บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 923

คนกลุ่มหนึ่ง พากันเดินทางมาที่บ้านตระกูลหยวนอย่างยิ่งใหญ่เอิกเกริก

เนื่องจากเทียบขอเข้าพบถูกส่งมาที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้ว แจ้งมาว่าวันนี้จะมีคนมาเจรจาเรื่องการแต่งงาน เป็นผู้ที่ชื่อว่าสวีอีซึ่งทำงานอยู่ในจวนรัชทายาท ฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนจึงสั่งให้คนไปรวบรวมข้อมูล รวมถึงสถานการณ์ทั้งหมดทั้งมวลของสวีอี แล้วนำมารายงานนางทันที

ไม่เกินหนึ่งชั่วยาม ทุกเหตุการณ์ทุกเรื่องราวตั้งแต่สวีอีเกิดจนถึงเมื่อวานนี้ ทั้งหมดทั้งมวลก็ถูกรวบรวม แล้วส่งไปถึงมือฮูหยินใหญ่อย่างครบถ้วนไม่มีตกหล่น

ตระกูลหยวนแต่ไหนแต่ไรมา จะยกหน้าที่ให้ผู้หญิงเป็นคนรับผิดชอบ ส่วนผู้ชายจะแค่คอยสนับสนุนอยู่ข้างๆ ดังนั้น เรื่องนี้ก็ยังต้องเป็นผู้หญิงที่รับหน้าที่ออกหน้า แม่ของอะซี่รู้สึกเคร่งเครียดเป็นพิเศษ แม้แต่หยวนหย่งอี้ก็ยังถูกเชิญให้กลับมาทันที

แม่ของอะซี่ถอนหายใจ “ข้าคลอดลูกสาวติดๆ กันมาหลายคน ต้องคอยกังวลอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าพวกนางจะแต่งไม่ออก จนต้องยอมขาดทุนเก็บพวกนางเอาไว้ในมือตัวเอง กลายเป็นสาวแก่ทึนทึก

ยังดีที่ถึงแม้ว่าเจ้าอี้จะถูกส่งคืนกลับมา แต่ก็ยังบรรจุห่อเสียใหม่แล้วขายออกไปได้อยู่ อะซี่เป็นคนที่ข้าเป็นห่วงที่สุดแล้ว เด็กคนนี้ทั้งประมาทเลินเล่อ ทั้งนิสัยก็ดูไม่เหมือนเด็กผู้หญิงเอาเสียเลย

เดิมทีคิดว่านางคงจะขึ้นคานขายไม่ออกแน่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนต้องตานางจนได้ ท่านแม่เจ้าคะ เป็นเพราะการใคร่ครวญอันรอบคอบของท่านแท้ๆ ที่ส่งนางไปเปิดหูเปิดตา หาประสบการณ์ที่จวนอ๋องฉู่ ถึงเป็นสินค้าขายออกกับเขาได้เสียที"

จนถึงตอนนี้ แม่ของอะซี่ทำการค้าขายมาโดยตลอด ดังนั้นคำพูดของนางจึงเต็มไปด้วยการแทนลูกเป็นสินค้า และเรื่องการค้าการขาย

ฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “เจ้าจงมั่นใจในตัวหญิงสาวตระกูลหยวนของพวกเราเถอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องนิสัยใจคอห้าวหาญอะไรนั่นหรอก เพราะถึงอย่างไร นั่นก็นับว่าเป็นจุดขายอย่างหนึ่งที่คนนิยมมากเช่นกัน”

คำพูดนี้ ใช้เป็นคำพูดหลอกตัวเองแน่นอนแล้ว ในช่วงหลายปีมานี้ มีใครมาถามไถ่สู่ขอหญิงสาวในตระกูลหยวนด้วยหรือ?

คนที่มีสถานะเดียวกัน พวกเขาต่างก็ดูถูกเหยียดหยามหญิงสาวตระกูลหยวนกันหมด ไม่มีใครต้องตาพวกนางเลย

เมื่อสถานะไม่เหมาะสมกัน พวกเขาก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปีนป่ายกิ่งสูงอะไร เพื่อหลีกเลี่ยงความโกรธเกรี้ยวที่อาจถูกรังแก และจะอย่างไรก็ตาม ตระกูลหยวนก็ยังขึ้นชื่อในเรื่องความเผด็จการมีอำนาจในเมืองหลวงไม่น้อย หนึ่งในขวากหนามที่ใหญ่ที่สุด ก้าวผ่านได้ยากที่สุด ก็คือฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลหยวนนั่นเอง

ในสายตาของใครหลายๆ คน ตระกูลหยวนนั้นไร้เหตุผล ไม่เหมือนกับตระกูลอื่นๆ ทั่วไป เนื่องจากเอกลักษณ์หนึ่งของคนทั่วๆ ไป จะมีการตั้งกฎเกณฑ์บางอย่างขึ้นมา เพื่อควบคุมผู้คนภายใต้สำนักหรือใต้การปกครองของตน แต่เพราะเมื่อไหร่ตามที่มีคนรู้จักพูดถึงกฎเกณฑ์ ย่อมหมายถึงความมีมาตรฐานทางศีลธรรม

แต่ตระกูลของพวกเขาไม่มีอะไรแบบนั้น ประพฤติทุกอย่างไปตามความชอบและไม่ชอบ ดังนั้น บรรดาลูกชายลูกสาวของตระกูลหยวน จึงมักประสบปัญหาคือ ถ้าไม่ใช่หาภรรยามาแต่งด้วยไม่ได้ ก็คือหาสามีมาแต่งด้วยไม่ได้

อะซี่กลับมาเมื่อคืน แต่ไม่ได้รู้ว่าสวีอีจะมาเจรจาสู่ขอวันนี้ นางแค่อยากจะมาทักทายกับคนในครอบครัวก่อน แล้วเตรียมจิตเตรียมใจให้พร้อมเท่านั้น แต่จู่ๆ พระชายารัชทายาทก็สั่งให้คนมาส่งเทียบขอเข้าพบโดยตรง แล้วอธิบายอย่างชัดเจนในนั้นเลยว่าจะมาเจรจาสู่ขอ

หยวนหย่งอี้รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย " ทำไมพี่หยวนถึงเป็นคนมาเจรจาสู่ขอให้สวีอีล่ะ? ทำไมพ่อแม่ของเขาไม่มาล่ะเจ้าคะ? "

ฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนพูดด้วยน้ำเสียงชืดชาว่า: “ข้าสั่งให้คนไปตรวจสอบมาแล้ว สวีอีเป็นลูกชายของอดีตภรรยาคนแรก เขาแค่มีตัวตนอยู่ในตระกูล

แต่ไม่มีสถานะอะไร พ่อแม่เขาดูถูกผู้ฝึกวรยุทธ์อย่างพวกเรา ในตระกูลมีบัณฑิตที่กำลังร่ำเรียนเพื่อจะไปเป็นขุนนาง ดังนั้นจึงไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้”

หยวนหย่งอี้พยุงท้องใหญ่ๆ ของตัวเอง โกรธจนหน้าแดงก่ำลามไปจนถึงใบหู " ผู้มีวรยุทธ์มันทำไมรึ? แว่นแคว้นดินแดนนี้ได้รับการคุ้มครองจากพวกบัณฑิตที่วันๆ เอาแต่นั่งเรียนหนังสือเหล่านั้นหรือไร?"

ฮูหยินใหญ่พูดด้วยใบหน้าเย็นชา: "ไยต้องไปสนใจพวกนั้นด้วย? อะซี่ไม่ได้แต่งงานกับพวกนั้น แต่แต่งกับสวีอีต่างหาก ขอแค่เจ้าหนุ่มสวีอีนั่นมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ในทุกๆ ด้าน เรื่องนี้ก็เป็นอันตกลงตามนี้"

ทันทีที่ฮูหยินใหญ่ให้คำขาด ทุกคนในตระกูลต่างพยักหน้ารับ

บรรดาพระชายาทั้งสาม พาสวีอีที่บัดนี้มีมาดสามีผู้ยิ่งใหญ่มาปรากฏตัวที่หน้าประตูจวนตระกูลหยวน มีคนมารออยู่ที่หน้าประตูนานแล้ว และให้การต้อนรับพวกเขาในฐานะแขกผู้ทรงเกียรติ

ตอนที่สวีอีเพิ่งมาถึง เขาประหม่ามากจนแทบคุมสติไม่อยู่ แต่เมื่อเขาก้าวข้ามธรณีประตูของตระกูลเข้าไปในห้องโถงใหญ่ แล้วได้เผชิญหน้ากับบรรดาผู้หญิงทุกคนที่พากันจ้องมองเขาเป็นตาเดียว เขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่า ความเคร่งเครียดประหม่าที่เกิดระหว่างทางที่มานั้นไม่นับเป็นอะไรได้ แต่ที่เผชิญอยู่ตอนนี้จนทำเอาขาทั้งสองข้างสั่นระรัวนี่ต่างหากถึงจะเป็นช่วงเวลาที่ประหม่าที่สุดในชีวิต

หนังศีรษะของเขาชาหนึบ ร่างกายแข็งทื่อ เรียกว่าอึดอัดมากเสียจนต้องบีบไม้บีบมือตัวเองอย่างเก้อเขิน รู้สึกเหมือนมีเสียงดังวิ้งๆ ในหู เขาสอดส่ายสายตามองหาร่างของอะซี่โดยไม่รู้ตัว จนเห็นอะซี่ที่หลบอยู่ข้างหลังฮูหยินใหญ่ กำลังแสดงสีหน้าเขินอายครึ่งหนึ่ง แต่ก็คาดหวังรอคอยอีกครึ่งหนึ่ง หัวใจของเขาจึงรู้สึกผ่อนคลายสบายขึ้นมาได้บ้าง

แต่ติดแค่ว่า ทำไมถึงไม่มีผู้ชายอยู่ในบ้านนี้เลยล่ะ?

พระชายารัชทายาทกำลังคุยกับฮูหยินใหญ่ แต่ดวงตายังคงจับจ้องมาที่เขา กวาดไล่สายตาจากบนลงล่าง เขารู้สึกว่าแม้แต่เส้นผมบนหัวเขาทุกเส้น ก็ยังโดนฮูหยินใหญ่นับได้อย่างชัดเจนครบถ้วนเลยทีเดียว เขาไม่รู้ว่าสายตาที่มองมานั้นมีหมายความว่าอย่างไร ตัวเขาเองก็ไม่กล้าถาม ได้แต่ก้มหน้าลงจนต่ำ

ช่วงเวลาที่กระอักกระอ่วนเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่สร้างความลำบากใจโดยแท้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน