ทันใดนั้นหยวนชิงหลิงก็รู้สึกสับสนขึ้นมา นึกถึงเจ้าอาวาสบอกว่าลิงยังไม่ตาย แต่ว่าลิงที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์นั้นตายแล้ว นอกเสียจากก่อนตาย สติที่เหลืออยู่ได้ควบคุมลิงที่อยู่ในอีกมิติหนึ่ง เหมือนเช่นตัวนาง
แต่นางสามารถควบคุมร่างกายนี้ได้ตลอดเวลา เพราะว่าสมองไม่ตาย แต่ว่าตอนนั้นแม้ว่าสมองของลิงจะไม่ตาย ตอนนี้ก็คงจะเหลวกลายเป็นโคลนไปแล้ว
สติที่หลงเหลืออยู่ของเขาสามารถควบคุมลิงได้นานแค่ไหน
เห็นที คงต้องหาตัวหงเย่เพื่อคุยจึงจะได้
โรงเตี๊ยม
หงเย่ไม่ได้ออกไปข้างนอกติดต่อกันสองสามวันแล้ว อะโฉ่วได้ส่งข่าวสารที่สืบมาจากแต่ละแห่ง เหล่านี้ล้วนเป็นข่าวคราวแรกเริ่มที่รวบรวมได้ ตรวจคัดกรองแล้วไม่ค่อยสำคัญ ฉะนั้นจึงไม่ได้ส่งไปให้เขาดู
ตอนนี้มีเวลาว่าง จึงได้ให้อะโฉ่วหยิบมาให้เขาดู
อะโฉ่วพูดว่า “ท่านอ๋อง ที่จริงจะดูหรือไม่ดูก็ได้ ทั้งหมดนี้ล้วนไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร”
หงเย่เหลือบสายตาขึ้นมา พูดเสียงเรียบว่า “ดูหน่อยก็ไม่เป็นไร ว่างอยู่เปล่าๆ ข่าวเกี่ยวกับหยวนชิงหลิงก่อนหน้านี้ก็ไร้ประโยชน์ แต่หลังจากมาเปิดอ่านทีหลัง ก็ยังสามารถค้นหาไปจนถึงทะเลสาบจิ้งได้มิใช่หรืออย่างไร”
ข่าวเกี่ยวกับหยวนชิงหลิงเคยไปทะเลสาบจิ้งได้ส่งไปนานแล้ว เพียงแต่ตอนที่คัดกรองคิดว่าไม่สำคัญ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ส่งให้เขา ภายหลังได้ค้นเจอและอ่าน จึงพาอะโฉ่วจากหนานเจียงไปยังทะเลสาบจิ้ง
ฮะโฉ่วพูดว่า “ท่านอ๋อง ตอนนี้รัชทายาทได้ตั้งด่านขึ้น ไม่อนุญาตให้พวกเข้าเข้าไปในเมืองหลวง แล้วพวกเราต้องรอไปถึงเมื่อไหร่”
หงเย่เงยหน้าขึ้นมองเขา “รออะไร”
อะโฉ่วนิ่งอึ้ง “แผนการใหญ่”
“แผนการใหญ่อะไร”
อะโฉ่วมองเขา ลังเลอยู่ชั่วครู่ “ถ้าอย่างนั้นพวกเราลงแรงไปที่หนานเจียงตั้งมากมาย ไม่ใช่เพราะต้องการจะยึดครองเป่ยถังหรอกหรือ”
“นี่ไม่นับว่าเป็นแผนการใหญ่”หงเย่ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
อะโฉ่วติดตามเขามานาน ไม่รู้จริงๆว่าใจเขาคิดอะไร การยึดเป่ยถังไม่ใช่แผนการใหญ่แล้วอะไรคือแผนการใหญ่เล่า
แต่ว่าตอนแรกคิดว่าเขาจะแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทของแคว้นซู่ ไหนเลยจะรู้ว่าต้องการทำลายแคว้นซู่ด้วยมือตนเอง ความคิดของท่านอ๋องช่างคาดเดาได้อยากจริงๆ
“ท่านอ๋อง แล้วพวกเรามาที่เป่ยถังทำไมกัน ”อะโฉ่วถามขึ้น
หงเย่พิงอยู่กับพนักเก้าอี้ มองดูแสงแดดที่ส่องมายังระเบียงหน้าประตู หน้าหนาวแล้วชัดๆ แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ แววตาเขาสบายใจ “หลบความเหน็บหนาวเพื่อหาความอบอุ่น”
หลบความเหน็บหนาวเพื่อหาความอบอุ่น ในฤดูหนาวนี้ เมืองหลวงก็หนาวเช่นกัน ถ้าหากจะหลบหนาวทำไมไม่ไปทางใต้เล่า
“ท่านอ๋องคงไม่ใช่ชื่นชอบพระชายารัชทายาทเข้าแล้วจริงๆกระมัง”
หงเย่เงยหน้าขึ้น หัวเราะ “อะโฉ่ว ช่วงนี้เจ้าพูดมากนะ”
ดวงตาของอะโฉ่วหวาดกลัวอยู่บ้าง “ข้าน้อยแค่รู้สึกว่า พวกเราเสียเวลาอยู่เช่นนี้ และไม่ทำอะไรเลย รู้สึกร้อนใจอยู่บ้าง”
“เป็นเช่นนี้ก็ดีมาก”หงเย่หลับตาลง ขนตาทอดยาวเกิดเป็นเงา ดูสงบและงดงาม “รบราฆ่าฟันกันมาตั้งหลายปี เจ้าไม่เหนื่อยหรือ พักผ่อนดีๆสักหน่อย เสพความสงบสุขในตอนนี้เถอะ”
อะโฉ่วรู้สึกไม่ค่อยพอใจอยู่บ้าง อยากจะถามอีก แต่ดูท่าทีของเขาที่ไม่อยากจะพูดแล้ว ก็ได้แต่เงียบไป
วางแผนมานานขนาดนี้ แต่ไม่ทำอะไรเลย นั่นไม่เท่ากับเสียโอกาสดีๆไปเปล่าๆหรือ
พอหมุนตัว ก็มีคนเข้ามารายงาน“จวนอ๋องฉู่ได้สั่งให้คนส่งเทียบเชิญมา เชิญจวิ้นอ๋องไปพบที่จวนสักครั้ง”
อะโฉ่วหันหน้ากลับไป หงเย่ได้ลืมตาขึ้นมาแล้ว สายตามีแววลึกซึ้งอยู่บ้าง ริมฝีปากโค้งขึ้น
“เปลี่ยนชุด”
จวนอ๋องฉู่จัดงานเลี้ยงเชิญหงเย่ ภายใต้การขอร้องอย่างรุนแรงของหยวนชิงหลิง อยู่เหวินเห้าจึงเห็นด้วยที่จะไม่ออกงาน
การคุยกันครั้งนี้ นางต้องค้นหาอะไรบางอย่างออกมาให้ได้ เจ้าห้ามีความเป็นศัตรูต่อหงเย่โดยธรรมชาติ และมีบางบทสนทนาที่ถ้าหากเจ้าห้าอยู่ด้วยเขาอาจไม่ยินดีจะพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...