บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 810

ตลอดทางกลับเมืองหลวง ทิวทัศน์ปลายฤดูใบไม้ร่วงสวยงามอย่างมาก ข้างถนนทั้งสองข้างต้นไม้เป็นสีเหลืองไปมากกว่าครึ่ง ใบไม้สีเหลืองปลิวไปตามลมฤดูใบไม้ร่วง ลงมาเป็นสีเหลืองอร่ามชั้นแล้วชั้นเล่า

ที่จริงม้าสามารถวิ่งได้เร็ว แต่ร่างกายท่านย่าหยวนรับแรงกระแทกไม่ไหว เพราะฉะนั้น หยู่เหวินเห้าจึงสั่งให้สวีอีขับช้าลง ค่อยๆเดินทาง

ท่านชายหงเย่ดูเหมือนจะชอบวิวทิวทัศน์ของเป่ยถังมาก ชอบมองมาตลอดทาง มีบางครั้งทำให้การเดินทางของม้าช้าลง

โดยเฉพาะเมื่อมาถึงด่านหุย เขามองดูทิวเขาเหลืองอมเขียว พร้อมพูดชมยังไม่หยุดว่า “ก่อนหน้านี้พระองค์พูดว่า หากข้าตายอยู่ในต่างแดน ฟังดูน่าเศร้า แต่เมื่อดูวิวทิวทัศน์ที่งดงามเช่นนี้ ตายอยู่ที่นี่ ก็ถือว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่งใช่ไหม?”

หยู่เหวินเห้าดูท่าทีหลงใหลป่าเขาลำเนาไพรของเขา อย่างไม่ชะล่าใจเลยสักนิด กลับรู้สึกว่าคนคนนี้คาดเดาไม่ได้เลย

“หากท่านชายคิดว่าตายอยู่ที่นี่ถือเป็นความสุข ข้าก็ไม่ห้าม”หยู่เหวินเห้าหันสายตากลับ แล้วก็ขี่ม้าต่อไป

ท่านชายหงเย่ หัวเราะขึ้นมาอย่างมีความหมายลึกซึ้ง

ฮ่องเต้หมิงหยวนกำหนดโทษอ๋องชินเป่า อย่างแรกลงมาแล้ว ก็คือปลดออกจากการเป็นอ๋องชิน

อ๋องชินเป่าเป็นฮ่องเต้ฮุยจงแต่งตั้งในตอนนั้น ตั้งแต่เขายังเป็นเด็กก็ประทานตำแหน่งให้เป็นอ๋องชิน ตามธรรมเนียมแล้ว บุตรชายของฮ่องเต้สามารถถูกแต่งตั้งให้เป็นอ๋องชิน ตอนนั้นต่อให้อ๋องชินยู่ไม่คิดกบฏ มากสุดอ๋องชินเป่าก็จะถูกแต่งตั้งให้เป็นเพียงจวิ้นอ๋อง

พระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ ที่ฮ่องเต้ฮุยจงมีให้กับหลานคนนี้ ไม่สามารถแลกเปลี่ยนความจงรักภักดีและความกตัญญูในใจเขา กลับถูกขุดหลุมฝังศพ ทำลายสุสานจักรพรรดิ จะไม่ให้ฮ่องเต้หมิงหยวนโกรธได้อย่างไร?

ฆ่าเขาตาย ก็ไม่ถือว่าเกินเหตุ

แต่แผนที่ทางการทหารยังหาไม่เจอ และเรื่องนี้ก็ยังสืบไม่รู้ความอย่างสมบูรณ์ทั้งหมด ดังนั้นองเต้หมิงหยวน จึงยังเหลือชีวิตของเขาไว้

ขบวนของหยู่เหวินเห้ามาถึงอู๋โจว กู้ซือพาคนมารับจดหมายข่าว หลังจากแลกเปลี่ยนข่าวสารกันแล้ว หยู่เหวินเห้ายกท่านย่าหยวน กับท่านชายหงเย่ให้กับกู้ซือ ส่วนเขากับสวีอีขี่ม้ากลับมาเมืองหลวงก่อน

กลับมาถึงเมืองหลวงก็ตรงไปยังจวนอ๋องชินเป่า ถึงแม้อ๋องชินเฟิงอันถามเรื่องราวไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีจุดที่น่าสงสัยมากมาย เขาต้องการคำตอบให้หายข้องใจ

อ๋องชินเป่าได้ยินว่าฮูหยินใหญ่ปลอดภัยดีแล้ว ก็ถอนหายใจโล่งอก พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าขออภัยนางอย่างมาก”

หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ประโยคนี้เก็บไว้พูดกับลู่หยวนเถอะ เขาถูกเจ้าทำร้าย ตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา”

อ๋องชินเป่าเผยให้เห็นถึงแววแห่งการชื่นชม พร้อมพูดขึ้นว่า “องค์ชายรัชทายาทฉลาดหลักแหลมจริงๆ ไม่ผิด คืนนั้นคนที่ต้อนรับข้าบนเรือนางโลม คือนางชุนกับบ่าวใช้จริง มีเพียงแค่สองคนนี้ หากข้าก็ยอมรับผิด ก็ไม่เหมาะที่จะกระทำการใหญ่อะไร ข้ามีแผนที่ทางการทหาร ไม่สะดวกที่จะหลบหนีไปทางน้ำ ดังนั้น ข้าเอาเงินให้กับพวกนาง ให้พวกนางช่วยข้าเอาแผนที่ทางการทหารขึ้นไปบนฝั่ง นำกลับไปที่บ้านของพวกนาง รับปากว่าจะให้เงินพวกนางมากมาย นางคณิกาของซ่องเห็นแก่ผลประโยชน์ จึงรับปากอยู่แล้ว หลังจากที่ข้าหนีออกมาแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นก็ไปเอาแผนที่ทางการทหาร แล้วก็ฆ่าปิดปากพวกนางทั้งสองคน ต่อมารู้ว่าเจ้าเจ็ดไปสืบถึงบนเรือนางโลม จึงว่าจ้างบ่าวใช้ของหลิ่วเอ๋อ และทิ้งป้ายเหล็กไว้ บอกว่าถึงตอนนั้นจะมีคนมาหาของ เพียงแค่เอาให้เขาก็พอ”

“ดังนั้น หลังจากจัดการทุกอย่างแล้วค่อยทิ้งป้ายเหล็กไว้หรือ? ทำไม? เป็นการเตือน? หรือท้าทาย? หรือเป็นการข่มขู่? หรือเป็นอย่างที่เจ้าพูด กระทำให้สถานการณ์ยิ่งวุ่นวายขึ้น?”

“มีส่วนทั้งหมด” อ๋องชินเป่าไม่ปฏิเสธ พร้อมพูดขึ้นว่า “ตอนนั้นยิ่งพวกเจ้าสงสัยคนยิ่งมาก ก็จะต้องยิ่งแบ่งคนไปตามสืบ ทำให้ข้ามีเวลามาย้ายแผนที่ทางการทหาร กับแอบหล่อหลอมอยู่ที่ซีเจ้อ เพราะ หนึ่งในคนที่ใกล้ชิดกับฮ่องเต้มากมายขนาดนี้ ข้าเป็นคนที่ไม่คู่ควรแก่การสงสัยอย่างที่สุด พวกเจ้าอาจจะไม่ส่งคนจับตามองดูข้า แต่ข้ากลับประมาทในความระมัดระวังขององค์ชายรัชทายาท แม้แต่คนว่าง เปล่าประโยชน์อย่างข้า พวกเจ้าก็ยังจับตาดู”

หยู่เหวินเห้าอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความคิดอย่างลึกซึ้งและระมัดระวังของเขา จึงพูดขึ้นว่า “ดังนั้น เจ้าเอาแผนที่ทางการทหารฉบับปลอม ไว้ในห้องหนังสือของหยู่เหวินจุน ก็เพื่อเป็นการยื้อเวลาหรือ?”

“มีสองเหตุผล อย่างที่หนึ่ง แผนที่ทางการทหารที่พวกเจ้าค้นเจอในจวนอ๋องจี้ เขาก็จะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรก สามารถที่จะเบี่ยงเบนความสนใจให้ข้าได้อย่างมากมาย อย่างที่สอง หลังจากได้แผนที่ทางการทหารมา ข้าดูไม่รู้เรื่อง ตอนนั้นข้าไม่ได้เป็นกังวลอะไรมาก เพราะแคว้นต้าโจวจะต้องส่งคนมาพูดอธิบาย ดังนั้นข้าจึงรอคนคนนี้ปรากฏตัว จากนั้นก็ลักพาตัวพวกเขาไปมาตลอด ข้ารู้จากพวกเขาว่าเกิดเรื่องที่แคว้นต้าโจว นั่นก็คือ แผนที่ทางการทหารในมือข้า มีชิ้นเดียวในโลก และที่น่าขำกว่านั้นก็คือ คนคนนี้ไม่รู้รายละเอียดแผนที่ทางการทหาร นั่นก็หมายความว่า ข้าลักพาตัวเข้าไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือมีประโยชน์ใดใดเลย แผนที่ทางการทหารข้าก็ยังคงดูไม่รู้เรื่อง”

“ดังนั้น เจ้าจึงต้องการอาศัยเรื่องจวนอ๋องจี้ สำรวจดูว่าใครกันแน่ที่สามารถรู้รายละเอียดแผนที่ทางการทหาร”

อ๋องชินเป่าถอนหายใจเบา พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่ก็เพราะจนใจแล้ว เรื่องมากมายวางแผนอย่างค่อนข้างกะทันหัน ไม่สมปรารถนาก็มีความเป็นไปได้”

หยู่เหวินเห้าพยักหัว จ้องมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “คำถามสุดท้าย ตอนนั้นใครเป็นคนบอกเจ้าว่า ห้องหนังสือของจวนอ๋องจี้จะถูกขโมย? แล้วเจ้าเอาแผนที่ทางการทหารเข้าไปวางไว้ในห้องลับได้อย่างไร? คนที่ติดต่อกับเจ้าคือใคร?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน