ไท่ซ่างหวงมีท่าทีดีใจจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ รู้สึกรักเป็นพิเศษ ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
ผู้เป็นต้นตระกูลดีใจ เช่นนั้นในตำหนักก็ไร้คนไม่ดีใจ ฉางกงกงก็ถูกเข็นออกมาดูเด็กๆ เด็กน้อยทั้งสองคนถูกแสดงตัวต่อหน้าทุกคน ยังคงนิ่งสงบดุจไก่ ไม่ร้องไม่อาละวาด
หลังจากที่ทุกคนดีใจผ่านไป ในใจก็มีความรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาอยู่บ้างเล็กน้อย ความกังวลนี้เหมือนกันกับหยู่เหวินเห้า ทั้งสองคนนี้เป็นใบ้หรือไม่ ได้ยินว่าตั้งแต่คลอดออกมาก็ไม่ร้องไห้เลย
ในใจของฮ่องเต้หมิงหยวนยิ่งรู้สึกไม่สงบ จงใจสร้างความเคลื่อนไหวขึ้นมาเล็กน้อย เช่นทันใดนั้นก็ตะคอกมู่หรูกงกงเสียงหนึ่ง คนที่อยู่ในตำหนักต่างก็ตกใจกันไปหมด แต่เจ้าสี่กับเจ้าห้ากลับไม่มีปฏิกิริยาอะไร ราวกับไม่ได้ยินด้วยซ้ำไป
ไท่ซ่างหวงหันไปสบตากับฮ่องเต้หมิงหยวนแวบหนึ่ง แววตาขรึมลงในทันที
ในที่สุดหยู่เหวินเห้าก็บอกเล่าถึงความกังวลของตัวเองออกมา “ไม่ร้องไห้ ใช่หูหนวกหรือไม่”
“หุบปากเหม็นๆของเจ้า”ฮ่องเต้หมิงหยวนตำหนิ
“ประเดี๋ยวจะฉีกปากเจ้า”ไท่ซ่างหวงก็ตำหนิเช่นกัน ทั้งสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน และจ้องหยู่เหวินเห้าอย่างดุดันแวบหนึ่ง
แต่ว่า เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัย ก็ยังคงเรียกหมอหลวงมาตรวจร่างกายดู
สวีอีส่งผ้าห่อตัวเด็กเข้าวัง พร้อมกันกับแม่นม หลังจากเปลี่ยนผ้าห่อตัวแล้ว ก็วางเอาไว้บนเตียงหลอฮั่น หมอหลวงทั้งสองคนเข้าวัง และได้ทำการตรวจรอบหนึ่ง
การตรวจไร้ผล ลำคอปากลิ้นด้านนอกของหูดูแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร หมอหลวงจึงรายงานว่า “ตามปกติแล้วถ้าหากเด็กตกใจ แม้จะไม่ร้องไห้ ก็ต้องมีปฏิกิริยาเกิดขึ้น ขอไท่ซ่างหวงและฮ่องเต้อนุญาตให้นำฆ้องทองแดงเข้ามา”
ไท่ซ่างหวงนิ่งขรึมไปชั่วครู่ สีหน้าหนักอึ้งขึ้นมาเล็กน้อย
“ไปเอามาเถอะ”หยู่เหวินเห้าพูดเสียงขรึม
คนที่อยู่ในตำหนัก ไล่ออกไปเกือบครึ่ง แต่ดีที่ที่นี่เป็นตำหนักฉินคุน ที่นี่ไม่มีคำนินทาอะไรสามารถแพร่ออกไป
ฆ้องทองแดงถูกหามเข้ามา หยู่เหวินเห้าตีฆ้องด้วยตัวเอง ใช้แรงอย่างมากจึงได้ยินเสียง “ตึงตึง”สองเสียง ดังไปทั่วทั้งตำหนักฉินคุน แม้แต่ฉางกงกงกับแม่นมสี่ก็ถูกทำให้ตกใจจนตัวสั่นไปชั่วครู่
ทุกคนต่างก็มองไปที่เด็กทั้งสองคน ใบหน้าของเด็กทั้งสองคนไม่มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ราวกับไม่ได้ยินอะไรเลย จากนั้น ก็กลับตาลงอย่างเกียจคร้าน
หยู่เหวินเห้ารู้สึกตื่นตระหนกในใจ ใช้แรงเคาะไปอีกครั้ง คลื่นเสียงนี้ทำเอาหัวใจและวิญญาณสั่นสะท้านไปด้วย แต่เด็กทั้งสองคนไม่ลืมตาขึ้นมาเลย
ในตำหนักเงียบราวกับป่าช้า
สีหน้าของไท่ซ่างหวงกับฮ่องเต้หมิงหยวนค่อยๆหนักอึ้งขึ้นมา ถอนหายใจเบาๆหนึ่งเสียง
หยู่เหวินเห้านั่งลงบนเก้าอี้ พูดพึมพำว่า “ยายหยวนต้องเป็นบ้าแน่”
“อย่าเพิ่งมองในแง่ร้ายเช่นนี้……”ริมฝีปากของฮ่องเต้หมิงหยวนสั่นไปชั่วครู่ ชีวิตนี้ผ่านคลื่นลมฝนมามากมาย แต่มองดูเด็กสองคนที่มาถึงอย่างยากลำบาก หัวใจก็รู้สึกทรมานขึ้นมาอย่างยิ่ง “บางที ผ่านไปหลายวันก็ดีขึ้น”
ไท่ซ่างหวงถามหมอหลวง “มีวิธีการอะไรหรือไม่ หรือว่าเคยเห็นตัวอย่างที่ตอนเกิดมาก็ไม่ได้ยินหรือไม่ ตัวอย่างที่ภายหลังก็สามารถได้ยินตามปกติ”
หมอหลวงคุกเข่าลงเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นตระหนก“เรียนไท่ซ่างหวง กระหม่อมไม่เคยเห็นมาก่อน”
แม่นมสี่ทนไม่ไหวจนร้องไห้ออกมา “ถ้าหากไม่ได้ยิน วันหน้าจะเรียนรู้การพูดได้อย่างไร”
หัวใจของทุกคนหนักอึ้งเข้าไปอีก เดิมทีก็ไม่ร้องไห้ เป็นใบ้นั้นแน่นอนแล้ว แต่ว่าแม้แต่การฟังเสียงก็ไม่ได้ยิน นั่นไม่เท่ากับเป็นความบกพร่องที่เกิดจากฟ้าดินหรอกหรือ
สองฝาแฝดของราชวงศ์ เดิมทีควรเป็นนิมิตหมายอันดี แต่กลับมีข้อบกพร่องแต่กำเนิด จะทำอย่างไรดี
ในใจของฮ่องเต้หมิงหยวนมีความทุกข์ที่พูดออกมาไม่ได้ ในลำคอราวกับมีก้อนสำลีอุดกั้นเอาไว้ก้อนหนึ่ง พูดจาไม่ออก ได้แต่มองไท่ซ่างหวงนิ่งๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...