บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 780

แม่นางเหยาพยักหน้าเบาๆ ค่อยๆพับจดหมายหย่า ราวกับเป็นของล้ำค่าซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อ หันไปย่อตัวคำนับเขา“หลายปีมานี้ คอยดูแลข้าตลอดมาข้าซาบซึ้งใจมาก วันนี้ต้องจากลาไม่ได้พบหน้ากันอีก โปรดรักษาตัวด้วย”

นางถือห่อผ้า เชิดหน้ายืดอกเดินออกมา

หยวนชิงหลิงกับหรงเยว่รออยู่ที่ประตู เห็นนางเดินออกมา ทั้งสองต่างก็เดินเข้าไปประคองแขนของนางคนละข้างเดินออกไปข้างนอก

รถม้ารอยู่ข้างนอก หรงเยว่ประคองนางขึ้นไป ก่อนที่ม่านรถม้าจะปิดลง เดิมหยวนชิงหลิงคิดว่านางจะมองแวบหนึ่ง ไหนเลยจะรู้ว่า นางแค่ถอนหายใจอย่างโล่งอกเล็กน้อย จากนั้นก็หลุบตาลง

หยวนชิงหลิงพูดกับคนขับรถม้าว่า “ไปเถอะ”

ม่านรถม้าปิดลง เสียงฝีเท้าของม้าเดินออกจากปากซอย ด้านหลังนั้น เป็นวัยสาวสิบกว่าปีของนาง ไม่จำเป็นต้องเหลียวหลังแล้ว

“หย่าก็ดี ”หรงเยว่กลัวนางจะเสียใจ จึงปลอบอย่างเงอะงะ “ประเดี๋ยวจะแนะนำผู้ชายดีๆให้ท่านรู้จัก ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีสามี ”

แม่นางเหยาเหลือบสายตาขึ้นมามอง ริมฝีปากแฝงรอยยิ้มจางๆเอาไว้ “ไม่ต้องการ ข้าไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายเช่นนี้มาก่อน”

หรงเยว่ออหนึ่งเสียง “สามารถหาอีกคนก็ดี รสชาติของการไม่ได้แต่งงานมันโดดเดี่ยวนัก ข้าเข้าใจอย่างลึกซึ้งทีเดียว”

หยวนชิงหลิงกับแม่นางเหยาต่างก็หัวเราะขึ้นมา ใช่แล้ว เกือบจะลืมไปแล้วว่าตอนแรกนั้นหรงเยว่มีความอยากแต่งงานมากแค่ไหนแต่ก็กลัวจะได้แต่งกับคนไม่ดี

แม่นางเหยากุมมือของหยวนชิงหลิงเอาไว้ พูดเสียงเบาว่า“อย่าห่วง ข้าสบายดี ตอบจบที่ดีที่สุด ก็คือตอนนี้”

หยวนชิงหลิงตบหลังมือของนางเบาๆ “เช่นนั้นก็ดี”

หรงเยว่รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ “ตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรแล้ว ทำไมยังต้องหย่าท่านอีก อาศัยท่าน อย่างน้อยก็ยังสามารถได้รับข้อดีจากบ้านมารดาของท่านได้ ”

แม่นางเหยาเข้าใจเขา “เขาเป็นคนหยิ่งยโสหัวแข็ง ข้าหักหลังเขา เขาจะอภัยข้าได้อย่างไร เกรงว่าเขาชาตินี้เขาคงเกลียดข้าเข้ากระดูกดำ เพราะว่า ถ้าหากไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น เขาคิดว่ายังคงมีหวังที่จะได้เป็นรัชทายาท นั่นเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา”

หรงเยว่ทำเสียงถุย “แทบจะขายลูกสาวแล้ว ยังมีความหวังอะไรอีก ลูกหลานของราชวงศ์ต้องมีจุดจบเช่นนี้ ไม่เท่ากับเป็นการสร้างความอัปยศต่อบรรพบุรุษหรือ”

หยวนชิงหลิงพูดว่า “เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องเก่าแล้ว ชั่วขณะที่รถม้าออกมาจากประตูจวน หมายความว่าได้กล่าวลากับวันเวลาเก่าๆอย่างหมดสิ้นแล้ว ภายหน้าสนใจแค่ใช้ชีวิตของตัวเองให้ดี หรงเยว่ได้ซื้อบ้านไว้ให้เจ้า ความหรูหราอาจเทียบจวนอ๋องจี้ไม่ได้ แต่เหมาะที่พวกเจ้าสามแม่ลูกจะอาศัยอยู่”

แม่นางเหยารีบบ่ายเบี่ยง “ไม่จำเป็นเลย ตัวข้าเองยังมีเงินอยู่บ้าง เช่าบ้านหลังเล็กๆก็พอแล้ว”

“ไม่ได้ให้ท่านอยู่เสียหน่อย ให้เหล่าจวิ้นจู่อยู่ต่างหาก ท่านน่ะลำบากได้ แต่จะให้เด็กๆลำบากไม่ได้ ท่านก็แค่ไปอยู่ ภายหน้าหากมีที่ไปแล้วค่อยย้ายก็ยังไม่สาย”หรงเยว่พูด

หยวนชิงหลิงก็พูดว่า “เจ้าก็รู้ว่าหรงเยว่น่ะร่ำรวยใจป้ำ แค่ซื้อบ้านหลังหนึ่งก็เท่ากับถอนเส้นผมออกมาหนึ่งเส้นเท่านั้น เจ้าจะเกรงใจนางทำไม เงินของนางถ้าไม่ใช้จ่ายกับพวกเรา ก็ไม่มีที่ให้ใช้แล้ว จะเก็บไว้ให้ขึ้นราหรืออย่างไร”

หรงเยว่ฉีกยิ้มขึ้นมา “ใช่ จะเก็บเงินไว้ให้ขึ้นราหรืออย่างไร ไปอยู่ก็พอ”

แม่นางเหยายิ้มอย่างจนใจ “ก็ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตกอับถึงเช่นนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องผลักไสความหวังดี คำว่าตอบแทนจะไม่พูดแล้ว ล้วนจดจำอยู่ในใจ”

นางเอาศีรษะมาหนุนไว้ที่ไหล่ของหยวนชิงหลิง ถอนหายใจยาวๆหนึ่งเสียง “ตอนนี้ที่คิดถึงที่สุดคือการได้นอนหลับดีๆ ชีวิตนี้นับว่าเก็บกลับมาได้แล้ว”

คนที่ขโมยแผนที่ทางการทหาร ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองต้องการสร้างอาวุธ ก็คงจะเป็นการสมรู้ร่วมคิดกับศัตรู

การสร้างอาวุธต้องใช้กำลังพล แต่ดูแล้วตอนนี้อำนาจทหารก็รวมเป็นหนึ่ง กองทัพตามพื้นที่ไม่มีทางถูกจับเป็นตัวประกัน ฉะนั้นเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าแผนที่ทางการทหารนั้นใช้เพื่อสมรู้ร่วมคิดกับศัตรู

เขาควบคุมความสงบเรียบร้อยของเมืองหลวง เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราประตูเมือง คนนอกที่เข้ามาในเมืองหลวงทุกคนต้องทำการจดบันทึกเอาไว้ทั้งหมด มีคำสั่งให้โรงเตี๊ยมที่พักที่มีชื่อเสียงใหญ่โตทั้งหลาย แขกทุกคนที่เข้าพักต้องมีใบผ่านทาง คนที่ไม่มีใบผ่านทางสามารถให้เข้าพักก่อนได้ แต่จำเป็นต้องรายงานทางการ

แผนที่ทางการทหารฉบับนี้เขาเชื่อว่ายังไม่มีการส่งออกไป เพราะว่าสัญลักษณ์บนแผนที่นั้นไม่มีใครเข้าใจ การสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูก็ต้องให้อีกฝ่ายเข้าใจเช่นกัน ฉะนั้น เขาเชื่อว่าคนคนนี้จะต้องรออยู่ที่เมืองหลวงเพื่อรอให้ราชทูตของแคว้นต้าโจวมาถึง

ขณะเดียวกัน เขาก็เข้าวังไปกราบทูลฮ่องเต้หมิงหยวน แผนที่ทางการทหารนั้นเป็นของปลอมจริงๆ เดิมทีฮ่องเต้หมิงหยวนไม่เชื่อ แต่เขาให้สั่งให้คนไปสร้างรถรบเหมือนที่แบบร่างเอาไว้ รถรบที่สร้างออกมานั้นเปราะบางเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงเชื่อคำพูดของหยวนชิงหลิง แผนที่ทางการทหารฉบับนี้เป็นของปลอมจริงๆด้วย

หลังจากเรื่องราวสงบนิ่งลงแล้ว ก็เริ่มทำการแยกแยะรายละเอียดของเหตุการณ์ มีใครบ้างที่สามารถเข้าใกล้ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ และเอาป้ายเหล็กจากตัวเขาไปได้

หยู่เหวินเห้าเรียบเรียงรายชื่อออกมาหนึ่งชุด ส่งให้องครักษ์ลับออกไปสะกดรอยตาม นี่ดูแล้วคงเป็นการรบที่กินเวลายาวนาน คงไม่สามารถจะจับตัวคนคนนี้ออกมาได้ในเวลาอันสั้นนี้ แต่ว่าอย่างไรเสียก็ต้องล้อมศัตรูเอาไว้ให้แน่นหนา อย่างน้อยหากอีกฝ่ายคิดจะเคลื่อนไหว ก็ต้องเผยหางจิ้งจอกออกมา

รายชื่อชุดนี้ หยู่เหวินเห้าเก็บเป็นความลับ นอกจากคนที่ไว้ใจในจวนกับทางด้านโสวฝู่ฉู่แล้ว ก็มีแต่องครักษ์ลับกับเสี้ยวหงเฉินที่รู้ แม้แต่กู้ซือกับเหลิ่งจิ้งเหยียนก็ไม่ได้บอก

ท่าทีของหยู่เหวินเห้าเปลี่ยนไปจากปกติโดยสิ้นเชิง ไม่ได้ให้ความสนใจในคดีของกรมการพระนคร กลับคอยจับตาดูเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยในเมืองหลวง ทางด้านกองทัพทางใต้ก็ได้ส่งคนของตัวเองเข้าไปสอดแนม

เขาวางแผนการอย่างระมัดระวังที่สุด สายลับของเสี้ยวหงเฉินแทบจะถูกเขาส่งออกไปทำงานจนหมด นอกจากการตรวจตราแล้ว ยังทำการป้องกัน เพราะว่ายายหยวนกับคุณย่าได้ไปเป็นพยานในศาล ชี้ว่าแผนที่ทางการทหารนั้นเป็นของปลอม อีกฝ่ายต้องคิดว่ายายหยวนกับคุณย่านั้นต้องรู้เรื่องการสร้างอาวุธเป็นแน่ อาจลงมือกับพวกนางก็ได้

หลังจากที่หยู่เหวินจุนกลับไปยังจวนอ๋องจี้แล้ว อาศัยอยู่ในจวนหลายวัน จากนั้นกรมคลังได้นำคนไปปิดจวน เขาไม่ยอมจากไป ยังทำการต่อต้านอยู่พักใหญ่ กรมคลังทำหน้าที่โดยแยกงานออกจากเรื่องส่วนตัว เขาต่อต้านไปก็ไร้ประโยชน์ สุดท้ายก็ได้แต่เก็บข้าวของออกมาจากจวนอ๋องจี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน