บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 623

หลังจากหลู่เฟยกลับวัง ก็ไปขอประทานราชโองการเรื่องงานแต่งงานของอ๋องหวยด้วยตนเอง ฮ่องเต้หมิงหยวนค่อนข้างแปลกใจ แค่เห็นหน้ากันเพียงครั้งเดียวก็ตกลงแล้วหรือ?

แต่เมื่อรู้ความจริงแล้ว ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ไม่แปลกใจแล้ว ที่แท้ก็เป็นวิธีการที่พ่อค้าชอบใช้กัน ชาติกำเนิดไม่สูงส่ง ใช้เงินทองมาแทน

สิ่งของที่หรงเยว่มอบให้กับหลู่เฟย หลู่เฟยเลือกเพียงไม่กี่ชิ้น ที่เหลือทั้งหมดล้วนเก็บไว้ที่จวนอ๋องหวย

ถึงแม้นางจะชื่นชอบสิ่งของพวกนั้น แต่ก็รู้ว่าเก็บไว้ที่จวนอ๋องหวย ยังไงก็มีประโยชน์มากกว่า

ฮ่องเต้หมิงหยวนสั่งให้โสวฝู่ฉู่ ไปเป็นพ่อสื่อคุยเรื่องสู่ขอที่ตระกูลเหลิ่ง ในเมื่อเป็นเรื่องที่ดี โสวฝู่ฉู่ยินดีที่จะออกหน้าให้อยู่แล้ว หลังจากที่เขาเจอหรงเยว่แล้ว ก็ตรงไปยังจวนจื๋อลี่ ไปหาท่านชายสี่เหลิ่ง

การพูดคุยเรื่องงานแต่งงานในครั้งนี้ จะต้องมีการแลกเปลี่ยนใบที่บันทึกวันเดือนปีเกิดของคู่หมั้น ท่านชายสี่เหลิ่งเคยสืบวันเดือนปีเกิดของอ๋องหวยแต่แรกแล้ว ขอให้หมอดูหาวันที่ตรงกับชั่วโมงวันที่เหมาะสมกันอย่างที่สุดเขียนลงในกระดาษ ปลอมใบที่บันทึกวันเดือนปีเกิดที่เหมาะสมที่สุดยื่นให้กับโสวฝู่ แล้วเช่นนี้ อายุของหรงเยว่เขียนน้อยไปสองปีครึ่ง พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ บอกกับภายนอกว่าปีนี้หรงเยว่เพิ่งอายุสิบเจ็ดปีครึ่ง

เมื่อโสวฝู่กลับไปให้คนคำนวณดู โอ้พระเจ้า ช่างเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก หากทั้งสองไม่แต่งงานกัน เท่ากับเป็นการสิ้นเปลืองด้ายแดงของเยว่เหลา กราบทูลฮ่องเต้หมิงหยวนในตอนนั้นเลยทันที ฮ่องเต้หมิงหยวนมีพระราชโองการลงมา เลือกวันมงคลเลิกยามงามดีที่สุดในนี้ แล้วก็จัดงานแต่งงานให้แล้วเสร็จ

หลังจากที่หรงเยว่รับพระราชโองการมา ก็โอบกอดหยวนชิงหลิงร้องไห้เสียงดัง ไม่ง่ายเลย ในที่สุดก็จะได้แต่งงานแล้ว

หยวนชิงหลิงก็ปาดเหงื่อบนหน้าผาก ไม่ง่ายเลย ซองแดงของแม่สื่อนับว่าใกล้จะได้มาแล้ว

แต่หยู่เหวินเห้ากลับมาบอกนางว่า แม่สื่อที่ถูกต้องตามธรรมเนียมของงานแต่งงานนี้คือโสวฝู่ พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ต่อให้ตระกูลเหลิ่งจะให้ซองแดงแก่แม่สื่อ ก็เป็นการให้โสวฝู่ ไม่ใช่ให้นาง

หยวนชิงหลิงตื่นตกใจอยู่นานมาก พร้อมพูดขึ้นมาว่า “ไม่ใช่มั่ง?”

หยู่เหวินเห้าพูดปลอบว่า “ช่างเถอะ อย่างน้อยเจ้าก็มีส่วนช่วยงานแต่งงานของเจ้าหกในครั้งนี้ ไปเจ้าหกกับหรงเยว่ ต่างก็จะซาบซึ้งในตัวเจ้า ยังไง ตอนนี้เจ้าก็เป็นผู้สืบทอดของสำนักเหลิ่งหลัง ต่อไปเงินกำไรจากซาวโถ๋จุ้ยล้วนเป็นของเจ้า เราไม่สนใจแค่นั้นหรอก”

หยวนชิงหลิงคิดแล้วก็ถูก จึงค่อยสบายใจขึ้นมา

นางเริ่มขึ้นไปบนเขาโรคเรื้อนอีก หรงเยว่เข้าออกเป็นเพื่อนนาง ขยันขันแข็งอย่างมาก

ทางด้านจวนอ๋องอาน อะหลูโกรธจนแทบเป็นบ้า จับตัวหยวนชิงหลิงไว้ไม่ได้ แถมเกือบสูญเสียตี๋เว่ยหมิงไป

แต่อะหลูยังถือว่าสงบนิ่ง รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ควรที่จะเดือดร้อนด้วยวิธีเดิมต่อไป นางเลือกวิธีที่ง่ายที่สุดอย่างหนึ่ง นั่นก็คือลอบฆ่า

คนของจวนอ๋องอาน ไม่สามารถที่จะให้มาแตะต้องเรื่องนี้อยู่แล้ว ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือจ้างมาจากภายนอก จ่ายเงินไปก็จบเรื่อง

ผ่านประสบการณ์ก่อนหน้านี้มาหลายครั้ง อะหลูไม่กล้าวู่วาม ตรงไปหาหัวหน้าสำนักเหลิ่งหลัง จ่ายเงินหนึ่งแสนตำลึง เพื่อซื้อหัวของหยวนชิงหลิง

สำนักเหลิ่งหลังขับไล่อะหลูออกไป แล้วก็โยนกฎระเบียบของสำนักเหลิ่งหลังให้นางดูหนึ่งฉบับ พร้อมบอกกับนางว่าสำนักเหลิ่งหลังก็มีหลักการ ใช่ว่าจะรับงานทุกอย่าง

ไม่เพียงเท่านี้ ตามกฎฉุกเฉินของสำนักเหลิ่งหลัง ได้รีบสั่งคนสองคนไปจับตาดูอะหลู สืบว่านางเป็นใครกันแน่ มีความแค้นอะไรกับเจ้านายน้อยของสำนักเหลิ่งหลัง ทำไมจะต้องฆ่านาง

เรื่องนี้ถูกรายงานไปถึงท่านชายสี่ ท่านชายสี่พูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ปล่อยข่าวออกไป ใครกล้ารับงานของนางถือเป็นการประกาศเป็นศัตรูกับสำนักเหลิ่งหลัง”

หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “ข้าไม่ต้องทำอะไรถือเป็นเรื่องที่ดี แสดงว่าข้ายังไม่ต้องลงมือ”

มีคนคอยปกป้องนางมากมายขนาดนี้ ในฐานะที่เขาเป็นสามี ถือว่าเป็นความโชคดี

อะหลูคิดไม่ถึงว่าสำนักเหลิ่งหลังจะคุ้มกันหยวนชิงหลิง นางค่อยสงบสติ ครุ่นคิดถึงปัญหาที่อยู่เบื้องหลัง นางกับสำนักเหลิ่งหลังไม่ได้มีความแค้นอะไรกัน ดังนั้นสำนักเหลิ่งหลังไม่ได้พุ่งเป้ามาที่นาง เป็นการต้องการปกป้องหยวนชิงหลิงจริงๆ งั้นหยวนชิงหลิงกับสำนักเหลิ่งหลัง เกี่ยวข้องอะไรกัน?

แต่คนหนึ่งเป็นพระชายารัชทายาท คนหนึ่งเป็นกลุ่มนักฆ่าลึกลับในยุทธภพ ระหว่างพวกเขา จะมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน?

อะหลูสงบสติได้ ตี๋เว่ยหมิงกลับสงบสติไว้ไม่ได้ เขาพ่ายแพ้มาสามสี่ครั้งแล้ว มาถึงจุดที่ไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้อีกแล้ว

เขาไปหาหมอมากมาย เพื่อถามว่าโรคเรื้อนสามารถรักษาได้ไหม แต่ไม่มีหมอสักคนพูดว่าสามารถรักษาได้ ต่างก็พูดว่าโรคเรื้อนเป็นคำสาปจากสวรรค์ เป็นโรคร้าย สวรรค์ไม่มีทางยอมให้คนสามารถรักษาได้

เมื่อตี๋เว่ยหมิงได้ยินเช่นนี้ ก็ไม่ได้ไปปรึกษากับอะหลู ได้สั่งคนไปประกาศในหมู่ประชาชนว่า พระชายารัชทายาทละเมิดข้อห้าม แอบขึ้นไปบนเขาโรคเรื้อน

เรื่องนี้ทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่ประชาชนโดยปริยาย โรคร้ายสองคำนี้ เป็นเหมือนดั่งมารที่ทำให้คนเกรงกลัว พวกเขาโกรธเพราะหวาดกลัว ตี๋เว่ยหมิงจ้างคนส่วนหนึ่ง ให้พวกเขาไปปล่อยข่าว ปลุกระดมความกลัวและความรังเกียจของผู้คนต่อไป จากนั้นก็ไปก่อเหตุวุ่นวายตรงหน้าประตูจวนอ๋องฉู่ บอกว่าต้องการรู้ว่าพระชายารัชทายาท ได้ขึ้นไปบนเขาโรคเรื้อนหรือไม่

หยู่เหวินเห้าสืบรู้ว่าเป็นฝีมือของตี๋เว่ยหมิง เริ่มไม่พูดไม่จาก่อน เพียงแค่ถามหยวนชิงหลิว่าได้ยินพูดถึงคำสาปที่ชั่วร้ายหรือไม่ หยวนชิงหลิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า “เขาด่าก็ปล่อยให้เขาด่าไป ยังไงข้าก็จะขึ้นไปบนเขา”

หยู่เหวินเห้าดึงนางมาใกล้ แล้วก็จูบนาง พร้อมประกาศพูดขึ้นว่า “ดี งั้นเรามาเล่นใหญ่กัน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน