บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่ นิยาย บท 61

ฉากนี้ที่เกิดขึ้นบนถนน ทำให้หลายคนตกใจเช่นเดียวกัน!

โจวฉางฟาเดินเข้ามาและพูดว่า “สหาย เจ้าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับนางจิ้งจอกนั่นเชียว ประเดี๋ยวนางจะฆ่าเจ้าเอาได้!”

หวังหยวนงุนงง “นางจิ้งจอกคนไหน?”

“บุตรสาวคนโตของตระกูลหูอย่างไรล่ะ!”

โจวฉางฟาชี้ไปที่รถม้าแล้วกระซิบ “นางแต่งงานมาแล้วสามครั้ง แต่ละครั้งที่นางแต่งงานกินระยะเวลาไม่เกินหนึ่งเดือน จากนั้นสามีของนางก็สิ้นลมอย่างกะทันหัน บางคนบอกว่านางเป็นปีศาจจิ้งจอกที่ชอบดูดพลังหยางของบุรุษ หากสัมผัสนางเข้า ชายทุกคนจะต้องตาย”

หวังหยวนไม่เชื่อ “เลวร้ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”

“อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนางเชียว ข้างนอกยังมีสตรีนางอื่นอีกมาก หลายนางต่างก็มีฐานะร่ำรวยกันทั้งนั้น!”

โจวฉางฟาดูจริงใจ

ทว่าที่เขากล่าวเช่นนั้น เป็นเพราะเกรงว่าหวังหยวนจะตายด้วยเหตุนี้ และในอนาคตเขาอาจไม่สามารถซื้อน้ำตาลคริสตัลจากเขาได้อีกได้!

สิ่งที่กลัวยิ่งกว่านั้น คือหากหวังหยวนร่วมมือทางการค้ากับตระกูลหูจริง เขาคงไม่อาจครองตลาดการค้าน้ำตาลคริสตัลเพียงผู้เดียว

“ขอบคุณเจ้าของร้านโจวที่เตือนข้า!”

หวังหยวนขึ้นรถม้า มองดูผมยาวสลวยของเจ้าของร้านโจวด้วยดวงตาเป็นประกาย พูดด้วยรอยยิ้มอย่างเสียไม่ได้ “เจ้าของร้านโจว คราวนี้ท่านคิดจะส่งคนมาสะกดรอยตามข้าอีกหรือไม่?”

“ไม่แล้ว ครั้งที่แล้วเป็นเพียงความเข้าใจผิดเท่านั้น สหายหวังโปรดอย่ากังวลไป!”

โจวฉางฟายิ้มและโบกมือให้

ต้าหู่ขับรถม้า หวังหยวนนั่งอยู่ข้างในรถ จากนั้นทั้งสองก็ออกจากตลาดฝั่งตะวันตกของเมือง

เพิ่งออกมาสู่ถนนใหญ่ได้ไม่นาน

กัวเหลียงรีบวิ่งเข้าไป “นายน้อย ไม่ดีแล้ว ฝานเจียงหลงทุบตีคนที่ตลาดปลา เอ้อหู่ต่อสู้กลับ ซื่อไห่ก็เข้ามาช่วยด้วยเช่นกัน แต่พวกเขาทั้งหมดถูกสิงซานและคนของเขาจับตัวไป เอ้อโกวจึงถือคำร้องแล้วเร่งรุดไปตีกลองเติงเหวิน ฟ้ององครักษ์ที่จับกุมโดยมิชอบ พี่ใหญ่ของข้าหยุดเขาไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!”

“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?!”

สีหน้าของหวังหยวนเปลี่ยนไป

เขาคิดว่าหลังตลาดปลามีเพียงสิงซานเท่านั้น ไม่คิดว่าจะมีองครักษ์อยู่ด้วย

แม้ว่าองครักษ์จะไม่มียศตำแหน่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านายอำเภอแล้ว คำกล่าวของเขาก็ค่อนข้างมีน้ำหนัก

คำตัดสินของนายอำเภอจะเป็นผลก็ต่อเมื่อได้รับความเห็นจากสามขั้นห้าห้อง!

จู๋เป่า ผู้บัญชาการเจ้าหน้าที่ รวมถึงหัวหน้าผู้ดูแลเรือนจำสามารถโน้มน้าวนายอำเภอให้คล้อยตามได้

ประชาชนสามารถฟ้องเจ้าหน้าที่หน่วยลาดตระเวนชนะ แต่ผู้ที่ฟ้องร้ององครักษ์จนชนะนั้นมีน้อยมาก

สิ่งที่สำคัญที่สุด คือเอกสารคำร้องนั้นไม่มีการเอ่ยถึงองครักษ์เลยแม้แต่คำเดียว!

เอ้อโกวฉีดเลือดไก่เข้าเส้นหรืออย่างไร? เขากล้าหาญมากเสียจนกล้าฟ้องร้ององครักษ์ด้วยซ้ำ

ร่างเล็ก ๆ ของเขาสามารถรองรับไม้กระดานสี่สิบครั้งได้หรือ?

“เกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว!”

หนึ่งชั่วยามก่อน!

เอ้อหู่มองดูเกวียนเปล่าแล้วพูดอย่างตื่นเต้น “ธุรกิจนี้ดียิ่งนัก พวกเราขายปลาหมดแล้ว วันนี้เราขายได้เงินทั้งหมดสามสิบสี่ก้วน!”

หวังเอ๋อโกวเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวว่า “เป็นเพราะพี่หยวนปราดเปรื่อง คิดค้นวิธีมัดปลาแบบคันธนู ทำให้ปลาของร้านเรายังสดใหม่มีชีวิต ผู้คนที่มาซื้อปลาในตลาดปลา ใครบ้างจะไม่สนใจเลือกซื้อปลาจากแผงของเรา!”

นอกจากนี้ยังมีชาวประมงคนอื่น ๆ ที่มาขายปลา พวกเขาต่างก็ต้องการเรียนรู้วิธีมัดปลาแบบคันธนู

แต่ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวิธีมัดปลาแบบคันธนู คือจะต้องมัดสองครั้ง โดยเว้นช่วงห่างกันหนึ่งชั่วยาม

นี่คือสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถบอกได้เมื่อค้าขายปลา!

หวังซื่อไห่ไม่พูดอะไร ขมวดคิ้ว จ้องมองไปที่ฝานเจียงหลงและกลุ่มของเขา รู้สึกว่าวันนี้พวกเขามีบางอย่างที่ผิดปกติออกไป สายตาของพวกเขาดูเหมือนจะกลืนกินพวกตนให้ได้

ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม เขาทำงานน้อยลง และใช้สมองมากขึ้นทุกวัน

เขาคำนึงสิ่งที่อาจเกิดความผิดพลาดตลอดเวลา กลัวว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด

สมาชิกแผงขายปลาต่างมีขวัญกำลังใจที่ดี เตรียมเก็บของขึ้นเกวียนล่อ และเดินทางกลับหมู่บ้าน

ขณะนี้พวกเขามีเกวียนล่อสามคัน ซึ่งสามารถเดินทางไปกลับได้สามสิบลี้ในแต่ละวัน ทั้งยังมีเนื้อให้กินอีกสองมื้อระหว่างทาง ไม่ต้องกล่าวถึงว่าชีวิตตอนนี้มีความสุขเพียงใด

รวมถึงสามพี่น้องตระกูลกัวก็เช่นกัน

ก่อนหน้านี้ ร่างกายของพวกเขาอ่อนล้าจากการฝึกฝนวิทยายุทธ์ แต่ตอนนี้มีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ความแข็งแกร่งจึงเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ

แต่ในขณะที่สมาชิกแผงขายปลากำลังจะออกเดินทาง

“หวังซื่อไห่ หวังโปลู คิดว่าข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าไปง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ?”

ทันใดนั้นฝานเจียงหลงก็เดินปรี่ออกมาขวาง ตามด้วยพวกอันธพาลด้านหลัง

หวังซื่อไห่ก้าวไปข้างหน้าและขมวดคิ้ว “ฝานเจียงหลง เจ้าคิดจะทำอะไร?”

“คิดจะลงมืองั้นหรือ เช่นนั้นพวกเรามาออกแรงกันสักหน่อย ข้า หวังโปลู จะรับช่วงต่อเพียงลำพัง!”

เอ้อหู่ยิ้มเย้ยและก้าวไปข้างหน้า กำหมัดแน่น บีบจนกระดูกในร่างกายแทบแตก

สามพี่น้องตระกูลกัวและสมาชิกแผงขายปลา รวมถึงหวังเอ้อโกวที่อายุน้อยที่สุดก็รีบรุดไปข้างหน้าเช่นกัน

หลังจากย้ายมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านแทนหลิวโหย่วไฉ หวังหยวนก็กลายเป็นที่นิยมของผู้คนในหมู่บ้าน

สมาชิกแผงขายปลาจึงไม่หวาดหวั่นอันธพาล เช่น ฝานเจียงหลงเลย ทั้งยังดูถูกเหยียดหยามเสียด้วยซ้ำไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่