บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 979

สรุปบท บทที่ 979 ออกเดินทาง: บัลลังก์หมอยาเซียน

บทที่ 979 ออกเดินทาง – ตอนที่ต้องอ่านของ บัลลังก์หมอยาเซียน

ตอนนี้ของ บัลลังก์หมอยาเซียน โดย ลิ่วเยว่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยาย จีนทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 979 ออกเดินทาง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตกกลางคืนก็เล่าเรื่องอาคมสาวหมอผีให้หยู่เหวินเห้าฟัง หยู่เหวินเห้าจึงเรียกทังหยางผู้รอบรู้ทุกเรื่องมาทันที ทังหยางรู้เรื่องอาคมสาวหมอผี กล่าว

“อาคมสาวหมอผีก็เหมือนกับอาคมหมอผีพ่ะย่ะค่ะ หลังจากแต่งตั้งแล้วก็ประกอบพิธีกรรมเป็นพรวน สุดท้ายก็สาบานตนต่อหน้าแท่นเทพเจ้า แล้วปล่อยหนอนกู่เข้าร่างกายจากท้ายทอย ให้หนอนกู่เติบโตอยู่ในนั้นพ่ะย่ะค่ะ

พูดง่ายๆ ก็คือใช้พิษกู่ควบคุมคน กระบวนการเหมือนกัน แต่การลงอาคมสาวหมอผีจะลึกลับมากกว่าพ่ะย่ะค่ะ เห็นว่าเทพเจ้าของเจียงเป่ยจะเชื่อมต่อวิญญาณของสาวหมอผีได้ ถ้าออกจากเจียงเป่ยก็จะถูกเทพเจ้าเรียกหาพ่ะย่ะค่ะ”

หยวนชิงหลิงรีบถาม “แล้วถ้าเรียกแล้วไม่กลับล่ะ?”

ทังหยางกล่าว “พิษกู่ก็อาจเกิดปฏิกิริยากระมังพ่ะย่ะค่ะ”

หยวนชิงหลิงจึงพูดขึ้นอย่างกังวล “ช่วงนี้หมันเอ๋อบอกว่าได้ยินการร้องเรียกของเจียงเป่ย รู้สึกอยู่ไม่เป็นสุข ส่วนแม่นมฉินก็บอกว่านางทรมานไปหมด แต่บางทีแม่นมฉินอาจจะควบคุมได้ แต่หมันเอ๋อไม่แน่ว่าจะทำได้ อีกอย่าง นางบอกว่าตระกูลหลงแก้อาคมสาวหมอผีได้ ให้ข้าไปหาคนตระกูลหลงมาช่วยหมันเอ๋อ”

“ตระกูลหลง? ใช่ไทเฮาหลงของต้าโจวหรือเปล่า?” หยู่เหวินเห้าถาม

ทังหยางพยักหน้า “คงใช่พ่ะย่ะค่ะ”

“ไทเฮาหลงรู้เรื่องการแพทย์ แต่เจ้าหยวนของเราก็รู้เรื่องการแพทย์เหมือนกันนี่นา” หยู่เหวินเห้าจัดให้อาคมสาวหมอผีอยู่ในประเภทการรักษาอาการป่วยเฉยๆ

“ไทเฮาท่านนี้ยังมีอีกฐานะหนึ่งนะพ่ะย่ะค่ะ แน่ล่ะ มันเป็นแค่เรื่องเล่า เล่ากันว่านางเป็นธิดามังกรที่คุมกฎทั้งสามโลก รอบรู้เรื่องฟ้า ไปได้ทั้งแดนมนุษย์และยมโลก เหาะเหินเดินอากาศ สรุปคือไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ แต่คนที่เชื่อเรื่องนี้มีไม่มากเท่านั้นแหละพ่ะย่ะค่ะ”

ทังหยางยังหัวเราะพูดอีกประโยค “กระหม่อมก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ที่แม่นมฉินพูดมาแบบนี้คงเพราะได้ยินเรื่องเล่ามา แล้วก็เชื่อเรื่องที่อาคมสาวหมอผีสามารถเชื่อมกับเทพเจ้าได้เอามากๆ ก็เลยคิดว่าไทเฮาหลงช่วยพวกนางได้ เรื่องพวกนี้ล้วนไม่มีหลักฐานพ่ะย่ะค่ะ”

หยู่เหวินเห้ามองทังหยาง “เจ้านี่ขัดแย้งกันจริง ตอนนี้บอกไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนเจ้าเชื่อเรื่องผีสางเทวดานี่”

ทังหยางยิ้มตาหยีเอ่ย “ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกันนี่พ่ะย่ะค่ะ ตอนที่กระหม่อมบอกว่าเชื่อ ก็เพราะคนที่พูดกับกระหม่อมเชื่อ ตอนนี้พระองค์กับพระชายาไม่เชื่อ กระหม่อมก็ต้องไม่เชื่ออยู่แล้ว”

“เจ้านี่มันจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์นะ!” หยู่เหวินเห้ากรอกตาขาวใส่

เมื่อก่อนหยวนชิงหลิงต้องไม่เชื่อเรื่องเทพเจ้าอะไรพวกนี้แน่นอน และถึงเป็นตอนนี้ที่ข้ามกาลเวลามา ทุกอย่างก็อธิบายได้ ก็แค่การควบคุมจิตเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าถูกชนรุ่นหลังพูดกรอกหูมามาก ว่าปลายทางวิทยาศาสตร์ก็คือเทพศาสตร์ ทำจนตอนนี้นางเริ่มสับสนแล้ว

นางยังอยากไปต้าโจวสักครั้ง แต่ตอนนี้เจ้าห้าก็ไปไม่ได้ เขาต้องไม่วางใจให้นางไปเองแน่

แต่ทันใดนั้นทังหยางก็คิดถึงเรื่องหนึ่ง สีหน้าพลันเปลี่ยน เอ่ย “ถ้าหมันเอ๋อถูกลงอาคมสาวหมอผีจริงก็จะส่งผลกับแผนเรามากนะพ่ะย่ะค่ะ”

“หมายความว่ายังไง?” หยู่เหวินเห้าตะลึงถาม

ทังหยางพูดอธิบาย “หากคนหนานเจียงรู้ว่านางถูกลงอาคมสาวหมอผี ต้องไม่ฟังคำการร้องขอของนางแน่ อีกอย่าง ถึงยังไงอาคมสาวหมอผีก็ต้องเรียกตัวนางกลับไป

ดังนั้นการคาดการณ์ที่แย่ที่สุด ก็คือเป็นไปได้มากว่าหมันเอ๋อจะกลายเป็นศัตรูของเรา และนี่อาจไม่ใช่ความสมัครใจของนาง

แต่นางไม่เหมือนกับแม่นมฉิน นางไม่มีจิตที่แข็งแกร่งหรือความปรารถนาอันแรงกล้าทัดทานอาคมสาวหมอผี นอกเสียจากแก้อาคมซะ”

หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงมองกันทีหนึ่ง ตื่นกลัวเล็กน้อย

พวกเขาไม่เคยคิดเรื่องที่หมันเอ๋อจะกลายเป็นศัตรูมาก่อน และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้ยินเรื่องอาคมสาวหมอผีด้วย

หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ไม่ใช่แค่ทำแผนการวุ่นวาย แต่อาจต้องมอบหนานเจียงให้เจียงเป่ยทั้งหมดด้วยอย่างนั้นหรือ? แล้วยังจะสู้อะไรอีก? ถึงตอนนั้นราชสำนักก็ส่งทหารไปสยบหนานเจียงทั้งหมด

หยวนชิงหลิงเอ่ยข้อเสนอ “ไม่งั้นข้าก็ไปต้าโจวซักครั้งเถอะ”

หยู่เหวิยเทียนหัวเราะพลางเอ่ย “พี่ห้า ท่านวางใจเถอะ ข้าก็ไม่โง่นะ ก็แค่เจียงเป่ยไม่ใช่หรือ? ไม่อยู่ในสายตาข้าหรอก”

หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้ว “ไม่ว่าเวลาไหนก็ประมาทศัตรูไม่ได้ ก็เจ้าเป็นอย่างนี้นี่แหละถึงทำให้ข้าเป็นห่วง”

“ข้าไม่ประมาทศัตรูหรอก ข้าก็ไม่ได้ปลอบใจท่านแล้วหรือยังไง?” หยู่เหวิยเทียนกระโดดขึ้นม้า ยิ้มแยกฟัน “ท่านก็วางใจรอข่าวดีจากข้าเถอะ ข้าจะส่งจดหมายมาเป็นระยะ”

“อือ เดินทางระวัง แล้วรักษาความปลอดภัยของแม่นมฉินด้วย!” หยู่เหวินเห้าเอ่ย

แม่นมฉินนั่งอยู่ในรถม้า เมื่อได้ยินดังนั้นแล้วก็แง้มผ้าม่านออกมามองหยู่เหวินเห้าสายตาหนึ่ง แล้วพยักหน้าเป็นการขอบคุณกับเขา ในดวงตามีความกังวลที่พูดไม่ออก

หยู่เหวินเห้าจึงกล่าวกับนาง “วางใจเถอะ หมันเอ๋อไม่เป็นอะไรหรอก”

แม่นมฉินพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง จากนั้นก็มองลึกเข้าไปที่ประตูเมืองทีหนึ่ง แล้วค่อยๆ ปิดม่านลง

ตอนนั้นนางมาเพื่อตามหาลูกสาว บัดนี้ก็จากไปเพื่อปกป้องลูกสาว ชีวิตนี้แม้มีความเสียใจและความแค้น แต่กลับรู้สึกได้รับการปลอบใจเล็กน้อย

นางล้วงถุงผ้าแพรที่แขวนอยู่ตรงอกออกมาช้าๆ ข้างในมีเชือกผูกข้อมืออยู่ คืนวันที่พวกเขาแต่งงานกัน ได้ผูกเส้นผมเลียนแบบคนจงหยวน

คนจงหยวนใช้ผมแค่เส้นเดียว แต่เขาบอกว่าความจริงใจไม่พอจึงปาดเส้นผมออกมาช่อหนึ่ง แล้วเอาเส้นผมของเขาถักเป็นเชือกผูกข้อมือด้วยตัวเอง ตลอดหลายปีที่ผ่านมานางพกติดหน้าอกตลอด เขาอยู่ในใจนางเสมอ

“ข้าจะกลับไปแล้ว รอข้านะ” นางพูดพึมพำ จากนั้นที่มุมตาก็มีหยดน้ำตาไหลลงมาเบาๆ จากกันนับสิบปี ที่ปรโลกเจ้าจะยังจำข้าได้อยู่ไหม?

เสียงฝีเท้าอาชา ฝุ่นตลบคละคลุ้ง กองทัพผ่านพ้น เมื่อละอองดินร่วงหล่น ก็หาร่องรอยไม่เจออีก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน