เท่ากับแย่งอาหารกับขอทาน?”

“ใช่เจ้าค่ะ คนสูงศักดิ์ไง ส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้” หรงเยว่ขณะที่พูด ก็ได้เปลี่ยนคำพูด “แน่นอน ก็ไม่ใช่คนสูงศักดิ์ทั้งหมดที่จะเป็นแบบนี้ ก็มีคนดีเหมือนกัน ดูอย่างพระชายารัชทายาทกับอ๋องหวยก็รู้แล้ว”

“อ๋องหวย?” ท่านชายสี่เงยหน้าขึ้นพร้อมกับสายตาที่เจ้าเล่ห์มองนาง ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้คำว่าอ๋องหวยสองตัวอักษรนี้แล้ว

หรงเยว่ยิ้มอย่างสดใส “ใช่เจ้าค่ะ อ๋องหวย ว่าที่สามีข้าในอนาคต หลังจากเสร็จเรื่องนี้แล้ว พวกเราก็จะแต่งงานกันแล้ว”

ท่านชายสี่อุทาน “แต่งงาน? แล้วเจ้าบ่าวทราบเรื่องหรือยัง?”

“เมื่อถึงเวลาก็จะบอกเขา นายท่าน เตรียมของที่จะเอาไปในวันแต่งงานให้พร้อมเลยนะ” หรงเยว่ยิ้มแฉ่ง

ท่านชายสี่ขี้เกียจคุยกับนาง ลุกขึ้นปัดฝุ่นที่ก้นแล้วเดินจากไป เดินกลับไปที่หมู่บ้านโรคเรื้อน

ชอบคิดเองเออเองและก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย ทุกครั้งบอกว่าจะแต่งงานแล้ว สุดท้ายคนอื่นยอมที่จะกระโดดลงแม่น้ำก็ไม่ยอมที่จะแต่งงานกับนาง ก็ขนาดนี้แล้ว ยังไม่เตรียมใจอยู่บนคานอีก ช่างไม่รู้ตัวเสียเลย

ก่อนฟ้าจะมืด ทั้งหมดก็ลงเขา หยวนชิงหลิงฟังพวกเขาพูดถึงอาการของผู้ป่วยที่ตัวเองรับผิดชอบ เมื่อมาถึงรถม้าก็ทำการบันทึกโดยย่อ

กลับมาถึงที่จวน เขาก็เข้าไปในห้องหนังสือทำประวัติการรักษาของวันนี้

คืนนี้หยู่เหวินเห้าก็ไม่ได้กลับมา ในปลายฤดูใบไม้ร่วงและต้นฤดูหนาว หลังจากที่อากาศค่อยๆเย็นลง สถานฝูโย่วต้องซื้อผ้าห่มและเสื้อกันหนาว เขาจับตาทำทีละเรื่อง หลังจากเคยเกิดเรื่องที่เขาโรคเรื้อนแล้ว เขารู้สึกว่าเรื่องบางเรื่องยังไงก็ต้องกำกับเอง ไม่ควรที่จะอาศัยคนอื่น

กรมการพระนครมีเรื่องมากมายที่ต้องกำกับดูแล คดีก็เยอะ แต่ละวันเรื่องอื่นก็ยุ่งจนไม่มีเวลาแล้ว แต่ว่าสถานฝูโย่วไม่มีหน่วยงานเฉพาะมาดูแล หากต้องการให้เงินเกิดประโยชน์จริง ยังคงต้องจับตาดูด้วยตัวเอง

เมื่อกลับมาถึงที่จวน ก็เกือบจะถึงเวลายามจื่อแล้ว(เกือบจะห้าทุ่ม)

พอดีเลย หยวนชิงหลิงเองก็เพิ่งจะยุ่งเสร็จ สองสามีภรรยาพากันแอบเข้าไปดูเด็กๆครู่หนึ่ง จากนั้นก็จุงมือกันไปนั่งพิงซึ่งกันและกันที่ระเบียง เล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถือเป็นรายงานสถานการณ์ของกันและกันจากนั้นก็กลับไปนอน

เช้าวันรุ่งขึ้น หยวนชิงหลิงยังคงตื่นแต่เช้ามืด คนทั้งกลุ่มก็ออกเดินทางอีกครั้ง ท่านชายสี่เหลิ่งไม่ได้ตามไปด้วย แต่หรงเยว่นั้นไปด้วย

หยู่เหวินเห้าวันนี้มีประชุมที่ราชสำนัก ยามสี่ก็ได้ออกไปจากจวนแล้ว ดังนั้นช่วงระยะนี้ทั้งสองสามีภรรยายุ่งจนไม่มีเวลาพักเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน