บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 746

ที่หยวนชิงหลิงเป็นห่วงก็คือเรื่องนี้ นางถามอย่างระบายอารมณ์ว่า “ทำไมเป่ยถังจึงได้ยากจนเช่นนี้”

ท่านชายสี่เหลิ่งพูดว่า “ราษฎรยังถือว่าดี เพียงแต่ราชสำนักได้เสียเงินทองไปมากกับการทำสงครามที่การบริหารจัดการน้ำและการปราบโจรเจิ้งเป่ยรวมไปถึงการทำสงครามกับเป่ยโม่ บวกกับหลายปีมานี้ด้านทิศตะวันตกและทิศเหนือแห้งแล้ง เจียงหนานประสบอุทกภัยมาก ตั้งแต่ฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ ในประเทศก็มีแต่เรื่องไม่ได้หยุดหย่อน แต่ว่า ในรัชสมัยของไท่ซ่างหวง ก็ค่อยๆตึงมือกันแล้ว เพราะว่าก่อนที่ไท่ซ่างหวงจะสละบัลลังก์ไม่กี่ปีก็มีการส่งเสริมการเกษตรยับยั้งการทำการค้า กลับพลั้งมือติดต่อกันหลายปี ราชสำนักไม่เพียงแต่จะไม่สามารถเก็บภาษีได้ กลับยังต้องชดเชยให้กันราษฎร นับว่าฮ่องเต้ยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะปกครองประเทศให้ดี ไม่เช่นนั้นถ้ายังตกต่ำลงไปเรื่อยๆ เป่ยถังคงไม่มีสภาพอย่างเช่นทุกวันนี้ได้ ”

หยวนชิงหลิงมองท่านชายสี่เหลิ่ง อดไม่ได้ที่จะชื่นชมเขาเป็นอย่างยิ่ง “ที่จริงท่านก็พยายามเอาชีวิตรอดออกมาจากรอยแยกเพียงน้อยนิด แต่กลับทำกิจการให้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ ยอดเยี่ยมจริงๆ”

ท่านชายสี่เหลิ่งพูดว่า “แรกเริ่มเป่ยถังก็อุดมสมบูรณ์ผู้คนก็มากมาย ราษฎรเองก็มีการสะสมสมบัติของครอบครัว บวกกับเหล่าเศรษฐีพ่อค้าขุนนางต่างก็เก็บสะสมความมั่งคั่งของตนเองและครอบครัว อีกอย่างคือมีประชากรมาก มีความต้องการในทุกด้านเป็นอย่างสูง เพียงแต่ราชสำนักไม่ได้มีนโยบายที่ดีและเป็นประโยชน์ ถ้ามีละก็ การค้าขายเจริญขึ้น เป่ยถังคงจะรุ่งเรืองตั้งนานแล้ว ครั้งนี้รัชทายาทได้เสนอเรื่องการส่งเสริมการค้า เส้นทางนั้นเดินถูกต้องแล้ว แต่จำเป็นต้องมีการเสียสละของคนบางส่วน”

หยวนชิงหลิงพูดว่า “แล้วใครล่ะจะยินดีเป็นผู้เสียสละคนนั้น”

“ดูที่โชคชะตากระมัง เหมือนอย่างเช่นจวิ้นจู่เมิ่งเยว่อย่างไรเล่า มีพ่อที่ไม่ดี สร้างปาบจริงๆ ”

หยวนชิงหลิงได้ยินก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจเข้าไปใหญ่ หลังจากที่เมิ่งเยว่คำนับนางเป็นอาจารย์ ก็มาน้อมทักทายนางอยู่บ่อยๆ เป็นเด็กดีที่เชื่อฟังคนหนึ่ง

และพระชายาจี้ที่แต่ไหนแต่ไรมาเป็นคนฉลาดหลักแหลม แต่ครั้งนี้ที่นางต้องเผชิญ ไม่ใช่การหลอกลวงจากคนภายนอก ไม่ใช่แผนการที่ชั่วร้าย แต่เป็นนโยบายในการปกครองประเทศของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน

นั่นไม่ใช่เรื่องที่พละกำลังของนางคนเดียวจะสามารถคัดค้านได้

“มีวิธีอะไรหรือไม่ ”หยวนชิงหลิงถาม

ท่านชายสี่เหลิ่งวางแมวลง มองที่นางและพูดว่า “ที่จริง เจ้าหญิงและจวิ้นจู่ในราชวงศ์ ดูแล้วเหมือนภาพลักษณ์จะสูงส่ง แต่ว่า แต่ไม่สามารถจะกุมชะตาชีวิตตนเองได้ โดยเฉพาะในตอนนี้ที่ประเทศชาติต้องการจะขจัดสถานการณ์ที่ตื้อตันทิ้งไป พวกนางจะกลายเป็นคนที่ต้องเสียสละได้ตลอดเวลา หยู่เหวินหลิงก็เป็นเช่นนี้มิใช่หรือ ฮ่องเต้ไม่ได้รู้ถึงเบื้องลึกของข้าทั้งหมด ก็อนุญาตให้เจ้าหญิงแต่งงานกับข้า เมิ่งเยว่เป็นหลานสาว เกรงว่าเขาคงยิ่งจะไม่ใส่ใจ ข้าคงได้แต่พูดกับเจ้าเช่นนี้ แม้จะไม่ใช่หลี่เชา ก็จะเป็นคนอื่น เจ้ายับยั้งครั้งแรกได้ แต่จะยับยั้งครั้งที่สองไม่ได้ ”

ทำไมจึงได้โหดร้ายนัก แต่ก็เป็นความจริง

กลับมาจากจวนเหลิ่ง หยวนชิงหลิงก็รอเจ้าห้ากลับมาอยู่ในจวน พูดเรื่องนี้ขึ้นมากับเจ้าห้า

เจ้าห้าพูดว่า “ท่านชายสี่เหลิ่งพูดถูก เสด็จพ่อต้องเห็นด้วยแน่ ทางฝั่งเจียงหนานนั้นเป็นพื้นที่ห่างไกล นับว่าเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองเป็นอันดับสองของเป่ยถังเรา ท่านชายสี่เหลิ่งเองก็คงจะมีกิจการไม่น้อยอยู่ที่นั้น เขารู้สถานการณ์ของตระกูลหลี่เป็นอย่างดี เกรงว่าคุณชายรองของตระกูลหลี่จะเป็นคนจิตใจไม่ปกติเช่นนั้นจริงๆ ”

“แล้วจะทำอย่างไร มีวิธีอะไรหรือไม่ ”หยวนชิงหลิงถามอย่างตื่นเต้น

เจ้าห้าครุ่นคิด “เจ้าอย่าเพิ่งกังวลมากเกินไป แม้ว่าพรุ่งนี้พี่ใหญ่จะเข้าวังไปพูดเรื่องนี้ เสด็จพ่อก็คงจะส่งคนไปตรวจสอบทำความเข้าใจก่อนแน่ อย่างน้อยก็ต้องใช้ระยะเวลาหนึ่งจึงจะสามารถทำให้เป็นจริงได้ พวกเรายังมีเวลาที่จะคิดหาวิธี”

วันรุ่งขึ้น หยู่เหวินเห้าได้เรียกให้เสี้ยวหงเฉิงส่งคนไปยังเจียงหนาน ไปสืบหาข้อมูลของคุณชายรองลูกชายของหลี่เชาคนนั้น ว่ามีการทุบตีคนตายจริงหรือไม่

วันที่สาม ฮ่องเต้หมิงหยวนมีพระบัญชาเรียกให้หยู่เหวินเห้าเข้าวัง หลังจากที่เอ่ยถึงเรื่องนี้กับเขาแล้ว ก็ถอนหายใจ “คิดไม่ถึงว่าเมิ่งเยว่จะอายุสิบสองปีแล้ว ข้าได้แต่รู้สึกว่านางยังเป็นเด็กน้อยอายุเจ็ดแปดขวบอยู่ ชั่วพริบตา ก็ใกล้จะถึงช่วงอายุที่จะแต่งงานได้แล้ว”

หยู่เหวินเห้าพูดว่า “เสด็จพ่อ เมิ่งเยว่อายุยังน้อย ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบหมั้นหมายกระมัง ”

ฮ่องเต้หมิงหยวนทำท่ากดมือลงมา “สิบสองปีแล้ว หลังจากหมั้นหมายแล้ว ก็ให้อยู่อย่างนี้ไปอีกสี่ห้าปีก็ได้ หลี่เชาคนนี้ข้าได้ยินคนพูดถึงอยู่ก่อนหน้านี้ บอกว่าได้ทำเรื่องดีๆมากมายให้กับพื้นที่เจียงหนาน ซ่อมสะพานซ่อมถนน ช่วยเหลือคนยากจน เปิดโรงเรียนให้ลูกของผู้ยากไร้ได้เรียนหนังสือ เป็นตระกูลที่สั่งสมความดีจริงๆ”

หยู่เหวินเห้าพูดว่า“เสด็จพ่อ หลี่เชาเป็นคนที่กระทำความดี แต่ไม่ได้หมายความว่าลูกชายของเขาก็มีจิตใจที่เมตตาเช่นนั้นด้วย”

ฮ่องเต้หมิงหยวนบอกว่า “ตระกูลสืบทอดมาดี ลูกหลานย่อมดีตามไปด้วย แต่ว่า สุดท้ายก็เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของจวิ้นจู่ ยังคงต้องทำความเข้าใจให้ดีก่อน เจ้าส่งคนไปที่เจียงหนานสักครั้ง ดูสิว่าตระกูลหลี่มีการทำความดีจริงหรือไม่ ถ้าหากตรวจสอบแล้วเป็นเรื่องจริง เรื่องนี้ก็กำหนดเช่นนี้แล้วกัน”

หยู่เหวินเห้ารู้ว่าตอนนี้จะพูดมากไม่ได้ จึงได้แต่รับพระบัญชา “พ่ะย่ะค่ะ พรุ่งนี้ลูกจะส่งสวีอีไป”

หลังจากที่ฮ่องเต้หมิงหยวนพยักหน้าเบาๆแล้วก็จ้องมองเขา สายตามีแววซับซ้อนอยู่บ้าง เอ่ยขึ้นว่า “อยู่กินข้าวเป็นเพื่อนข้าเถอะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน