เช้าวันรุ่งขึ้น นางจึงพาจวิ้นจู่เมิ่งเยว่ไปยังจวนอ๋องฉู่
หยวนชิงหลิงกำลังต้มยากับคุณย่า แม้จะให้ตำรับยาของเขาโรคเรื้อนไปแล้ว แต่ว่า หลังจากหายป่วยแล้ว ยังต้องการปรับสมดุลของร่างกายเพิ่มสมรรถภาพให้ดียิ่งขึ้น ฉะนั้น คุณย่าหยวนจึงอยากจะผสมยาที่เหมาะสมในหลายขนานลงไป เพื่อจะได้เหมาะแก่ร่างกายในหลายรูปแบบ
พอได้ยินว่าพระชายาจี้พาจวิ้นจู่เมิ่งเยว่มา คุณย่าหยวนก็ให้หยวนชิงหลิงไปต้อนรับแขก นางจะทำการผสมยาเอง
หลังจากล้างมือแล้วหยวนชิงหลิงก็เดินออกไป เมิ่งเยว่เห็นหยวนชิงหลิง ก็รีบย่อตัวคำนับทันที “เมิ่งเยว่คำนับอาสะใภ้ห้า”
หยวนชิงหลิงเองก็เคยพบกับเมิ่งเยว่เพียงสองสามครั้งเท่านั้น เป็นเด็กที่เรียบร้อยเชื่อฟัง สงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง หยวนชิงหลิงรู้สึกชอบ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้ทำไมเสด็จแม่ของเจ้าจึงยอมพาเจ้าออกมาได้ ไม่กลัวข้าลักตัวเจ้าไปหรือ”
พระชายาจี้ด่ายิ้มๆว่า “พูดอะไร ถ้าเจ้าชอบเมิ่งเยว่ นั่นก็เท่ากับเป็นวาสนาของนาง ให้เจ้าเก็บเอาไว้ก็พอ ประเดี๋ยวข้าจะไปเก็บที่นอนของนางส่งมาให้ ”
หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าคงต้องเอาชีวิตข้าแน่ๆ”
นางเชิญทั้งสองคนเข้าไปนั่ง แล้วก็ให้คนไปเอาเมล็ดแตงโมถั่วและของว่างมาให้เมิ่งเยว่กิน
พระชายาจี้ถามว่า “ตอนนี้เจ้าห้าเป็นอย่างไรบ้าง ”
แม้ว่าเรื่องของเสียนเฟยจะไม่ถูกเปิดเผยออกมา แต่พระชายาจี้มีหูตาอยู่เต็มไปหมด นางย่อมรู้เรื่องดี
หยวนชิงหลิงหลุบตาลง ไม่อยากจะพูดอะไรมากต่อหน้าเด็กน้อย ด้วยเหตุนี้จึงพูดเสียงเรียบๆว่า “เขาสามารถแบกรับและผ่านมันไปได้แน่”
“ถ้าเช่นนั้นก็ดี ”พระชายาจี้พยักหน้า รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
นางพูดกับเมิ่งเยว่ว่า “เจ้าไปที่เรือนหลังบ้านไปเล่นกับน้องๆไป”
เมิ่งเยว่ชอบเหล่าของว่างมาก พูดอย่างดีใจว่า “เพคะ”
นางยืนขึ้นย่อคำนับให้กับหยวนชิงหลิง “ท่านอาสะใภ้ห้า เมิ่งเยว่ขอตัวก่อน”
หยวนชิงหลิงมองนางด้วยรอยยิ้ม “ไปเถอะ”
เมิ่งเยว่หมุนตัวเดินออกไปอย่างดีใจ ออกจากประตูก็กระโดดโลดเต้นไปยังเรือนหลังบ้าน
หยวนชิงหลิงเก็บสายตากลับมา มองพระชายาจี้และพูดว่า “จวิ้นจู่เชื่อฟังน่ารักมาก เจ้าอบรมสั่งสอนได้ดีมาก ”
พระชายาจี้เก็บรอยยิ้มบนใบหน้า มองหยวนชิงหลิงด้วยสีหน้าจริงจัง “เมื่อครู่ข้าไม่ได้พูดล้อเล่นกับเจ้า ข้าหวังว่าจะฝากฝังเมิ่งเยว่ไว้ให้เจ้า ไม่ว่าเจ้าจะยินดีหรือไม่ก็ตาม จำเป็นต้องช่วยข้าในเรื่องนี้ ”
หยวนชิงหลิงอึ้งไปเล็กน้อย “ฝากฝังให้ข้า หมายความว่าอย่างไร เจ้าจะไม่อยู่ในเมืองหลวงแล้วหรือ จะไปไหนกัน ”
พระชายาจี้ส่ายหน้า “ไม่ใช่ ข้าหวังว่านางจะสามารถเรียนวิชาแพทย์กับเจ้า คำนับเจ้าเป็นอาจารย์”
หยวนชิงหลิงทำสีหน้าไม่ถูก “ข้าจะมีความสามารถอะไรที่จะรับลูกศิษย์ได้ ”
“เจ้าจะเปิดโรงเรียนแพทย์อยู่แล้ว ทำไมจะไม่สามารถรับนางเอาไว้ได้“พระชายาจี้ถาม
หยวนชิงหลิงเห็นนางจริงจังมา ก็จริงจังตามไปด้วย “ไม่ใช่ข้าไม่รับนาง แต่คนที่เรียนวิชาแพทย์ต่างก็เข้ามาอยู่ในโรงเรียนแพทย์ นางเป็นจวิ้นจู่ของราชวงศ์ อ๋องจี้จะยอมให้นางปรากฏตัวในวงสังคมหรือ แม้อ๋องจี้จะยินดี ในวังต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน ”
“อีกอย่าง ทำไมเจ้าจึงได้เกิดความคิดว่าจะให้จวิ้นจู่เรียนวิชาแพทย์ขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ”
พระชายาจี้เอ่ยว่า “ในวังข้าย่อมมีวิธีการเกลี้ยกล่อม เจ้าแค่บอกมาว่า เจ้ายินดีจะรับนางเป็นลูกศิษย์หรือไม่ก็พอ”
“รับลูกศิษย์ ……มันดูเป็นคำพูดที่เป็นทางการในยุทธภพมากเกินไป หากนางต้องการเรียนรู้วิชาแพทย์ ข้าสามารถให้คนสอนนางได้ แต่การรับเป็นลูกศิษย์ข้าคิดว่าละเว้นไปเสียเถอะ”
หยวนชิงหลิงพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...