บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 747

หลังจากหยู่เหวินเห้าออกจากวังแล้ว ก็ไปยังจวนอีกแห่งหนึ่งของอ๋องฉี

ที่นี่โดดเดี่ยวและเงียบสงบมาก ในลานบ้านแม้แต่โคมไฟก็แขวนอยู่ไม่กี่ดวงเท่านั้น ทุกที่เต็มไปด้วยความขมุกขมัว

ถามบ่าวรับใช้แล้ว จึงได้รู้ว่าอ๋องฉีอยู่ที่ห้องฝึกยุทธ บ่าวรับใช้นำทางเขาไป เห็นอ๋องฉีกำลังถือดาบยาว ร่ายท่าฟันดาบไปหนึ่งกระบวนท่า ท่าทางลื่นไหลมาก

หยู่เหวินเห้ารู้สึกประหลาดใจอยู่เงียบๆ น้องเจ็ดฝึกวิชาดาบ พระอาทิตย์จะขึ้นทางตะวันตกแล้วกระมัง

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกดีใจขึ้นมา เข้าในข้างในหยิบดาบขึ้นมาและประลองกับเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อน มากสุดน้องเจ็ดก็คงจะสู้กับเขาได้แค่สิบท่าเท่านั้น แต่ว่า คืนนี้กลับสู้กับเขาได้ถึงห้าสิบท่า จึงถูกดาบของเขาเฉือนไปที่แขนเสื้อจนต้องหยุดลง

อ๋องฉีมีอาการหอบหายใจอยู่บ้าง สีหน้าท่าทีดูได้ใจ “พี่ห้า เสมือนจากกันเพียงสามวันก็มีความก้าวหน้าจนต้องขยี้ตามองใช่หรือไม่”

อ๋องฉีเช็ดเหงื่อ มีรอยยิ้มเต็มใบหน้า พูดว่า “อ่านหนังสือจนเบื่อแล้ว ก็เลยฝึกฝนเสียหน่อย ไม่ได้มีความหมายอะไรพิเศษ”

“เพื่อสาวหน้ากลมใช่หรือไม่”คำพูดเดียวของหยู่เหวินเห้าก็พูดตรงใจเขาอย่างจัง

อ๋องฉีรู้สึกเขินอายเล็กน้อย รีบหลบสายตาลง “พูดเหลวไหล”

“ระหว่างพี่น้อง มีอะไรต้องปิดบังกันอีก เจ้าจะพูดความจริงกับข้าไม่ได้เชียวหรือ ”หยู่เหวินเห้ามองเขาอย่างอารมณ์ไม่ดี

อ๋องฉีนั่งลง สะบัดแขนเสื้อ สีหน้าราบเรียบ “พูดจริงหรือพูดหลอกก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ นางจะแต่งงานแล้ว ไม่ใช่หรือ”

“ใช่จะแต่งงานแล้ว”หยู่เหวินเห้าให้คนไปชงชา เดินเข้าไปเตะที่เข่าของเขาทีหนึ่ง “แต่ถ้าหากเจ้าไม่พยายามสักครั้ง เกรงว่าจะเสียใจไปตลอดชีวิต”

“พยายามจะมีประโยชน์จริงหรือ นางหมั้นหมายแล้วนะ”อ๋องฉีใช้สองมือถูกไปที่ใบหน้า รู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนแรงอยู่บ้าง

“เจ้าแน่ใจหรือว่าชอบนางจริงๆ แล้วเจ้าปล่อยวางฉู่หมิงชุ่ยได้แล้วหรือ”

อ๋องฉียิ้มขม “ถ้าหากไม่ใช่ท่านที่เอ่ยถึงชื่อนี้ขึ้นมาในเวลานี้ ข้าก็จำนางไม่ได้แล้ว แค่ชั่วพริบตา ก็ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ ที่จริงหลังจากที่ได้รู้เรื่องราวของนางกับจอหงวนฝ่ายบู๊แล้ว ในสมองข้าก็มีแต่เงาร่างของนางวนเวียนไปมา แล้วก็ไม่เคยนึกถึงฉู่หมิงชุ่ยอีกเลย ”

เขามองหยู่เหวินเห้า สายตาเต็มไปด้วยความอับจนปัญญาและจนใจ “พี่ห้า ข้าเสียใจมาก ทำอย่างไรดี ช่วงนี้ข้าได้แต่คิดอยู่ตลอด ถ้าหากตอนแรกข้ายอมโกหก ขัดน้ำใจของตัวเองบอกกับนางว่าข้าลืมฉู่หมิงชุ่ยไปนางแล้ว เช่นนั้นบางทีข้าอาจจะรั้งนางเอาไว้ได้”

หยู่เหวินเห้านิ่งขรึมไปชั่วครู่ พูดเสียงเบาว่า “พี่เข้าใจเจ้า”

“จริงหรือ”อ๋องฉีรู้สึกคาดไม่ถึง “ท่านไม่ด่าข้าหรือ”

หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า “เมื่อก่อนที่ข้าด่าว่าเจ้า เพราะไม่ได้คิดถึงในมุมของเจ้า ตอนนี้มาไตร่ตรองดูแล้ว ที่จริงคนนอกจะพูดอะไรได้ มีเพียงคนที่ต้องประสบกับเรื่องราวเท่านั้นที่จะรู้สึกได้ คนนอกที่จริงไม่มีสิทธิ์จะชี้แนะอะไรด้วยซ้ำ แต่พี่อยากจะบอกเจ้าว่า ความสุขนั้นต้องใช้ความพยายาในการช่วงชิงมา เจ้าพยายามอย่างสุดความสามารถเป็นครั้งสุดท้าย ไปหานางพูดกับนาง ถ้าหากนางยินดีจะกลับใจ เช่นนั้นพวกเราค่อยมาหาหนทางแก้ไขเรื่องงานแต่งงานของนางกับจอหงวนฝ่ายบู๊”

อ๋องฉีแววตาหม่นหมองลง “ไม่มีประโยชน์ ข้าเคยไปหานางแล้ว นางไม่ยอมเจอหน้าข้า ใช่แล้ว นางต้องโกรธข้าแน่ๆ นางยังไม่ทันได้ตัดสินใจเรื่องแต่งงาน ข้าก็ส่งของขวัญไปอวยพรการหมั้นหมายของนางแล้ว ตอนนี้นึกขึ้นมาได้ ช่างเบาปัญญาจริงๆ ล้วนเป็นข้าที่หาเรื่องเอง”

เขาเงยหน้าขึ้นมามองหยู่เหวินเห้า “พี่ห้า ท่านว่าจะสามารถให้พี่สะใภ้ห้าชวนนางออกมาพบกันข้างนอกได้หรือไม่”

“ข้าจะกลับไปคุยกับนางดูก่อน”หยู่เหวินเห้าพูด

อ๋องฉีพูดอย่างซาบซึ้งใจว่า “ได้ ขอบคุณพี่ห้า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน