บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 624

หยู่เหวินเห้าไม่ได้ทูลฮ่องเต้หมิงหยวน ใช้กรมการพระนครออกหนังสือเตือนหนึ่งฉบับ และใช้คนติดประกาศออกไป

หนังสือเตือนฉบับนี้ บอกว่าพระชายารัชทายาทพัฒนาได้ยาตัวใหม่ สามารถรักษาโรคเรื้อนได้ ยับยั้งการแพร่กระจายของโรคเรื้อน ทำให้เป่ยถังหมดสิ้นจากการถูกทำร้ายด้วยพิษโรคเรื้อน

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ประกาศต่อประชาชนอย่างแข็งขัน ไม่ผิด พระชายารัชทายาทขึ้นไปบนเขาเขาโรคเรื้อนแล้วจริงๆ

เดิมมีประชาชนมาก่อวามวุ่นวายถึงจวนอ๋องฉู่ เป็นเพราะตี๋เว่ยหมิงสั่งคนมา แต่หารู้ไม่ว่า วันนี้ตนเองกลับติดประกาศเสียเอง บอกกล่าวแก่ชาวโลก นี่จึงไม่ใช่การคาดเดา แต่เป็นเรื่องเป็นราวจริง ผู้คนต่างก็ตื่นตระหนกกัน คนของตี๋เว่ยหมิงก็พูดอีกว่า พระชายารัชทายาทขึ้นไปบนเขาทุกวันแล้วก็พาคนป่วยกลับมายังเมืองหลวง ถึงตอนนั้นเมืองหลวงก็จะเกิดโรคร้ายที่รุนแรง

ประชาชนจึงเดือดร้อนยิ่งหนักกว่าเดิม นอกจากมาเรียกร้องอยู่ตรงหน้าประตูจวนอ๋องฉู่แล้ว ยังไปที่หน้าประตูกรมการพระนคร

แต่หยู่เหวินเห้าก็จัดการอย่างเงียบๆ ตราบใดที่ยังไม่มีความรุนแรง ก็ปล่อยให้พวกเขาเดือดร้อนไปก่อน

ขาก็ยังค่อย ๆ ส่งคนเข้าไปแทรกซึมคำพูดบางคำในหมู่ประชาชน ว่าพระชายารัชทายาทเคยรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อนจนหายได้ เคยรักษาไท่ซ่างหวงให้หาย นี่เท่ากับบ่งบอกว่า ฝีมือการรักษาของพระชายารัชทายาทสูงส่ง หากพระชายารัชทายาท สามารถพัฒนายารักษาโรคเรื้อนออกมาได้จริง งั้นต่อไปต่อให้ประชาชนติดโรคอีก ก็ไม่เป็นที่ต้องหวาดกลัว

จากนั้นไม่นาน เสียงของประชาชนก็กลายเปลี่ยนเป็นสองพรรค มีคนมองในแง่ดีเห็นว่าหากสามารถรักษาโรคเรื้อนได้จริงถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นประโยชน์แก่ราษฎร เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม

มีคนมองโลกในแง่ร้าย โกรธเคืองกลัวว่าพระชายารัชทายาทจะเอาโรคร้ายลงมาด้วย ทำให้เมืองหลวงตกอยู่ในฝันร้ายอีกครั้ง เหมือนเมื่อห้าปีที่แล้ว ดังนั้นจึงยืนกรานที่จะต่อต้าน

หยู่เหวินเห้าสั่งกำลังพลเพิ่มเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยแต่แรกแล้ว เดือดร้อนก็ปล่อยให้เดือดร้อน ต่อสู้ก็ปล่อยให้ต่อสู้ อย่าทำร้ายถึงชีวิตก็พอ

เทียบกับสถานการณ์ที่สามารถควบคุมประชาชนได้ในชั่วขณะ เหล่าข้าราชการในราชสำนักค่อยเป็นเรื่องที่น่าปวดหัว

คนสนับสนุนมีจำนวนน้อย คนคัดค้านเป็นส่วนใหญ่ บนที่ว่าราชการเช้าสองวันติดต่อกันล้วนต่างพูดถึงเรื่องนี้ หยู่เหวินเห้าต่อต้านคนจำนวนมาก ด้วยคนจำนวนน้อย สูญเสียคนที่สนับสนุนไปไม่น้อย คิดว่าในฐานะที่เขาเป็นถึงองค์ชายรัชทายาท ไม่ได้มีความคิดอย่างรอบคอบ กระทำการด้วยความเสี่ยง กระทำให้ราชวงศ์ตกอยู่ในอันตราย หยวนชิงหลิงเป็นพระชายารัชทายาท หากหยวนชิงหลิงติดโรค จะไม่เป็นการเอาโรคมาติดคนในราชวงศ์หรือ? นี่เป็นการเขย่ารากฐานของประเทศ

ในที่ว่าราชการกลายเปลี่ยนเป็นที่ทะเลาะกัน ดังสนั่นกึกก้องไปทั่ว ฮ่องเต้หมิงหยวนยังคงกระทำแบบเดิมตามปกติ ในขณะที่คนอื่นเดือดร้อนทะเลาะกัน เขาแทบจะมองผนังอย่างเดียว ฟังเพียงอย่างเดียวไม่พูดไม่จา

ยิ่งอยู่ก็ยิ่งมีคนเยอะบีบบังคับให้หยู่เหวินเห้าพูดว่าจะเอายังไง ให้เขาห้ามไม่ให้หยวนชิงหลิงขึ้นไปบนเขาโรคเรื้อนอีก อีกอย่าง เมื่อนางลงมาจากเขา ก็ให้แยกกักตัว ห้ามเข้าวัง

ทะเลาะกันจนถึงเกือบเที่ยง ทุกคนต่างก็หิวกันอย่างมากแล้ว เมื่อท้องหิวอารมณ์ก็จะฉุนเฉียวขึ้นมา หยู่เหวินเห้าพูดออกมาว่า “ข้าควบคุมอะไรนางไม่ได้แล้ว นางกับข้าได้หย่ากันแล้ว”

เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกมา ก็ตื่นตระหนกกันไปทั่วทั้งที่ว่าราชการ

หยู่เหวินเห้าเห็นว่าในเมื่อได้พูดออกมาแล้ว จึงสะบัดแขนเสื้อพร้อมพูดขึ้นว่า “มีปัญญาพวกเจ้าไปหานางด้วยตนเอง แต่ข้าขอเตือนพวกเจ้าก่อน นางขึ้นไปบนเขาได้เกือบเดือนแล้ว ติดโรคหรือไม่ไม่รู้ หากพวกเจ้าไม่กลัว ก็ไปหานางเลย”

พูดเสร็จก็เดินออกจากไป เหมือนไม่เห็นฮ่องเต้หมิงหยวนอยู่ในสายตาเลย

ฮ่องเต้หมิงหยวนโกรธจัด หลังจากระบายความโกรธออกมาแล้วก็สะบัดแขนเสื้อเดินออกไป แม้แต่การปรึกษากันในภายหลังก็ไม่เข้าร่วมแล้ว

เป่ยถังเหมือนกำลังจะอยู่ในความโกลาหล แต่ก็ไม่เห็นมีใครยืนออกมาควบคุมเหตุการณ์ทั้งหมด ด้วยความที่ฮ่องเต้หมิงหยวนโกรธโมโห ก็ไม่สนใจอะไร พวกขุนนางไปร้องไห้อยู่ด้านนอกห้องพระอักษร เขาก็ไม่สนใจ พูดขึ้นอย่างโมโหว่าเขาไม่มีลูกชายคนนี้

คำพูดนี้เหล่าขุนนางฟังแล้วต่างก็อกสั่นขวัญแขวน ถึงแม้องค์ชายรัชทายาทจะกระทำเรื่องนี้อย่างไม่สมควร แต่ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ฮ่องเต้พูดว่าไม่มีลูกชายคนนี้ แสดงว่ามีความคิดที่จะปลดองค์ชายรัชทายาทหรือ?

ดังนั้น จากที่พวกเหล่าขุนนางร้องไห้เดือดร้อน ก็กลายเปลี่ยนเป็นพูดกล่อม พูดกล่อมด้วยความรัก ด้วยเหตุผล แต่ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ไม่คลายความโกรธลงแม้แต่น้อย ถึงขั้นมีพระราชโองการไปยังจวนอ๋องฉู่ ให้หยู่เหวินเห้าเอาลูกแฝดสามไปให้ไทเฮาเลี้ยงดูในวัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน