อ๋องอานจ้องมองนางด้วยสีหน้าไม่แสดงอารมณ์อยู่นาน จึงค่อยพูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าออกไปจากวังเสียเถอะ ไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว”
อะหลูเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเสียใจ “ท่านอ๋อง ได้โปรดให้อะหลูอยู่ดูแลพระชายาที่นี่เถิดเพคะ ในอดีตอะหลูทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เคารพพระชายา แต่พระชายาก็อภัยให้ทุกครั้ง ในใจของอะหลูรู้สึกซาบซึ้งนัก ครั้งนี้นางเกิดเรื่องก็เพราะความประมาทของอะหลู หากพระชายายังไม่ดีขึ้นมา อะหลูก็ยังไม่อาจวางใจที่จะออกจากวังไปได้จริง ๆ เพคะ”
กุ้ยเฟยพูดเสียงเบาว่า: "หายากที่นางจะมีใจเช่นนี้ ปล่อยให้นางอยู่ที่นี่คอยช่วยดูแลเถอะ"
แม้ว่ากุ้ยเฟยจะไม่ชอบอะหลู แต่นางก็รู้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างทั้งภายใน และภายนอกจวนอ๋องอานล้วนต้องพึ่งพานาง จะอย่างไรก็ไม่ควรใจร้ายกับนางให้มากเกินไปนัก
เมื่ออ๋องอานได้ยินกุ้ยเฟยพูดเช่นนี้ ก็ไม่พูดอะไรอีก แต่เขาไม่ยินดีที่จะให้มีคนจำนวนมากขนาดนี้อยู่กับเขาในวัง จึงบอกให้นางออกไป
อะหลูลุกขึ้นแล้วเดินออกไป มือที่กำเป็นหมัดแน่นประเดี๋ยวคลายประเดี๋ยวกำ ในอากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้ เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ กลับผุดไหลออกมาจากหน้าผากไม่หยุด
เมื่อกุ้ยเฟยเห็นว่านางออกไปแล้ว จึงพูดกับอ๋องอานว่า: “เจ้าหนอเจ้า ไม่น่าต้องทำเย็นชาเฉยเมยกับนางถึงขนาดนี้ก็ได้ หัวใจของผู้หญิงน่ะ สามารถทั้งอ่อนโยนนุ่มนวล แล้วก็สามารถเย็นชาจนน่ากลัวได้ทั้งนั้น นางรู้เรื่องของเจ้ามากมายหลายอย่างเหลือเกินแล้ว หากไปทำให้นางขุ่นเคืองจะไม่เป็นผลดีนะ "
อ๋องอานพยักหน้ารับแบบขอไปที “เข้าใจแล้วท่านแม่ ท่านก็ไปพักผ่อนเถอะ ลูกจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนนางเอง”
“เจ้าก็ควรไปพักผ่อนสักครู่เถอะ นางคงจะไม่เป็นไรไปสักพักใหญ่ ๆ กินยาเม็ดจื่อจินเข้าไป จะดีจะร้ายก็พอบรรเทาอาการไปได้ราวสองสามวัน หมอหลวงก็รอดูอาการอยู่ด้านนอกเช่นกัน อย่ากังวลจนเกินไปจะพาลไม่สบายได้นะ” กุ้ยเฟยพูดกล่อม
“ลูกรู้!” อ๋องอานถอนสายตากลับมาจากใบหน้าของพระชายาอานอย่างทึ่มทื่อ พยุงกุ้ยเฟยออกไปข้างนอก “อีกครู่เดียวลูกก็จะไปพักผ่อนแล้ว ขออยู่กับนางอีกสักครู่ก่อน”
กุ้ยเฟยครุ่นคิดอย่างหนัก แล้วพูดขึ้นว่า "ถ้าหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นจริง ๆ ไม่สู้ไปเชิญพระชายารัชทายาท....."
อ๋องอานไม่แม้แต่จะคิด ก็ปฏิเสธออกมาอย่างดื้อรั้นทันที “ไม่! ทำไมท่านแม่ถึงสับสนเลอะเลือนขึ้นมาเสียแล้ว ? ถ้าไปหานาง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่านางจะมาหรือไม่ ต่อให้นางมาจริง ๆ นางจะยอมช่วยจากใจจริงรึ?”
กุ้ยเฟยพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า “ก็จริง ถ้าก่อนหน้านี้เจ้ายังไม่ถูกฉีกหน้ากากก็ยังดี แต่ตอนนี้เรื่องใหญ่โตจนเป็นถึงขนาดนี้แล้ว พวกเขาก็รู้เรื่องแผนการทั้งหลายของเจ้าแล้วด้วย เกรงว่าถึงจะมาก็คงเพราะ มาแค่เป็นพิธีเพื่อเอาใจเสด็จพ่อของเจ้าเท่านั้นแหล่ะ เอาเถอะ ชายาของเจ้า เจ้าก็ตัดสินใจเอาเองแล้วกัน”
พูดจบ กุ้ยเฟยก็ออกไปทันที
อ๋องอานเรียกอะหลูเข้ามา หลุบสายตาลง ปกปิดประกายแสงแห่งความเกลียดชัง "เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยถูกย้ายตัวไปที่กรมการพระนครแล้ว อย่างไรเจ้าก็ออกจากวังไปสักครั้ง ไปบอกให้กรมอาญาคอยจับตาดูหน่อย เผื่อว่าหยู่เหวินเห้าอาจจะเห็นแก่เรื่องส่วนตัว แอบปล่อยเขาไป”
อะหลูตอบรับ: "รับทราบ!"
อ๋องอานปรายตามองนางแวบหนึ่ง น้ำเสียงอ่อนโยนลงเล็กน้อย "หลังจากทำเรื่องนี้เสร็จ ก็เข้าวังมาช่วยข้าดูแลพระชายาด้วยล่ะ"
อะหลูน้ำตาคลอหน่วย ช้อนสายตาขึ้นมองอ๋องอานอย่างอ่อนช้อย "ขอบคุณท่านอ๋อง!"
หลังจากที่เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยถูกส่งตัวไปยังกรมการพระนคร หยู่เหวินเห้าก็ไม่ได้ขังเขาไว้ แต่จัดที่ทางไว้ให้เขาที่ด้านหลังที่ทำการ ถึงขั้นเรียกหมอมาช่วยใส่ยารักษาบาดแผลให้เขา
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน "เจ้าตัวแสบ ช่างจดจำความแค้นเสียจริงนะ เรื่องผ่านไปตั้งนานแล้ว เจ้ายังจะเก็บไว้ในใจอีก"
ขณะที่เขาพูด ก็มองหยู่เหวินเห้าอย่างพิจารณา พูดด้วยความชื่นชมว่า: "ถ้าหากข้ายังมีลูกสาวอีกล่ะก็ ข้าก็ยังยินดีที่จะยกนางให้แต่งกับเจ้านะ เจ้านี่มันตัวเป็นคนแต่นิสัยเป็นสุนัขแท้ ๆ น่าพอใจเสียจริงเชียว!"
หยู่เหวินเห้าพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ข้าก็รู้สึกขอบคุณนะ แต่คงรับไว้ไม่ได้หรอก พ่อตาอย่างท่านนี่ข้าคงดูแลไม่ไหวแน่”
ซือเย๋ก็ถึงกับพูดไม่ออกเช่นกัน นี่เขาจะพูดแบบนี้จริง ๆ น่ะหรือ? ลูกสาวของเขากลายเป็นท่านหญิงไปแล้ว ถ้าหากมีลูกสาวอีกคน รัชทายาทก็คงไม่อาจรับไว้ได้แน่ ๆ
คนที่สมองเหมือนหมูเช่นนี้ ที่ตอนแรกเขาไปสร้างผลงานที่เป่ยโม่ ทั้งสาเหตุที่พากเพียรสร้างความดีความชอบอย่างกล้าหาญไม่กลัวตาย คงเพราะถ้าต้องใช้สมองวางแผนสร้างผลงานจริง ๆ คงไม่มีทางทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาได้นี่เอง
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยฝืนยิ้มยินดีทั้งที่ในใจทุกข์ตรม “นี่ข้ากำลังชมท่านอยู่นะ ตอนนี้ท่านเป็นผู้สะสางคดีนี้ ข้าก็ต้องหัดประจบสอพลอเสียหน่อย ชายหนุ่มมากความสามารถย่อมเหมาะสมกับสาวงามที่เพียบพร้อมสินะ หลังจากนี้ข้าไปรับลูกสาวบุญธรรมมาสักคน แล้วค่อยยกให้แต่งงานกับท่านก็ได้”
เมื่อเห็นว่าเขายังคงไม่รู้จักสงบปากสงบคำอีก หยู่เหวินเห้าก็จงใจขู่ให้เขากลัว "เจ้าพระยาควรเป็นห่วงตัวเองก่อนจะดีกว่า จนตอนนี้แม้แต่ฝ่าบาทก็ยังทรงคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่เจ้าพระยาจะเป็นคนทำร้ายพระชายาอาน เจ้าจะออกไปจากที่นี่ได้หรือไม่ ก็เหลือแค่สองทางเท่านั้นแล้ว อย่ามัวสิ้นเปลืองสมอง คิดแต่เรื่องจะยกลูกสาวให้แต่งกับข้าอีกเลยน่า”
ทันทีที่เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยโหวได้ยินอย่างนี้ เขาก็กังวลจนผุดลุกขึ้นยืนอีกครั้ง “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้าจะไม่ใส่ร้ายข้าไม่ใช่รึ มาตอนนี้กลับพูดเรื่องได้ออกไป หรือไม่ได้ออกไปสองทางนี่อีก ฮ่องเต้เฒ่าเลอะเลือนนั่นไม่เชื่อข้า มันก็แน่นอนอยู่แล้ว เขามีความเห็นไม่ลงรอยกับข้ามานาน เรื่องนี้ข้าถูกใส่ร้ายชัด ๆ ข้าไม่เคยไปแตะต้องพระชายาอานเลยแม้แต่ปลายเล็บ ถึงขั้นไม่รู้ชัดด้วยซ้ำว่าคนที่อยู่ข้างในเป็นนางหรือไม่ ทำไมถึงกลายเป็นว่า ข้าเป็นคนลงมือทำร้ายนางไปเสียแล้วล่ะ?”
หยู่เหวินเห้ากด ๆ ที่ฝ่ามือตัวเอง “หากเจ้ายังอยากออกไปล่ะก็ จงเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาอีกครั้ง ข้าไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระ แต่เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบในวันนั้น อย่างไรก็ต้องพูดออกมาให้หมด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...