พระชายาจี้กำลังกินของว่าง รู้สึกกังวลจนไม่รับรู้รสชาติของสิ่งที่กิน แต่นางก็ยังคงพยายามกินของว่างชิ้นนั้นลงไปจนหมด ดวงตาแดงก่ำ “ข้ารู้ว่าหากพวกนางติดตามเจ้า ต้องไม่ได้รับความลำบากเป็นแน่ เพียงแต่จะเป็นการทำให้เจ้าลำบาก ”
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ต้องพูดเช่นนี้ เจ้าต้องมองโลกในแง่ดีซะบ้าง”หยวนชิงหลิงเห็นสภาพของนางเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกทรมานมาก
“มองโลกในแง่ดี ”พระชายาจี้เช็ดมือ มองหยวนชิงหลิง “ข้ามองโลกในแง่ดีมาก อย่างน้อยก็จนถึงตอนนี้ ข้ายังคงหวังว่าจะสามารถเฝ้ามองพวกนางได้แต่งงานออกเรือน ฝากฝังพวกนางไว้ให้กับคนที่สามารถดูแลพวกนางได้ เจ้าว่า เกิดเป็นพ่อแม่คน แรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ชีวิตยืนหยัดอยู่ได้ก็คือลูก ยังไม่ถึงช่วงเวลาสำคัญสุดท้าย ไฟแห่งความหวังก็ไม่สามารถดับมอดลงได้ ”
แววตาของนางนิ่งขรึม ราวกับถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกชั้นหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้ม เอ่ยอย่างประชดประชันว่า “ที่จริงที่อาจจะไม่ใช่จุดจบที่ไม่ดีที่สุด ถ้าหากยังปล่อยให้เขาทรมานคนอื่นต่อไปตามใจตัวเอง เขายังคงเลือกที่จะขายลูกสาวเพื่อแลกกับเกียรติยศเหมือนเดิม ทั้งจวนอ๋องจี้นี้ไม่เร็วก็ช้าคงรักษาไว้ไม่ได้ ฉะนั้น เจ้าไม่ต้องปลอบใจข้า เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ข้าสามารถยอมรับได้”
หยวนชิงหลิงรู้สึกชื่นชมนางจากใจจริง พูดว่า “เจ้าเข้มแข็งมาก เชื่อว่าทั้งเมิ่งเยว่และเมิ่งซิงคงมีเจ้าเป็นแบบอย่าง”
พระชายาจี้ยิ้ม มองนาง “ไม่ ให้เอาเจ้าเป็นแบบอย่างเถอะ พูดตามจริง เมื่อก่อนข้านั้นดูถูกคนประเภทเจ้ายิ่งนัก ในใจมีแต่ความเมตตาและคุณธรรม โง่เขลามาก ข้าศรัทธาแค่คำว่าคนที่ไม่คิดทำการอะไรย่อมต้องพบเจอกับหายนะ แต่เมื่อผ่านเรื่องราวมามากมายเช่นนี้ ข้ามองเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเจ้า ทุกเรื่องราวล้วนเหมือนวงจรแห่งกรรม ทุกครั้งที่เจ้าเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นเรื่องดี ล้วนเป็นบุญคุณและกุศลที่เจ้าปลูกเอาไว้ ฉะนั้นข้ามาคิดดูแล้ว รู้สึกว่าการเป็นคนอย่างไรเสียก็ต้องมีความกระตือรือร้นอยู่ส่วนหนึ่ง มีคุณธรรมอีกส่วนหนึ่งจึงจะดีที่สุด ที่จริงก็สามารถดูออกได้จากตัวข้าเอง ถ้าหากยังคงเป็นปรปักษ์กับเจ้าตลอด จนถึงวันนี้ ลูกสาวทั้งคู่ของข้าคงไร้ที่ฝากฝังแล้ว ”
หยวนชิงหลิงยิ้มขม“อย่าพูดเช่นนี้เลย เจ้าดูสิว่ายังมีอะไรต้องจัดเก็บอีกหรือไม่ ที่มีคุณค่าให้ระลึกถึง เจ้าสามารถเอาไปได้ ให้คนส่งออกไปตั้งแต่ตอนนี้ เจ้าห้าจะพาคนมาช่วงเที่ยงของวันนี้ ”
พระชายาจี้ครุ่นคิด “สิ่งของที่ควรค่าแก่การจดจำอย่างนั้นหรือ ไม่มีแล้ว หลายปีก่อนเพื่อเขาแล้ว ของมีค่าที่เป็นสินสอดติดตัวมาล้วนขายไปหมดแล้ว หลังจากนั้นก็ได้แค่พึ่งพาการส่งเสียจากตระกูลมารดา จำเป็นต้องทำงานนอกรีตกับลูกพี่ลูกน้องอย่างช่วยไม่ได้ เพื่อหาเงินเล็กน้อย เงินเหล่านั้นยังอยู่ในร้านแลกเงิน สุดท้ายก็คงต้องถูกยึดไป แต่ข้าวของของเมิ่งเยว่กับเมิ่งซิง ถ้าหากทำได้ข้าอยากจะเก็บไว้สักหน่อย”
“ได้ ข้าจะไปเก็บพร้อมกับเจ้า”หยวนชิงหลิงพูด
ทั้งสองคนลุกขึ้นเดินออกไปยังเรือนที่จวิ้นจู่ใช้พักอาศัยอยู่ เปิดกล่องเครื่องประดับออก หาสิ่งของไม่กี่อย่างวางเอาไว้ในผ้าเช็ดหน้า หยวนชิงหลิงเห็นว่าไม่ใช่ของที่มีราคาค่างวดอะไร เป็นกำไลข้อมือข้อเท้าของเด็กที่ทำจากเงิน ข้างบนยังสลักคำมงคลว่าอายุมั่นขวัญยืน
พระชายาจี้ดวงตาแดงก่ำ พูดว่า “ที่จริงก่อนหน้านี้ไม่กี่วันข้าเพิ่งจะให้คนทำเครื่องประดับศีรษะให้กับพวกนางคนละหนึ่งชิ้น ให้พวกนางได้ใช้สวมใส่ในวันประกอบพิธีปักปิ่น ตอนนี้ยังทำไม่เสร็จ ถ้าหากถึงเวลาข้าไม่อาจไปรับของได้ รบกวนเจ้าให้คนไปเอาให้ที ใบชำระเงินอยู่ที่ข้า ประเดี๋ยวข้าจะมอบให้เจ้า”
หยวนชิงหลิงฟังแล้วรู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก อยากจะพูดปลอบใจนาง แต่ก็รู้สึกว่าคำพูดนั้นอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงอย่างสิ้นเชิง ในใจของพระชายาจี้รู้ดีกว่าใครทั้งหมด จุดเลวร้ายที่สุดของเรื่องนี้คืออะไร แล้วจะปลอบใจทำไม ได้แต่ตอบรับอย่างเดียวก็พอ
ผ่านไปชั่วครู่ หรงเยว่ พระชายาซุน พระชายาอันก็มาถึง
เรื่องที่อ๋องจี้ถูกลงโทษให้ถูกขังคุกไม่ได้เป็นความลับ แต่เรื่องที่ฮ่องเต้มีราชโองการให้ตรวจค้นและยึดทรัพย์ในจวนนั้นยังไม่มีการประกาศออกไป แต่เหล่าพระชายาต่างก็ได้ยินข่าวและเร่งเดินทางมา แค่คิดก็รู้แล้วว่า คงมีเหล่าขุนนางใหญ่ในราชสำนักรู้เรื่องนี้เป็นการส่วนตัวไม่น้อยแล้ว
พระชายาจี้มองเหล่าสะใภ้ร่วมบ้านแต่ละคนที่ดูตื่นเต้นและเป็นห่วง สุดท้ายก็หัวเราะออกมา“ข้ามีอะไรดีกันนะ ตอนนี้ข้าตกทุกข์ได้ยาก พวกเจ้ากลับไม่มีใครซ้ำเติมข้า ถ้าหากข้ายังคงเป็นข้าในวันเก่า วันนี้ข้าพระชายาจี้ต้องประสบเคราะห์กรรมใหญ่หลวง พวกเจ้าคงปิดปากแอบหัวเราะเยาะข้าเป็นแน่”
พี่น้องในราชวงศ์ต่างแก่งแย่งชิงดีกัน แต่สะใภ้ร่วมบ้านของราชวงศ์กลับรักใคร่กลมเกลียวกันเป็นอย่างยิ่ง
พระชายาซุนบ่อน้ำตาตื้น ห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ แอบเช็ดน้ำตา “เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ทำไมจึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้”
พระชายาอันดึงแขนเสื้อของนางเอาไว้ ส่ายหน้าให้กับนาง
พระชายาซุนรู้ว่าตัวเองเสียกิริยา จึงได้เค้นรอยยิ้มออกมาอย่างยากลำบากพูดกับพระชายาจี้ว่า “ก็ไม่เป็นไร ไม่เป็นคนของราชวงศ์ สูญเสียสมบัติเงินทองเล็กน้อย ก็นับว่าเป็นปกติมาก ไปจากที่นี่ ก็ใช่ว่าจะไม่มีชีวิตที่ร่ำรวยมั่งคั่งเสียหน่อย ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ”
พระชายาจี้มองนาง ถอนหายใจลึกๆหนึ่งเสียง
นางกับพระชายาซุนอายุไล่เลี่ยกัน และได้แต่งเข้ามาในราชวงศ์ในเวลาที่ห่างกันไม่มากนัก ตอนแรกความสัมพันธ์ของนางกันพระชายาซุนนั้นดีมาก แต่หลังจากอ๋องจี้ได้เผยให้เห็นถึงความละโมบโลภมากทีละน้อย นางเองก็มีสีหน้าที่โหดร้ายตามมาด้วย ความสัมพันธ์กับพระชายาซุนก็ค่อยๆเลวร้ายลง สามารถพูดได้ว่า ในช่วงระยะเวลาสามสี่ปีมานี้ ถ้าหากพวกนางพบหน้ากันตามลำพัง แม้แต่คำทักทายก็ไม่มีให้กัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...