หลังจากหมันเอ๋อได้ฟังเรื่องราวของแม่นมฉิน ก็ไม่สามารถทำใจให้สดชื่นกะปรี้กะเปร่าขึ้นมาได้เลย ได้แต่รู้สึกว่าหญิงนักบุญนั้นมีชีวิตที่น่าอนาถเหลือเกินแล้ว
ตอนเริ่มต้น นางยังรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจดี ดังนั้นจึงคิดว่าจะเล่าให้หยวนชิงหลิงฟัง แต่หลังจากได้ฟังจนจบ กลับพบว่ามันไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะเกรงว่านางจะรู้สึกทรมานใจไปด้วยอีกคน
แต่นางมีท่าทีเหม่อลอยคล้ายตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ จึงทำให้หยวนชิงหลิงสังเกตเห็น จนถามขึ้นว่า “หมันเอ๋อ เป็นอะไรไป ? ข้าเห็นเจ้าหน้านิ่วคิ้วขมวดทั้งคืนแล้ว”
อันที่จริงหยวนชิงหลิงก็รู้สึกกังวลอยู่บ้าง ที่แม่นมฉินจะบอกเล่าเรื่องราวภูมิหลังที่เกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตของนาง แต่ก็รู้สึกว่าแม่นมฉินคงไม่หน้ามืดตามัวขนาดนั้น
“ข้าน้อยไม่เป็นไรเพคะ!” หมันเอ๋อเลิกคิ้วขึ้นสูง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “ข้าแค่รู้สึกว่าหญิงนักบุญคนนั้นช่างน่าอนาถนัก”
หยวนชิงหลิงจ้องมองนาง "หญิงนักบุญคนไหนที่น่าอนาถ?"
สุดท้ายหมันเอ๋อก็ไม่สามารถทนเก็บเรื่องนี้ไว้ได้ จึงเล่านิทานที่แม่นมฉินได้เล่ามา ให้หยวนชิงหลิงฟัง
หลังจากเล่าจบ หยวนชิงหลิงก็ตกตะลึงไปครู่ใหญ่ หมันเอ๋อเองก็ร้องไห้ออกมาจนน้ำตานองหน้า “ขออภัยด้วยเพคะ ข้าน้อยไม่ควรเล่าเรื่องพวกนี้ให้ท่านฟัง ทำให้ท่านต้องพลอยทุกข์ใจไปด้วย”
หยวนชิงหลิงพยายามทำใจให้สงบลง ส่ายหน้าแล้วมองนาง: “ไม่เป็นไร นี่เป็นเพียงนิทานเรื่องหนึ่ง มันไม่ใช่ความจริง”
“ข้าน้อยรู้สึกว่า เหมือนนางกำลังพูดถึงตัวเอง ข้าน้อยเห็นนางทำท่าเหมือนอยากจะร้องไห้ ราวกับว่ากำลังพูดถึงตัวเองอยู่เลยเพคะ”
“แค่เหมือนอยากร้องไห้ ก็ไม่ได้แปลว่านางกำลังเล่าถึงเรื่องราวของตัวเองนี่ เจ้าก็ร้องไห้หลังจากได้ฟังเรื่องที่นางเล่าเช่นกันนะ นี่เป็นแค่ความเห็นอกเห็นใจในฐานะเพื่อนร่วมโลก เอาเถอะ อย่าไปคิดมากเลย รีบกลับไปอาบน้ำแล้วเข้านอนให้เร็วขึ้นหน่อยดีกว่า หยวนชิงหลิงกลัวนางจะคิดฟุ้งซ่านขึ้นมาอีก จนทำเรื่องอย่างกระโดดลงไปในทะเลสาบอีกครั้ง
“เช่นนั้นข้าน้อยทูลลาเพคะ!” หมันเอ๋อค้อมกายแล้วถอยออกไป
หยวนชิงหลิงมองตามเงาด้านหลังของนาง ในใจก็รู้สึกโศกเศร้ากับชีวิตของนางอย่างยิ่ง
มู่ชิงชิงเป็นคนที่กล้ารักกล้าเกลียด นางคงรักอ๋องหนานเจียงจนปานจะกลืนกินเลยทีเดียว รักมากจนยอมทรยศต่อเจียงเป่ยมาอยู่กับเขา จนกระทั่งมีลูกสาวด้วยกัน สองคนที่รักกันขนาดนี้จำต้องมาพรากจากกันด้วยความตาย ไยจะไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจกันล่ะ?
ช่วงนี้นางเองก็มีอารมณ์อ่อนไหวเช่นกัน บางทีอาจเป็นเพราะการตั้งครรภ์ของนาง ที่มักทำให้เห็นคนอื่นก็นึกถึงตัวเองบ่อยๆ ถ้านางเป็นมู่ชิงชิง แล้วต้องพบกับข่าวสะเทือนขวัญ ตอนที่กลับไปเห็นว่าทุกอย่างล้วนสูญสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน กระทั่งศพของสามีก็ไม่มีเหลือให้เห็น ลูกก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย นางก็กลัวว่าถ้านางไม่ตายไปเสียก่อน ก็คงจะกลายเป็นบ้าแน่
ในตอนค่ำเมื่อเจ้าห้ากลับมา นางก็เล่าเรื่องนี้อีกครั้ง
เจ้าห้าวิเคราะห์เรื่องราว การที่แม่นมฉินเล่าเรื่องนี้ให้หมันเอ๋อฟัง ก็เท่ากับการบอกกลายๆ ว่าคนสองคนที่ลอบเข้าไปในวังที่คิดกันว่าเป็นผู้ร้ายลอบสังหารนั้น อาจเป็นของอ๋องหนานเจียงที่เหลืออยู่ คิดจะมาบอกกับราชสำนักว่า อ๋องหนานเจียงยังคงมีเลือดเนื้อเชื้อไขหลงเหลืออยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช่ผู้ร้ายลอบสังหาร แต่เพื่อช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพวกเขา
ในเวลาเดียวกัน ก็ยังคาดการณ์ด้วยว่าผู้อาวุโสเจียงเป่ย คือผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นคนลอบสังหารอ๋องหนานมากที่สุดอีกด้วย ถ้าอยากถามหาความเป็นธรรมเพื่อแก้แค้นให้อ๋องหนานเจียง ก็ต้องไปที่เจียงเป่ย
“ดูเหมือนว่า พรุ่งนี้ข้าคงต้องเข้าวังอีกครั้ง เพื่อเล่าเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบ” หยู่เหวินเห้าพูด
“มันจะทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อหมันเอ๋อหรือไม่?” นี่คือสิ่งที่หยวนชิงหลิงกังวลมากที่สุด
เพราะทันทีที่ฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องนี้แล้ว นั่นทำให้สถานะของหมันเอ๋อเปลี่ยนไปทันที นางจะต้องก้าวเท้าเข้าสู่เวทีการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“นั่นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้!” หยู่เหวินเห้าถอนหายใจ “นางมีส่วนในความรับผิดชอบนี้ นางเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของอ๋องหนานเจียง หนานเจียงต้องการความมั่นคง จึงจำเป็นต้องมีผู้ที่อยู่ในฐานะเจ้าเมืองสักคนคอยปกป้องดูแล”
“ หมันเอ๋อยังไม่ไหวหรอก! ” หยวนชิงหลิงพูดอย่างกังวล
“นอกจากนี้ ความทรงจำของหมันเอ๋อก็ยังสับสนอยู่มาก บางทีคนที่ช่วยชีวิตนางออกมาในตอนแรก อาจร่ายมนต์คาถาอะไรบางอย่างใส่นาง พวกเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย
ถ้าผลีผลามเปิดเผยตัวตนของนาง ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนางบ้าง แค่การสะกดจิตครั้งนั้น นางก็ถึงกับกระโดดลงไปในทะเลสาบแล้ว มันน่ากลัวเกินไป "
“แต่เจ้ายังบอกด้วยว่าความทรงจำของนางค่อยๆ ตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ จะช้าหรือเร็วก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้นแล้ว ทางเรามีการเตรียมการไว้แล้วเรียบร้อย ส่วนทางหมันเอ๋อ ต้องคิดหาวิธีบอกให้นางรู้อย่างช้าๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...