หยวนชิงหลิงเดินออกมาจากลานเซี่ยจื้อ แล้วก็ไปพบกับโสวฝู่และแม่นมสี่ที่โถงรับรอง
นางบอกกับโสวฝู่ว่า “แผ่นหลังของชายชั่วคนนั้นมีรอยแผลเป็นหนึ่งแผล ลายมือที่เขียนจดหมายคล้ายกับเจ้าห้าเจ็ดถึงแปดส่วน นอกเหนือจากนี้ ก็สืบอะไรออกมาไม่ได้อีกแล้ว”
โสวฝู่มองนาง ทันใดนั้นก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา “แค่นี้พระชายาก็แน่ใจแล้วหรือว่าคนคนนั้นไม่ใช่รัชทายาท”
ตามปกติแล้ว ก่อนที่จะมีหลักฐานมายืนยัน ผู้หญิงส่วนมากจะไม่มีทางเชื่อใจผู้ชาย
“แน่ใจ”หยวนชิงหลิงตอบอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“เพราะอะไร”โสวฝู่ถามขึ้น
หยวนชิงหลิงยิ้ม “อันดับแรกคือสัญชาตญาณ แต่ว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรข้าไม่เคยอาศัยเรื่องสัญชาตญาณ ฉะนั้นที่จริงก็เคยหยั่งเชิงเขามาก่อนแล้ว แต่เมื่อลองคิดทบทวนอย่างละเอียด เขาไม่มีเวลาตรงนี้ที่จะไปพบเจอกับฉู่หมิงหยางเลย ตั้งแต่ได้รับตำแหน่งรัชทายาท เขาก็ทำงานหนักทุกวัน วันหยุดพักผ่อนส่วนมากก็อยู่เป็นเพื่อนข้าในจวน และที่สำคัญที่สุดคือข้าไม่เชื่อว่าเขาจะมีความรู้สึกใดๆต่อฉู่หมิงหยาง ยิ่งไม่เชื่อว่าเขาจะให้ฉู่หมิงหยางคอยสอดส่องทุกการเคลื่อนไหวของจวนอ๋องจี้ เพราะว่าทุกวันอ๋องจี้จะกินข้าวกี่มื้อหรือเข้าห้องน้ำกี่ครั้ง ขอเพียงข้าอยากจะรู้ ข้าย่อมได้รู้อย่างชัดเจนทุกเรื่อง ”
มีพระชายาจี้ในตอนนั้นอยู่ ในจวนอ๋องจี้ยังต้องมีสายสืบอะไร แม้จะไม่มีพระชายาจี้แล้ว ให้คนของเสี้ยวหงเฉิงคอยจับตาดูก็ได้จะไปยากอะไร คงไม่ถึงกับต้องใช้ร่างกายของตนเองเข้าแลกกระมัง
โสวฝู่ฉู่อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างชื่นชม จากนั้นก็มองไปทางแม่นมสี่ พูดอย่างภูมิใจว่า “ความเชื่อใจสำคัญมากใช่หรือไม่”
แววตาของแม่นมสี่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม “ไม่ได้ไม่เชื่อสิ่งที่ท่านพูด ก็แค่อยากจะถามให้ชัดเจนเท่านั้น เพราะว่าก่อนหน้านี้นางอยู่แต่ในจวนทุกวัน เข้าออกก็มีคนคอยตาม ทำไมคนที่เป็นท่านปู่อย่างท่านจึงไม่รู้สึกผิดสังเกตเลยสักนิด”
โสวฝู่เอามือไขว้หลัง พูดพึมพำว่า “ท้ายที่สุดแล้วข้าที่นอกจากจะจัดการเรื่องในราชสำนักแล้วยังต้องแบ่งจิตใจและความคิดมาดูแลเรื่องภายในบ้านอีกอย่างนั้นหรือ ”
หลังจากออกมาจากจวนโสวฝู่แล้ว หยวนชิงหลิงได้ให้แม่นมสี่กลับไปก่อน นางพาหมันเอ๋อไปหาแม่นางเหยา
หลังจากที่แม่นางเหยาไม่ได้เป็นพระชายาจี้แล้ว ก็ใช้เวลาขัดเกลาจิตใจและนิสัยของตนเอง ทำงานเย็บปักถักร้อยทั้งวัน และหน้าตาก็ดูงดงามมีเมตตามากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก สวมเสื้อผ้าธรรมดา บนแขนเสื้อปักลายดอกไม้สีขาว ยังคงไว้อาลัยแด่ฮองเฮาอยู่
พอได้ยินว่าฉู่หมิงหยางตั้งครรภ์ นางถึงกับท่องคำว่าอมิตาพุทธออกมา
หยวนชิงหลิงฟังแล้วก็รู้สึกแปลกใจ “อมิตาพุทธอะไรกัน นี่เจ้ากำลังมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอยู่หรือ”
แม่นางเหยาเอาเข็มปักลงไปที่เส้นผมบนศีรษะสองที เอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า :“หรือนี่จะไม่ใช่เรื่องปาฏิหาริย์ หยู่เหวินจุนก็ไม่สามารถมีลูกได้แล้ว ฉู่หมิงหยางยังสามารถตั้งครรภ์ได้อีก ควรท่องคำว่าเทพเจ้ามีอยู่จริง”
“เจ้านี่มันปากร้ายมากจริงๆ”หยวนชิงหลิงพูด
“แต่ไหนแต่ไรมาข้าปากหวานมาก แต่ว่าใจร้าย เป็นอย่างนั้นจึงจะดีใช่หรือไม่”แม่นางเหยาค้อนให้นางหนึ่งที
คิดถึงเมื่อก่อน หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะมองนางนานขึ้น ในใจเกิดข้อสงสัยว่าข้างในของนางนั้นได้เปลี่ยนวิญญาณดวงใหม่แล้วใช่หรือไม่
“เมิ่งซิงล่ะ”หยวนชิงหลิงเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเข้าประตูมาก็มองไม่เห็นนาง ตอนนี้เมิ่งเยว่นั้นกำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนแพทย์ เมิ่งซิงยังเด็ก จึงไม่ได้ไปเรียน
“พี่ใหญ่พานางไปอยู่ด้วยสักพัก ”นางถอนหายใจเบาๆ“วันหลังหากเจ้ามาอีก นำหมาหรือแมวมาให้ข้าสักตัว อาหารที่กินเหลือทุกมื้อที่บ้านข้าล้วนเสียเปล่า ไม่สู้เอามาเลี้ยงสิ่งมีชีวิต ยังนับว่าเป็นการสร้างกุศลเรื่องหนึ่ง ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...