บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 758

สรุปบท บทที่ 758 มีเบาะแสนิดหน่อย: บัลลังก์หมอยาเซียน

อ่านสรุป บทที่ 758 มีเบาะแสนิดหน่อย จาก บัลลังก์หมอยาเซียน โดย ลิ่วเยว่

บทที่ บทที่ 758 มีเบาะแสนิดหน่อย คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยาย จีน บัลลังก์หมอยาเซียน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

มาถึงห้องผ่าตัด ลู่หยวนลืมตาขึ้นมาแล้วจริงๆ

ใต้เท้าลู่สองสามีภรรยาเรียกเข้าอยู่ข้างเตียง เขากลับนอนอยู่อย่างแน่นิ่ง และก็ไม่มองคน ใบหน้าไม่มีแม้แต่ความรู้สึกใดๆ

“ลูกหยวน เจ้ามองดูแม่ แม่เรียกเจ้า เจ้าได้ยินไหม?”หลังจากฮูหญิงลู่เรียกแล้วหลายครั้ง เห็นลูกชายไม่ตอบสนอง แม้แต่มองก็ไม่มองด้วยซ้ำ ก็เริ่มร้อนใจ ยื่นมือไปเขย่าไหล่ของเขา

หยวนชิงหลิงรีบพูดขึ้นว่า “ฮูหยิน อย่าเขย่าเขา เลือดคลั่งในสมองยังไม่หายดี”

ฮูหญิงลู่ตกใจรีบปล่อยมือทันที เงยหน้ามองดูหยวนชิงหลิง เฝ้าดูแลติดต่อกันอยู่หลายวัน นางดูตรอมใจหน้าซีดไปหมดแล้ว ดวงตาทั้งคู่ร้องไห้จนตาบวมแดง พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายารัชทายาท เขาฟื้นขึ้นมาก็ไม่รู้จักใครแล้ว เจ้ารีบมาดู”

หยวนชิงหลิงเดินเข้าไป วางกล่องยาไว้ด้านข้างเตียง จากนั้นก็ยื่นมือยกลู่หยวนขึ้นมา ดวงตาของลู่หยวน ไม่ได้ตอบสนองเพราะการเคลื่อนไหวของนาง

ในใจของนางหนักอึ้ง ยื่นมือไปพลิกเปลือกตาของเขา ลูกตาไม่ขยับ เหมือนไม่ได้สติ

เขาค่อยๆหลับตาลงอีกครั้ง ยังคงอยู่ในอาการเหมือนสลบ มีลมหายใจ หัวใจเต้นปกติ คนยังมีชีวิตอยู่ กลับก็ไม่เหมือนคนมีชีวิตอยู่

ฮูหญิงลู่พูดขึ้นด้วยเสียงสั่นเทาว่า “ตกใจจนเลอะเลือนไปแล้วหรือเปล่า? ถูกผีสิงไปแล้วหรือเปล่า? เชิญนักเวทย์มาดูไหม?”

หยู่เหวินเห้าก็เดินมาเรียกอยู่สองครั้ง ไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบสนอง แม้กระทั่งไม่ลืมตาขึ้นมาแล้ว

เดิมหยวนหย่งอี้ดีใจอย่างมาก แต่เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะถามหยวนชิงหลิง อย่างเป็นกังวลว่า “พี่หยวน ทำไมถึงเป็นเช่นนี้”

หยวนชิงหลิงส่ายหัว หยิบเครื่องตรวจฟังเสียงออกมาจากกล่องยา เพื่อฟังดูเสียงหัวใจเต้นของเขา มีจังหวะการเต้นของหัวใจที่ปกติ ลมหายใจก็ปกติ

หลังจากตรวจเช็คตามที่สามารถตรวจได้จนหมดสิ้นแล้ว นางถอนหายใจเบาๆ

เห็นทุกคนมองนางด้วยสายตาเป็นกังวล นางค่อยๆวางเครื่องตรวจฟังเสียงลง มองดูใต้เท้าลู่สองสามีภรรยา พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงหนักแน่นว่า “ใต้เท้าลู่ ฮูหญิงลู่ ข้าสงสัยว่าเขาจะตกอยู่ในสภาพคนนิทรา”

“อะไร? คนนิทรา?” ใต้เท้าลู่ได้ยินประโยคนี้ ก็ถามขึ้นอย่างมึนงงว่า “อะไรคือคนนิทรา?”

ฮูหญิงลู่ตกใจกลัวจนใบหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “นิทรานั่นไม่ใช่การตายแล้วหรือ? พระชายารัชทายาทความหมายของท่านคือ ลู่หยวน......”

ไม่สามารถพูดได้จนจบ ก็ร้องไห้ขึ้นมาอย่างเจ็บปวด

หยวนชิงหลิงรอใต้เท้าลู่ปลอบนางเสร็จแล้ว ค่อยพูดอธิบายขึ้นว่า “คนนิทรา ตามชื่อแล้วก็เป็นเหมือนดั่งนิทรา ไม่สามารถพูดได้ ไม่สามารถสื่อสารกับคนได้ ไม่สามารถทานอาหารได้เอง....”

ฮูหญิงลู่ไม่รอให้นางพูดจบ ก็ร้องไห้ส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นไปได้อย่างไร? นิทราจะสามารถลืมตาได้อย่างไร? เขาไม่ใช่นิทรา พระชายารัชทายาท ท่านต้องช่วยเขา เขาเคยฟื้นขึ้นมาแล้ว”

พูดเสร็จ แล้วก็ไปตบใบหน้าลู่หยวนเบาๆ ร้องห่มร้องไห้แทบขาดใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ลูก เจ้าลืมตาขึ้นมามองแม่อีกครั้ง เจ้ารีบเคลื่อนไหวสิ ไม่ต้องนอนแล้ว นี่เจ้าจะเอาชีวิตแม่หรือ”

หยวนหย่งอี้กลั้นน้ำตา พร้อมถามหยวนชิงหลิงขึ้นว่า “งั้นเขาจะยังสามารถดีขึ้นมาไหม?”

หยู่เหวินเห้ากับใต้เท้าลู่ที่โศกเศร้าอย่างที่สุด ต่างก็มองดูหยวนชิงหลิง หวังอยากที่จะได้ยินถึงความหวังจากปากของนาง

หยวนชิงหลิงเงียบไปสักพัก ทบทวนคิดถึงหลักแนวคิดของคนนิทรา จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “คนนิทราก็เคยมีคนที่ดีขึ้นมา ชีวิตคนเราล้วนเต็มไปด้วยปาฏิหาริย์”

หยวนชิงหลิงพูดคำพูดนี้อย่างค่อนข้างไม่ได้พูดจากใจจริง ถึงจะเคยมีคนนิทราที่ฟื้นขึ้นมา แต่ที่นี่ไม่ได้มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ครบถ้วน ลู่หยวนสามารถมีชีวิตได้นานแค่ไหน นางเองยังไม่มีทางรู้

เขาไม่สามารถรับประทานอาหารได้ด้วยตนเอง ต้องให้อาหารทางจมูกเพื่อป้อนอาหารเหลวเข้าไปในกระเพาะอาหาร ต้องสอดหลอดอาหาร ภายในกล่องยา....นางค้นหาสักพัก ในกล่องยาไม่มีหลอดอาหาร แต่สอดหลอดอาหาร ก็ไม่รู้จะพูดกับคนของตระกูลลู่อย่างไร ต่อไปลู่หยวนต้องพึ่งพาหลอดนี้ในการดำรงชีวิต

แต่ตอนนี้เขาหวังอยากให้ลู่หยวนฟื้นขึ้นมาอย่างจริงใจ และเขาก็จะอวยพรให้พวกเขามีความสุขไปตลอดชีวิตด้วยใจจริง

หยวนหย่งอี้กอดหยวนชิงหลิงร้องไห้อยู่สักพัก เงยหน้าขึ้นแล้วก็มองเห็นอ๋องฉียืนอยู่ใต้ต้นหวาย

เขาพยักหัวให้นางเล็กน้อย คิ้วตาเต็มไปด้วยกำลังใจ

ตอนนี้หยวนหย่งอี้สามารถเผชิญหน้าเขาได้อย่างสงบจิตใจ ราวกับว่าอดีตถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น นางรู้ว่าตนเองจะสามารถผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ เป็นเพราะลู่หยวน

คิดถึงเช่นนี้ ในใจลึกๆของนางก็เจ็บปวดขึ้นมา

อ๋องฉีหันตัวเดินจากไป เขามุ่งมั่นที่จะหาตัวคนร้ายให้เจอเพื่อลู่หยวน ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไร

เขาใช้นามของจวนอ๋องฉี ติดประกาศไปทั่ว ใครเห็นคนชุดดำเดินผ่าน หรือพบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในซอยในคืนนั้น ล้วนมีรางวัลตอบแทน

สุดท้ายเขาให้เงินรางวัลตอบแทนถึงสองแสนตำลึง ถือเป็นการกระตุ้นให้คนที่รู้ตัวคนร้ายออกมาพูด

วิธีนี้เป็นวิธีที่ตรงที่สุด หยู่เหวินเห้าก็เคยคิดที่จะใช้วิธีนี้ แต่ค่าใช้จ่ายกรมการพระนครมีจำกัด สามารถให้เงินรางวัลได้บ้าง แต่ไม่มีถึงสองแสนตำลึง

มีคนมาแจ้งข่าวที่กรมการพระนครมากมายทุกวัน แน่นอนว่าส่วนมากล้วนเป็นข่าวปลอม อ๋องฉีไม่เบื่อหน่าย สั่งคนจดบันทึกไว้ทุกคน

เขาคิดว่า วันนั้นไม่ได้ดึกมาก บนถนนยังมีคน จะต้องมีคนเคยเห็นแน่

สามวันหลังจากประกาศให้รางวัลตอบแทน อ๋องฉีคัดกรองข้อมูลที่ได้รับทีละรายการ พบว่ามีคำพูดของคนคนหนึ่งน่าเชื่อถือมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน