บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 675

หรงเยว่จ้องมองนาง "ทำไมเจ้าถึงคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ล่ะ? นิสัยเขาทั้งขี้หงุดหงิดโมโหร้าย ทำอะไรประมาทเลินเล่อ กระทั่งฝ่าบาทก็ยังไม่ทรงเชื่อเขาเลยด้วยซ้ำ"

หยวนชิงหลิงส่ายหน้าทันที “ข้าเคยใกล้ชิดกับเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยมาก่อน ไม่ผิดที่เขาเป็นคนชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่เห็นใครในสายตา ทั้งยังเคยพูดจาสามหาวกับข้าด้วย แต่แท้ที่จริงแล้ว ยิ่งเป็นคนที่เย่อหยิ่งถือตัวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเมินเฉยต่อการลงมือกับผู้หญิงมากขึ้นเท่านั้น นับประสาอะไรกับผู้หญิงมีครรภ์ที่ไม่มีอาวุธและอ่อนแอคนหนึ่ง ถ้าเขาทำร้ายพระชายาอานจริง เขาก็ไม่ใช่คนที่เอาแต่ใจและหยิ่งผยองแล้ว แต่เป็นคนโหดเหี้ยมเลือดเย็นต่างหาก เขาไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก "

หรงเยว่พยักหน้า "อันที่จริง ข้าก็คิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ข้าไปถามกู้ซือมาแล้ว เขาบอกว่า ตอนนั้นเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยเป็นเพียงคนเดียวที่เคยไปศาลาจันทร์เสี้ยว นอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีใครเข้าใกล้พระชายอานอีก หากไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครไปได้ ? จะอย่างไรก็ไม่มีทางที่พระชายาอานจะลงมือทำร้ายตัวเองแน่ อีกทั้งฟาดลงไปแค่ฝ่ามือเดียว ความแข็งแกร่งของฝ่ามือนั้นก็น่าตกตะลึงมาก มันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถทำได้”

หยวนชิงหลิงพูดว่า "ความจริงเป็นอย่างไร ข้าก็ไม่อาจรู้ชัด แต่ข้าแค่ไม่คิดว่าจะเป็นเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยที่ทำ ตอนนี้คดีความนี้ใครเป็นคนทำรึ?"

“เห็นว่าถูกส่งมอบไปให้กรมการพระนครแล้ว รัชทายาทจะเป็นคนสะสางคดี”

หยวนชิงหลิงรูสึกวางใจขึ้นมาเลยทีเดียว "เจ้าห้าไม่มีทางใส่ร้ายเขาแน่ จะต้องค้นหาความจริงของเรื่องนี้ออกมาได้อย่างแน่นอน"

หรงเยว่มองนางนิ่ง ๆ จู่ ๆ ก็ถอนหายใจเฮือก “ที่จริงเจ้ากับพระชายาอานก็เหมือนกันเลยนะ ต่างก็เป็นคนใจดีมีเมตตา เพียงแต่พระชายาอานไม่ได้ฉลาดเหมือนเจ้า ทั้งไม่ได้มีความสามารถเท่าเทียมกับเจ้า สุดท้ายจึงได้แต่ถูกคนรังแกอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าอ๋องอานจะรักนางมาก แต่ความรักใคร่เทิดทูนเหนือหัวนั่น มันก็ยังไม่อาจใช้ปกป้องนางได้ อยู่ในบ้านก็ถูกชายารองหลูนั่นรังแก ออกมานอกบ้าน ก็ยังถูกคนลอบทำร้ายจนปางตาย ชีวิตของนางช่างลำบากยากเข็ญจริงๆ"

หยวนชิงหลิงรู้สึกเป็นทุกข์แทนนาง “ตอนนี้นางยังอยู่ในวังหรือไม่? เดาได้เลยว่าอ๋องอานคงจะไม่ยอมให้ข้าไปดูอาการนางแน่ ๆ”

“ได้ยินมาว่าฝ่าบาทเคยเสนอเรื่องนี้แล้ว แต่ถูกอ๋องอานปฏิเสธ” หรงเยว่ตอบ

หยวนชิงหลิงพยักหน้า แสดงท่าทางว่าเข้าใจ อ๋องอานจะยอมให้นางไปดูอาการพระชายาอานได้อย่างไรล่ะ? นางเองก็ไม่อาจทนรับความสัมพันธ์ที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออกแบบนี้ได้เช่นกัน

เมื่อใกล้รุ่งสาง ฮู่เฟยก็เริ่มมีไข้ หยวนชิงหลิงจึงให้ยา แต่นางไม่กล้าออกไปง่าย ๆ จึงไปพักงีบหลับในตำหนักสู้ซิน

ฮูหยินใหญ่จากตระกูลฮู่เฟยเข้าวังมาหลังฟ้าสาง เมื่อวานนี้ตอนที่ฮู่เฟยคลอดลูก เดิมทีได้ไปเชิญนางมาก่อนแล้ว แต่ฮูหยินใหญ่ไปที่อุโบสถเพื่อขอพร จึงเพิ่งเข้าวังมาได้วันนี้

เรื่องที่เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยถูกควบคุมตัวไปสอบสวนนั้น ฮูหยินใหญ่ก็ทราบอยู่ ดังนั้นก่อนที่จะเข้าไป หยวนชิงหลิงจึงย้ำแล้วย้ำอีกว่า อย่าเพิ่งบอกให้ฮู่เฟยรับรู้

ฮูหยินใหญ่แข็งใจรับเรื่องที่เกิด กลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล แล้วเข้าไปเยี่ยมฮู่เฟย

ฮู่เฟยไข้เพิ่งลด สติก็แจ่มชัดขึ้นมาก แต่เพราะฤทธิ์ยาชาหมดไปแล้ว จึงมีอาการเจ็บแผล กระทั่งการหดตัวของมดลูกก็ยังเจ็บปวดไปหมด จึงอดทำตัวออดอ้อนท่านย่าไม่ได้ ทั้งยังร้องไห้ไปไม่น้อยอีกด้วย

ฮ่องเต้หมิงหยวนก็เสด็จมาเช่นกัน เมื่อเห็นว่านางร้องไห้ ก็รีบเสด็จไปประทับนั่งลงบนเตียงแล้วเช็ดน้ำตาให้นาง ฮูหยินใหญ่เห็นดังนั้นก็ทั้งรู้สึกดีใจ ทั้งรู้สึกทุกข์ใจในเวลาเดียวกัน

ที่น่าดีใจคือ หลานสาวได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ ที่ทุกข์ใจคือ เจ้าลูกชายไม่เอาไหนของนางก่อเรื่องขึ้นอีกแล้ว

หยวนชิงหลิงช่วยพยุงฮูหยินใหญ่ออกไป แล้วพูดปลอบใจสองสามประโยคว่า "ท่านเจ้าพระยาไม่มีทางทำอะไรแบบนี้แน่ เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ รัชทายาทจะต้องคืนความเป็นธรรมให้กับเขาได้แน่นอน ท่านไม่ต้องกังวลใจไป อย่าคิดมากจนทำร้ายร่างกายตัวเองเลยนะเจ้าคะ"

เมื่อฮูหยินใหญ่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ ก็ถึงกับน้ำตาไหลอาบเต็มใบหน้า จับมือหยวนชิงหลิงแน่น ราวกับคว้าฟางเส้นหนึ่งที่ช่วยชีวิตของนางได้ "แม้แต่ในจวนเจ้าพระยา ก็ไม่มีใครเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ เขามีนิสัยโอหังอวดดีจนเคยตัว ไม่คิดเลยว่าพระชายารัชทายาทจะเชื่อเขา ข้าเป็นแม่ของเขา คนเป็นแม่ย่อมรู้จักลูกดีที่สุด เขาไม่มีวันทำเรื่องอะไรอย่างนั้นได้จริง ๆ นั่นล่ะ”

หยวนชิงหลิงทนเห็นคนสูงอายุร้องไห้ไม่ได้ ทั้งกลัวว่าเสียงพูดที่ดังพอสมควรของนางจะทำให้ฮู่เฟยได้ยิน จึงรีบพยุงนางออกไป แล้วสั่งให้คนพานางไปเยี่ยมองค์ชายสิบ

หยวนชิงหลิงนั่งอยู่ในตำหนัก เต๋อเฟยถึงกับเข้ามาส่งมื้อเช้าให้นางด้วยตัวเอง เมื่อเห็นขอบตาดำคล้ำของนาง ก็พูดอย่างเป็นห่วงและปวดใจว่า: “ทำไมเรื่องอะไรก็ล้วนต้องโยนมาให้เจ้าแบกรับไปเสียทุกอย่างเช่นนี้นะ ? เกิดเป็นเจ้าก็ลำบากเหลือเกินจริง ๆ เดิมทีงานเลี้ยงเมื่อคืนก็จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองให้เจ้าแท้ ๆ แต่สุดท้ายแม้แต่ข้าวสักคำเจ้าก็ยังไม่มีโอกาสได้กินเลยด้วยซ้ำ”

หยวนชิงหลิงพยายามยิ้มเพื่อปลอบใจเต๋อเฟย "ข้าไม่เป็นไรหรอกเพคะ ข้าอายุยังน้อย ยังพอทนได้อยู่"

“นั่นสินะ อายุยังน้อยนี่แหล่ะดี” เต๋อเฟยอดไม่ได้ที่ทอดถอนใจ “โชคดีที่ฮู่เฟยอายุยังน้อย ร่างกายจึงแข็งแรง ไม่อย่างนั้นหากเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาจริง ๆ พวกเราจะทำอย่างไรกันดีล่ะ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน