แล้วนางก็เข้าวังไปขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้
อะซี่พูดขึ้นว่า “พี่หยวน เวลาแบบนี้ท่านเข้าวังไปขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ฮ่องเต้จะต้องด่าท่านแน่”
หยวนชิงหลิงตบใบหน้าของตนเอง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ข้าหน้าหนา ด่าก็ไม่เถียง ด่ายังไงก็ได้”
ในเวลาแบบนี้ไปขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ นางรู้ดีว่าจะต้องถูกด่า แต่จะทำอย่างไรได้ หรงเยว่ให้ค่าแม่สื่อมาเยอะมาก อีกอย่าง หากเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ ต่อไปคนของหรงเยว่ทั้งหมด นางก็สามารถใช้ได้ อย่างน้อยก็สามารถหาอาจารย์หมอให้กับนางได้หลายคน
เรื่องการสอนลูกศิษย์พวกนี้ จะต้องยินยอมทั้งสองฝ่าย จะให้เจ้าห้าใช้อำนาจบีบบังคับไม่ได้ ยังไงต่อไปนักเรียนก็จะต้องออกไปรักษาคน หากตั้งใจสอนผิด นั่นคือการทำร้ายชีวิต
และเมื่อเข้ามาถึงในวัง ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ก่นด่าทันที บอกว่านางไม่เห็นแก่สถานะไม่เห็นแก่ความอันตรายขึ้นไปยังบนเขาโรคเรื้อน
หยวนชิงหลิงยอมรับผิดด้วยท่าทีดีงาม พูดอยู่ประโยคเดียวว่าลูกสะใภ้สำนึกผิดแล้ว สะใภ้ไม่กล้าทำอีกแล้ว ฮ่องเต้หมิงหยวนจึงไม่รู้จะด่ายังไงต่อ
อีกอย่าง การที่ตี๋เว่ยหมิงเดือดร้อนในครั้งนี้ กลับเป็นการทำให้ตนเองเดือดร้อนไปด้วย โทษฐานละเลยหน้าที่กับใส่ร้ายป้ายสีพระชายารัชทายาท ทำให้เขาถูกปลดจากตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ ตอนนี้ยังคงเป็นแม่ทัพ แต่ไม่มีคำว่าใหญ่แล้ว ห่างกันราวฟ้ากับดิน
และหากโทษฐานจับตัวพระชายารัชทายาทเป็นที่ประจักษ์ ปลดให้เขากลายเป็นคนธรรมดา แล้วก็จับขังติดคุกหลายปีก็สามารถทำได้
การกระทำนี้ ก็ถือเป็นการกระทำตามความหมายของฮ่องเต้หมิงหยวน เพราะต้องการที่จะลดอำนาจเจ้าสี่ ก็จะต้องหักฟันตระกูลตี๋ก่อน
ฮ่องเต้หมิงหยวนยังคงมีสติสัมปชัญญะอยู่เสมอ ไม่ตื่นตระหนกไปกับความสุขของวัยกลางคน ความคิดของอ๋องอาน เขารู้ดีอย่างที่สุด
เขาก็รู้ว่าทางด้านหยวนชิงหลิงกับเจ้าห้าจะด่ายังไงก็ได้ หลังจากตั้งแต่เจ้าห้าถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์ชายรัชทายาท เด็กคนนี้ดูเหมือนมีความกตัญญูมากกว่าเมื่อก่อน ครั้งก่อนตอนที่เข้าวังมา ก่อนกลับยังหันกลับมาพูดขึ้นว่า ให้เขารักษาสุขภาพด้วย ทำให้ฮ่องเต้หมิงหยวนซาบซึ้งใจอย่างมาก หยวนชิงหลิงสอนได้ดี
หลังจากด่าหยวนชิงหลิงเสร็จแล้ว เขาค่อยดื่มชาหนึ่งคำพร้อมพูดขึ้นว่า “มีเรื่องอะไร?”
หยวนชิงหลิงค่อยเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นดวงตาที่ไร้เดียงสาและสดใส พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จพ่อ ลูกสะใภ้อยากเป็นแม่สื่อให้กับเจ้าหก”
ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ยินแล้วก็สนใจอย่างใจอย่างมาก เรื่องแต่งงานของเจ้าหกยังไงก็ยังเป็นเรื่องใหญ่ในใจเขามาตลอด แต่ก็รู้ว่าเจ้าหกเคยติดโรคแบบนั้น ตระกูลดีมากมายไม่ยินดีแล้ว แต่ยังไงเจ้าหกก็เป็นเชื้อพระวงศ์ จะลดระดับคุณสมบัติไปเรื่อยไม่ได้ อย่างน้อยยังไงก็ต้องสมฐานะกัน ดังนั้นเรื่องนี้จึงถูกพักไว้ตั้งนานก็ไม่สามารถตัดสินใจได้
“หญิงสาวตระกูลไหนหรือ?” ฮ่องเต้หมิงหยวนถามขึ้น
หยวนชิงหลิงไม่พูดถึงชาติกำเนิดของหรงเยว่อยู่แล้ว เพียงถามขึ้นว่า “เสด็จพ่อยังจำท่านชายสี่เหลิ่งที่บริจาคเงินสองล้านตำลึงให้กับสถานฝูโย่วไหม?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนคิดถึงคนโง่เป็นอันดับหนึ่งขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “จำได้แน่นอน”
หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นน้องสาวบุญธรรมของเขา ปีนี้อายุสิบเก้า น่าตาดี นิสัยดี”
ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ฟังแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่จะได้อย่างไร? เป็นเชื้อสายพ่อค้าคู่ควรกับเจ้าหกหรือ? ไม่ได้ ไม่ได้”(**ในสมัยโบราณจีน พ่อค้าอยู่ฐานะต่ำที่สุด ผู้ดี ขุนนางและกสิกรฐานะสูกกว่าพ่อค้า)
ยังไงก็เป็นถึงลูกชายของเขา รัชทายาทบัญชา ต่อให้ด้อยแค่ไหน ก็ไม่ถึงกับต้องแต่งงานกับลูกสาวนักค้าขาย
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเมื่อเขารู้จะต้องไม่ยินยอมก่อนแน่ จึงพูดหว่านล้อมว่า “เสด็จพ่อ ถึงตระกูลเหลิ่งจะเป็นนักค้าขาย แต่ก็ไม่ใช่นักค้าขายธรรมดา เป็นนักค้าขายอันดับหนึ่งของแคว้นต้าโจว แต่งงานเป็นดองกับตระกูลเหลิ่ง นอกจากสถานะที่ไม่คู่ควรกันแล้ว อย่างอื่นล้วนเหมาะสม”
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นอย่างดูถูกว่า “แล้วยังไง? ในเมื่อสถานะไม่คู่ควรก็คือไม่เหมาะสม นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด อีกอย่าง เป็นแค่น้องบุญธรรม ไม่ใช่น้องแท้ๆ ต่อให้เขาเป็นนักค้าขายอันดับหนึ่งของโลกก็ไม่มีประโยชน์ หรือว่าจะมีสินสอดให้ติดตัวได้เป็นล้าน?”
หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “สินสอดติดตัวแค่นี้ไม่พอ เงินห้าล้านตำลึงเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...