บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 679

ในวันที่สาม อาการของฮู่เฟยก็เริ่มคงที่ แม้ว่าจะไม่ได้ทำการผ่าตัดในสภาพแวดล้อมที่ปลอดเชื้อ แต่ก็ไม่ปรากฏการติดเชื้อ

สำหรับเจ้าอ้วนตัวน้อย ตอนที่เกิดเขาไม่ร้องไห้เลยซักแอะ แต่มาตอนนี้กลับร้องไห้ไม่หยุด เวลาที่ร้องไห้ขึ้นมา น้ำเสียงมีพลังทำลายล้างพอ ๆ กับเจ้าข้าวเหนียวน้อยเลยทีเดียว

อีกทั้งเจ้าหนูน้อยก็กินเก่งอย่างยิ่ง แต่นับว่าโชคดีที่ในวังได้เตรียมแม่นมไว้ถึงสองคน

เมื่อไทเฮาได้ทอดพระเนตรเห็นเขา ก็ทรงสบายพระทัย อาการประชวรจึงหายเป็นปลิดทิ้ง

ส่วนทางจวิ้นจู่องจิ้ง เพราะองค์หญิงพระองค์ใหญ่เสด็จเข้าวังไปขอร้อง จึงไม่ได้ทำให้พวกนางแม่ลูกลำบากมากนัก แค่ให้บทเรียนพวกนางไปยกหนึ่ง กับลงโทษไม่ให้เข้าวังเป็นเวลาสองปี ก็ถือว่าจบเรื่องนี้ไป

หยวนชิงหลิงยังไม่ได้ออกจากวัง ยังคงพักอยู่ที่ตำหนักสู้ซิน คาดว่าวันนี้ก็คงจะกลับไปได้แล้ว เพราะฮู่เฟยสามารถกลับไปที่ห้องนอนของตัวเองไหวแล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำหนักสู้ซินอีกต่อไป

หยวนชิงหลิง ได้ขอร้องให้เต๋อเฟยไปไถ่ถามเรื่องอาการบาดเจ็บของพระชายาอาน เต๋อเฟยจึงบอกไปว่านางเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน ยังบอกด้วยว่าอ๋องอานไม่อนุญาตให้พระสนมทั้งหลายไปเยี่ยม

แต่เต๋อเฟยเล่าว่า นางได้พบกับอ๋องอานที่ด้านนอกครั้งหนึ่ง รูปร่างหน้าตาของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จอนผมที่อยู่ตรงขมับดูราวกับถูกย้อมด้วยสีขาวเลยทีเดียว

หยวนชิงหลิงรู้ว่าอ๋องอานชั่วร้ายเลวทรามขนาดไหน แต่เขาดีกับพระชายาอานเป็นที่สุด ตอนนี้ชีวิตนางถูกแขวนไว้บนเส้นด้ายอย่างนั้น เขาก็คงทรมานใจมากเช่นกัน

หยู่เหวินเห้ามารับหยวนชิงหลิงออกจากวัง เขายังเข้าวังไปสอบปากคำอีกรอบ ไม่เพียงซักถามแค่คนที่อยู่ในอุทยานในวันนั้นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงข้าหลวงที่อยู่ในสวนว่างด้วย จะอย่างไรเขาก็ยังต้องถามคนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นั่นให้ครบถ้วนเสียก่อน

คดีนี้ดำเนินมาจนถึงวันนี้แล้ว เขาก็ยังคงคุมตัวเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยไว้ในฐานะผู้ต้องสงสัยอยู่ ซึ่งกระตุ้นความไม่พอใจของอ๋องอานอย่างยิ่ง อ๋องอานเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า หากภายในสามวันยังไม่อาจตัดสินคดีความได้ เขาจะไปฆ่าเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยด้วยตัวเอง

ตอนที่เขาพูดประโยคนี้ คือวันที่สองหลังจากเกิดเรื่อง ดังนั้นหากวันพรุ่งนี้ยังไม่มีการตัดสินคดี คาดได้ว่าอ๋องอานคงจะไม่ยอมนั่งอยู่เฉย ๆ แน่

ระหว่างทางกลับจวน สองสามีภรรยานั่งอยู่ในรถม้า ไม่พูดอะไรกันสักคำ แค่เอนมาพิงไหล่กันและกัน ทุกคนต่างเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินแล้วจริง ๆ

เมื่อกำลังจะกลับถึงจวน หยู่เหวินเห้าให้หยวนชิงหลิงกลับไปอาบน้ำเข้านอนก่อน ส่วนเขายังต้องไปจัดการงานที่ค้างคาต่อ

เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงหมดเรี่ยวหมดแรง เขารู้ดีว่านางเป็นห่วงพระชายาอาน จึงใช้หน้าผากตัวเองแตะที่หน้าผากของนาง จุมพิตเบา ๆ "เอาเถอะ อย่าคิดมากอีกเลยนะ รีบเข้าไปพักผ่อนเถอะ"

หยวนชิงหลิงใช้มือโอบพันรอบคอของเขา แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็อย่าให้ดึกเกินไป รีบกลับมาเร็วหน่อยล่ะ”

“รับทราบ!” หยู่เหวินเห้าตอบรับ

หลังจากที่หยวนชิงหลิงกลับมาถึงจวน กินข้าวเสร็จก็ไปหาพวกเด็ก ๆ คุยกับย่าครู่หนึ่งก็ไปนอน หลับฝันเห็นพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยเลือด เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นมาก็รู้สึกกลัดกลุ้มไม่สบายใจ

ท้องฟ้ามืดแล้ว พอถามหมันเอ๋อถึงได้รู้ว่าใกล้เข้าสู่ยามจื่อแล้ว (ประมาณห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง) ที่แท้นางหลับไปนานมากเลยทีเดียว

ข้างนอกลมหนาวพัดรุนแรง ท่าทีคล้ายว่าจะเกิดหิมะตกหนัก บรรดากิ่งไม้ในสวนต่างปลิวกระจัดกระจายไปตามสายลมอันหนาวเหน็บ

“เจ้าไม่ต้องเฝ้ารอแล้วล่ะ รีบไปนอนเถอะ” หยวนชิงหลิงพูดกับอะหมัน

หมันเอ๋อกลับมีความรู้สึกไม่วางใจอยู่เล็กน้อย "อย่างไรก็ให้ข้าน้อยเฝ้าอยู่ที่นี่เถอะเพคะ พระชายาอานอยู่ในวังแท้ ๆ ยังเกิดเรื่องได้ มันไม่ปลอดภัยจริง ๆ ข้าน้อยควรเฝ้าระวังป้องกันให้ดี"

หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว ดวงตาทอประกายอ่อนโยน “เด็กโง่ หากมีคนคิดจะฆ่าข้าจริงๆ เจ้าเองก็ต้านทานไม่อยู่หรอก ไปเถอะ พรุ่งนี้ข้ายังต้องไปที่วังอีกครั้ง ถึงตอนนั้นเจ้าก็ต้องไปกับข้าด้วย คืนนี้ควรนอนเอาแรงให้เต็มที่ดีกว่า"

หลังจากสั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า หมันเอ๋อถึงยอมกลับไปนอนแต่โดยดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน