บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่ นิยาย บท 51

ใบหน้างามของหลี่ซื่อหานเปลี่ยนไป นางแอบมองหวังหยวนด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ

ทุกครั้งที่สามีมา สาวใช้จะไม่เรียกเขาว่าท่านเขย แต่จะเรียกว่าชายคนนั้น

สามีจึงมักจะโกรธทุกครั้ง

หวังหยวนแอบถอนหายใจ

แต่งงานกันมาสามปีแล้ว แต่คนตระกูลหลี่ยังคงเรียกเขาเช่นนั้น ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าของร่างเดิมจะถูกกระตุ้น

หลังจากนั้นไม่นาน หญิงสาวคนหนึ่งและสาวใช้สองคน ก็เดินออกจากประตูอย่างรวดเร็ว!

สาวใช้สวมชุดผ้าฝ้าย ส่วนหญิงสาวสวมกระโปรงยาวผ้าแพร ไม่ค่อยใส่เครื่องประดับมากนัก

นิสัยของนางอ่อนโยนรักสงบ เหมือนกุลสตรี

หญิงสาวกอดหลี่ซื่อหานแล้วหลั่งน้ำตา “น้องสาว พี่สะใภ้รู้แล้วว่าเจ้าต้องทนทุกข์ทรมาน”

สาวใช้ทั้งสองจ้องมองหวังหยวน

คนรับใช้สองคนถือท่อนไม้อยู่ในมือ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

ประหนึ่งว่าทันทีที่หญิงสาวออกคำสั่ง พวกเขาจะรีบรุดเข้ามาทุบตีเขาอย่างหนัก

ต้าหู่รีบไปยืนอยู่ข้างหวังหยวน

หลี่ซื่อหานรู้สึกกังวล “พี่สะใภ้ ท่านรู้แล้วหรือ แต่ตอนนี้สามีของข้าดีกับข้ามาก”

หญิงสาวจ้องมองหวังหยวน “น้องสาว เขาใช้เจ้าเป็นหลักประกันในเอกสารกู้ยืมเงินคนอื่น เหตุใดเจ้าถึงยังมาพูดแทนผู้ชายที่โหดเหี้ยม และไม่ยุติธรรมเช่นนี้!”

หวังหยวนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เทศบาลอยู่ห่างจากหมู่บ้านต้าหวังมาก เรื่องนี้มาถึงจวนหลี่ได้อย่างไร

หลี่ซื่อหานรีบอธิบาย “พี่สะใภ้ นั่นเป็นมาตรการชั่วคราว สามีของข้าได้แก้ไขไปแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับข้า เรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว!”

“เรื่องได้เกิดขึ้นแล้ว แต่เจ้ายังคงพูดเพื่อช่วยเขา ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขามีอะไรดีนักหนา!”

หญิงสาวมองหวังหยวนด้วยสายตาว่างเปล่า แล้วจึงพาหลี่ซื่อหานกลับเข้าไปในจวน “มาเถอะ พี่สะใภ้มีเรื่องจะพูดกับเจ้า แล้วพี่ชายของเจ้าจะมาต้อนรับเขาเอง!”

หลี่ซื่อหานมองย้อนกลับมาด้วยความกังวล

“ไปกันเถอะ!”

หวังหยวนมอบห่อหนึ่ง ซึ่งเป็นของขวัญที่เตรียมไว้สำหรับจวนหลี่ตั้งแต่เมื่อวานนี้

น้ำตาลสองจิน สบู่สิบก้อน เทียนสามสิบเล่ม หินหมึกหนึ่งก้อน พู่กันหนึ่งด้าม แท่นฝนหมึกหนึ่งชิ้น และกระดาษซวนจื่อหนึ่งเล่ม ทั้งหมดมีมูลค่าหลายร้อยก้วน

หลังจากแต่งงานมาสามปี แม้ว่าตระกูลหลี่จะไม่ชอบเจ้าของร่างเดิม แต่เพื่อให้หลี่ซื่อหานมีชีวิตที่ดี พวกเขายังบอกให้นางรับเงินจากครอบครัวด้วย สามปีผ่านไป นางจึงมีเงินเก็บสามร้อยก้วน

ชีวิตแต่งงานจะมีความสุข ไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน แต่ยังเกี่ยวข้องกับสองครอบครัวด้วย

ต้องเอาใจพ่อตาและพี่เขยสามคน

เมื่อมองห่อใส่ของ หญิงสาวก็ถอนหายใจ “เจ้าเตรียมของขวัญมาให้ด้วย เจ้าคิดจะขอเงินอีกแล้วหรือ!”

หลี่ซื่อหานขมวดคิ้ว “พี่สะใภ้ สามีของข้าหาเงินได้แล้ว ครอบครัวของเราไม่ขาดเงินแล้วเจ้าค่ะ!”

หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ “เขาทำเงินได้ เขาจะหาเงินได้อย่างไร เขาเป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เขาสอบซิ่วไฉไม่ผ่านด้วยซ้ำ แล้วจะรู้วิธีทำธุรกิจได้อย่างไร”

หลี่ซื่อหานตอบกลับอย่างไม่พอใจ “พี่สะใภ้ สามีของข้าหาเงินได้แล้วจริง ๆ เขาได้ก่อตั้งกลุ่มประมงในหมู่บ้านของเรา และสามารถทำเงินได้มากมายภายในหนึ่งวัน!”

“การจับปลาจะสามารถทำเงินได้สักเท่าไหร่กันเชียว? อีกทั้งมันยังเป็นงานที่คนชั้นต่ำทำด้วย!”

หญิงสาวแนะนำเบา ๆ “ซื่อหาน เจ้าเป็นถึงคุณหนูสกุลหลี่ พ่อของเจ้ามีแนวโน้มจะกลับมาในราชสำนัก เจ้าสามารถแต่งงานใหม่ในครอบครัวที่ร่ำรวยได้แน่นอน”

หลี่ซื่อหานพูดอย่างไม่พอใจ “พี่สะใภ้ ผู้หญิงที่ดีไม่ควรแต่งงานหลายครั้ง ข้าแต่งงานกับสามีของข้าแล้ว ข้าเป็นคนของเขา ต่อให้ตายก็ยังคงเป็นอยู่!”

หญิงสาวกะพริบตา “เจ้ายังจำหลิวเจี้ยนเย่จากตระกูลหลิวได้หรือไม่?”

หลี่ซื่อหานขมวดคิ้ว “ท่านพ่อมีขึ้นลงหลายครั้ง ทั้งยังขีดเส้นแบ่งกับตระกูลหลิวชัดเจนแล้ว เหตุใดท่านถึงพูดถึงตระกูลหลิวอีก ครอบครัวเราไม่ได้เพิกเฉยต่อพวกเขาแล้วหรอกหรือ ส่วนหลิวเจี้ยนเย่ เราทั้งสองตระกูลเป็นสหายสนิทกันมาหลายชั่วอายุคน จึงเคยพบกันหลายครั้ง เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์ ฉลาดแกมโกง ข้าไม่มีความประทับใจในตัวเขาเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น!”

หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “แต่หลิวเจี้ยนเย่มาถึงประตูบ้านเมื่อเร็ว ๆ นี้ แล้วพูดกับพี่ชายของเจ้าโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ไม่รู้ ว่าเขายังคงหลงรักเจ้าอยู่ ตั้งแต่ตอนที่พวกเจ้าเป็นคู่รักในวัยเด็กกัน หากเขาไม่ได้ถูกที่บ้านกีดกันตอนนั้น เขาคงแต่งงานกับเจ้าไปแล้วแน่นอน

แม้แต่ตอนนี้ เขาก็ยังเต็มใจจะให้แม่สื่อจัดการหาเกี้ยว เพื่อให้ได้แต่งงานกับเจ้า และจะทำให้เจ้าเป็นนายหญิงแห่งตระกูลหลิว”

หลี่ซื่อหานพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พี่สะใภ้ ท่านพ่อกำลังจะกลับมารุ่งเรือง แล้วหลิวเจี้ยนเย่เพิ่งมาเยี่ยมถึงหน้าประตู พวกท่านดูไม่ออกหรือว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่ข้า แต่ต้องการใช้อิทธิพลของท่านพ่อ เพื่อยกระดับตระกูลหลิวให้สูงขึ้นต่างหาก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่