บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 897

ซาลาเปาไปติดต่อกันเป็นเวลาครึ่งเดือน นั่นเรียกว่ามีความสุขจนลืมกลับมา

ค่อยๆ เขาเริ่มส่งข่าวสาร เป็นธรรมดาที่ทำได้เพียงบรรยายด้วยคำพูด การนำภารกิจกลับมานี้ ก็ทำให้เขาลำบากเล็กน้อยแล้ว เพราะว่าต้องท่องข้อมูล

เขากลับมาบอกหยู่เหวินเห้า บอกว่าตอนนี้เขากลายเป็นคนที่โด่งดังของตระกูลหยวนแล้ว ทุกคนล้วนอยากพบเจอเขา อยากทำความเข้าใจว่าเขาเป็นคนอย่างไร

หยู่เหวินเห้ารู้สึกประหลาดใจทันทีที่ได้รับความชื่นชมอย่างมากมาย ตอบจดหมายที่ยาวมากกลับไปฉบับหนึ่ง มีมากถึงสิบประโยค สัญญาว่าจะปฏิบัติต่อหยวนชิงหลิงอย่างดี สัญญาว่าจะอบรมสั่งสอนพวกลูกๆดีๆ สัญญาว่าจะกตัญญูต่อท่านย่าหยวน ทั้งยังไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบของทุกคน บวกกับพูดถึงเรื่องสภาพอากาศสองสามประโยค จดหมายฉบับหนึ่งใจความสำคัญครบถ้วน

และสิ่งที่เขาเป็นห่วงมากที่สุดก็คือคำพูดของเจ้าอาวาส ทุกวันซาลาเปาก็จะบอกว่ามีความคืบหน้า ยาได้ค้นคว้าวิจัยพัฒนาออกมาแล้ว รอบแรกทดลองผ่านแล้ว ตอนนี้เริ่มการทดลองรอบที่สอง เพราะสถานการณ์ค่อนข้างอันตราย ดังนั้นเวลาในการทดลองก็จะหดสั้นลงมาก

ถ้าหากการทดลองครั้งที่สองผ่าน เช่นนั้นไม่เกินครึ่งเดือนก็สามารถใช้ได้แล้ว

ครึ่งเดือน บอกว่านานก็ไม่นาน บอกว่าสั้นก็ไม่สั้น สำหรับเขาแล้วทุกวันคือการเฝ้ารอและเป็นความทรมาน

อ๋องอานถึงจวนเจียงเป่ยแล้ว

ตลอดทาง พระชายาอาน สถานการณ์ของพระชายาอานเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย โดยรวมบาดแผลไม่สามารถสมานกันได้ แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงจนสาหัสมากนัก อีกทั้ง สามีภรรยาสองคนไม่ได้รักใคร่กันเหมือนก่อนหน้านั้นนานแล้ว โดยส่วนมากนางนิ่งเงียบไม่พูดจา เขาก็ไม่ได้ไปดูนาง เพียงแค่ส่งคนไปจับตาดูทุกวันเท่านั้น จากนั้นก็รายงานสถานการณ์

จวนเจียงเป่ยยากจนข้นแค้นมาก ราษฎรในพื้นที่อาจหาญ ไม่ฟังการปกครองของราชสำนัก แต่หลังจากที่อ๋องเว่ยมานับแต่นั้น ได้ดําเนินนโยบายช่วยเหลือประชาชนกับจวนเจียงเป่ยอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งหลังจากปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบบางส่วนแล้ว จึงค่อยๆเปลี่ยนเป็นสงบสุขขึ้นมาก

แต่ว่า ความเจริญรุ่งเรืองของที่นี่กับเมืองหลวงเทียบกันไม่ได้โดยสิ้นเชิง ค่าใช้จ่ายการกินดื่มทั้งหมดที่มีอยู่ไม่ละเอียดประณีต มีหมอและโรงหมอ แต่วิชาการรักษาล้าหลังเป็นที่สุด

พวกเขามาถึงได้ไม่นาน ในเมืองหลวงก็ส่งหมอมาท่านหนึ่ง บอกว่ารัชทายาทบอกให้คนส่งมา หมอท่านนี้ส่งไปที่อ๋องเว่ยทางนั้นก่อน แล้วส่งเข้ามาโดยอ๋องเว่ย

หลังจากที่อ๋องอานได้ยินแล้ว หัวเราะเยาะต่ออ๋องเว่ย “ทำไม? ใช้ความโกรธแค้นตอบแทนความมีคุณธรรมหรือ? น้องห้าอ่อนแอเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? ไม่ใช่ว่าเขาควรจะไล่ตามมาตีข้าสักรอบหนึ่งหรอกหรือ? หรือว่าเอาหัวของข้าไปล้างแค้นให้พระชายารัชทายาท นี่ถึงจะเป็นท่าทีที่เขาควรมี เขาทำเช่นนี้ ข้าก็จะไม่ซาบซึ้งในบุญคุณของเขา เรื่องนี้ เดิมทีก็เป็นหายนะที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ข้าถูกใส่ร้าย”

“แม่งเอ๊ยพูดพร่ำไร้สาระ เจ้ายังจะถูกใส่ร้ายอีก?” อ๋องเว่ยอยู่ในกองทัพมาเป็นเวลานาน เลี่ยงไม่ได้ที่คำพูดคำจาจะหยาบคาย “เรื่องชั่วร้ายเหล่านั้นที่เจ้าทำ เอาชีวิตสุนัขของเจ้าก็ไม่เกินไป”

“เช่นนั้นเขาจะเสแสร้งทำไม? มาเอาหัวของข้าไปตรงๆเลยสิ ทำไมต่อหน้าเสด็จพ่อแล้วยังต้องแสร้งส่งหมอมาทำให้ข้าสะอิดสะเอียนด้วยเล่า?” อ๋องอานกล่าวอย่างเย็นชา

อ๋องเว่ยนั่งลงบนเก้าอี้ทันที เดิมทีจวนแห่งนี้เป็นที่ตั้งมั่นประจำการป้องกันรักษาของแม่ทัพที่อยู่ที่นี่ หลังจากสร้างจวนใหม่แล้วจึงทิ้งไว้ไม่เอาแล้ว เป็นเวลานานที่ไม่ได้ซ่อมแซม ของใช้ในบ้านก็เก่าเป็นอย่างมาก อ๋องเว่ยนั่งครั้งนี้ เก้าอี้ก็ยากที่จะรับได้ส่งเสียง “เอี๊ยดอ๊าด” ขาทั้งสองข้างของเขาพาดอยู่บนโต๊ะเตี้ย หรี่ตาชำเลืองมองใบหน้าเหม็นๆของอ๋องอาน “เจ้าอย่าคิดไปเองมากนัก ไม่ได้ส่งมาเพื่อเจ้า แต่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้อาเหยียน เจ้าคู่ควรให้คนอื่นเขาทำดีต่อเจ้าหรือ? หน้าไม่อาย”

อ๋องอานโกรธเป็นอย่างมาก “งั้นคนส่งมาแล้ว เจ้าก็ไปได้แล้ว”

อ๋องเว่ยยังคงหรี่ตามองดูเขา “อยู่ในจวนเจียงเป่ยยังคิดจะวางอำนาจอีกงั้นหรือ? เจ้าต้องดูว่าอยู่ในอาณาเขตของผู้ใด แม้ว่าจวนเจียงเป่ยจะเป็นสถานที่ที่เจ้าถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าเมือง แต่มีกองกำลังทหารก็ต้องถือกองกำลังทหารเป็นใหญ่ที่สุด ทั้งจวนเจียงเป่ยนี้ ข้าอยากมาก็มา อยากไปก็ไป ผู้ใดก็ไล่ไม่ได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน