บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 929

หยวนชิงหลิงค่อนข้างไร้ความรู้สึกอะไรกับเรื่องพวกนี้ไปแล้ว เจ้าห้ามีความคิดที่จะทำสิ่งไม่ดี

อยู่ด้วย แต่ก็ไม่มีความกล้าที่จะทำอะไรแบบนี้หรอก ดังนั้น นางจึงพูดไปพลางเดินไปพลางว่า: “ข้าแค่คิดว่าเสี้ยวหงเฉิงติดตามเจ้ามานาน เจ้าไม่ควรใจดำกับนางจนเกินไป

“ระหว่างพวกเราก็หยอกเย้าเล่นหัวกันแบบนี้มาตลอดนะ กับหลู่หมาง เจ้าหวาง พี่ซูก็เป็นแบบนี้ นี่คือมิตรภาพของพวกเรา” หยู่เหวินเห้ารีบอธิบาย

หยวนชิงหลิงไม่เคยสงสัยแม้แต่น้อย ว่ามิตรภาพของพวกเขามันแข็งแกร่งขนาดไหน “เรื่องอื่นน่ะ ยังพอจะเล่นหัวหยอกเย้ากันได้ แต่เจ้ารู้จักเสี้ยวหงเฉิงมานานขนาดนี้แล้ว เจ้าเคยเห็นนางแต่งเนื้อแต่งตัวอย่างวิจิตรขนาดนี้หรือไม่? คนที่นางจะไปพบคืนนี้ คงต้องมีความสำคัญกับนางมากแน่ๆ นางมีท่าทางเคร่งเครียดประหม่าอยู่ตลอดเวลาเลย เจ้าดูไม่ออกเลยรึ?”

หยู่เหวินเห้าพูดว่า "แต่คนคนนั้นที่นางชอบ ไม่อาจอยู่ร่วมกับนางได้นะ"

“คนเราก็ไม่แน่หรอกว่าจะชอบคนคนเดียวไปตลอดชีวิต” หยวนชิงหลิงมองเขาด้วยสายตาจนใจ ใครบ้างที่ยังไม่เคยเจอผู้ชายเลวๆ ? แต่หลังจากได้เจอผู้ชายเลวๆ แล้ว จะไม่ควรมีโอกาสได้พบเจอกับความสุขอีกเลยอย่างนั้นหรือ?

หยู่เหวินเห้าถูกคำพูดประโยคนี้ทุบเข้ากลางอกจนเจ็บแปลบ รีบโต้เถียงอย่างลนลานว่า: "คนเราควรชอบคนคนเดียวไปตลอดชีวิตนะ เจ้าหยวน ความคิดนี้ของเจ้าอันตรายนัก"

หยวนชิงหลิงกลอกตามองบนใส่ "ข้าแต่งงานกับเจ้าแล้ว ทั้งยังไม่มีความคิดที่จะหย่า ดังนั้นพวกเราจึงไม่สามารถยกตัวอย่างได้ แต่คนที่เสี้ยวหงเฉิงได้พบก่อนหน้าคนนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่ทำให้ไม่อาจอยู่ร่วมกับนางได้ ก็เป็นข้อสรุปแล้วว่าไม่ควรเก็บเขาไว้ในใจอีกต่อไป เสี้ยวหงเฉิงคู่ควรที่จะมีความสุข ถ้านางจะได้เจอผู้ชายที่ดี เราก็ควรให้กำลังใจนางถึงจะถูก”

เดิมทีหยวนชิงหลิงยังคิดอยากจะพูดอะไรอีกซักสองสามประโยค ที่จริงเสี้ยวหงเฉิงก็ช่วยนางได้เยอะมาก ไม่ว่างานที่เกี่ยวกับหน้าที่การงานหรือเป็นงานส่วนตัว ขอแค่ต้องการ นางจะอาสาออกโรงไปเผชิญกับความยากลำบากและภัยอันตรายอย่างห้าวหาญ ทั้งคู่เป็นหนี้เสี้ยวหงเฉิงมากจริงๆ แต่นางกับเสี้ยวหงเฉิงไม่ค่อยคุ้นเคยกันนัก ดังนั้น จึงมีบางเรื่องที่นางช่วยอะไรไม่ได้ แต่เจ้าห้าควรทำหน้าที่ในฐานะเพื่อนสนิทอย่างเหมาะสม

แม้ว่าหยวนชิงหลิงจะไม่ถาม แต่หยู่เหวินเห้าก็ยังอธิบายเรื่องของ ป้ายชื่อของหอจุ้ยชุนคนนั้นให้นางฟังอยู่ดี

ก่อนหน้านี้ หยู่เหวินเห้าเคยทำการแอบสืบสวนเองแบบลับๆ เกี่ยวกับคนรอบตัวของเจ้าสี่ พบว่ามีหลายคนที่ทำการติดต่อกับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ เขายังเห็นผู้หญิงคนนั้นเข้าออกในจวนด้วยตาตัวเอง ดังนั้นจึงมอบหมายให้เสี้ยวหงเฉิงไปสืบดูเสียหน่อย

ดังนั้นเขาจึงสงสัยว่า ผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นสายลับคนหนึ่งของหงเย่ ที่ถูกส่งมาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง

หยวนชิงหลิงได้ยินเขาพูดถึงอ๋องอาน ก็ถามว่า "มีข่าวอะไรส่งกลับมาจากทางเจ้าสี่บ้างหรือไม่? พระชายาเป็นอย่างไรบ้าง?"

“เจ้าสามส่งจดหมายมา บอกว่าอาการบาดเจ็บของพระชายาอานตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว เจ้าสี่ก็ดูสงบขึ้นมาก ในสถานที่เช่นนั้น ไม่สงบก็คงไม่ได้ล่ะนะ ปลาตัวใหญ่ยักษ์ตัวนี้ของเขา เหมือนจะดิ้นมาเกยน้ำตื้นจนไม่สามารถเล่นกลอุบายอื่นได้แล้ว เกรงว่าคงจะตั้งตารอความช่วยเหลือจากเมืองหลวงมากกว่าแล้วล่ะ”

“พระชายาอานไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว ” หยวนชิงหลิงนั่งลง รู้สึกว่าท้องแน่นขึ้นอย่างหนัก หายใจไม่ค่อยสะดวก “ไม่รู้ว่าคืนนี้ซาลาเปาจะไปที่นั่นหรือไม่ ต้องไปถามเจ้าอาวาสเสียหน่อย ว่าความคืบหน้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”

“ นับตั้งแต่ที่สวีอีกำหนดวันแต่ง หลายวันที่ผ่านมาในจวนก็คึกคักขึ้นมาก มีคนเข้าออกมากมาย ซื้ออาหารเลิศรสมาให้ทั้งสามคนไม่ได้ขาด เลยไม่ค่อยอยากไปเสียแล้ว ต้องจำไว้ว่าต้องเรียกให้เขาไปในวันพรุ่งนี้สักครั้ง”

เขามองไปที่หยวนชิงหลิง สายตาสื่อถึงความกังวล "หายใจไม่ค่อยออกอีกแล้วหรือ?"

“ใช่ รู้สึกทรมานยิ่งนัก”

หยู่เหวินเห้ารู้สึกเป็นห่วงนาง “ท้องนี้ช่างเหนือคาดนัก จากนี้พวกเราจะไม่มีอีกแล้วจริงๆ นะ พวกเราอย่าทนทุกข์กับความทรมานเหล่านี้อีกเลย ลูกชายสามลูกสาวหนึ่ง ก็นับว่าสมบูรณ์แบบมากพอแล้ว”

“ไม่แน่หรอกว่าต้องเป็นผู้หญิง” หยวนชิงหลิงยืนขึ้นในที่สุด เพราะการนั่งจะทำให้อึดอัดกว่าเดิม

“ข้าถามมาหลายคนแล้ว ใครๆ ก็บอกว่าท้องนี้ของเจ้ากลม ต้องเป็นผู้หญิง” หยู่เหวินเห้าพยุงนาง “ถ้าเป็นลูกชาย ท้องจะแหลม”

“นี่เจ้ากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญไปแล้วรึ” หยวนชิงหลิงหัวเราะใส่เขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน