เมื่อเห็นใบมีดส่องแสงเจิดจ้า ทุกคนในสมาชิกแผงขายปลาก็มีสีหน้าซีดเซียว
ทุกคนมองไปที่หวังซื่อไห่ และตราบใดที่เขาพูดอะไรบางอย่าง ทุกคนก็จะดำเนินการทันที
“ถ้าพวกคนไร้ยางอายเช่นพวกเจ้ากล้าทำอะไรบุ่มบ่าม นายท่านสิงจะจับกุมพวกเจ้าไปด้วยกันทั้งหมด!”
ฝานเจียงหลงซึ่งนอนอยู่บนพื้นมองด้วยความคาดหวัง
“ไม่มีใครทำอะไรทั้งนั้น!”
หวังซื่อไห่กัดฟันและกำหมัดแน่น หากพวกเขาเริ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ บางทีเรื่องต่าง ๆ อาจจะคลี่คลาย
ฝึบ!
เอ้อหู่ไม่สามารถล่าถอยได้แน่แล้ว หวังเอ้อโกวที่อายุน้อยที่สุดจึงคว้าไม้ค้ำแผงแล้วโยนมันออกไป
ฝึบ ฝึบ ฝึบ!
เอ้อหู่เงี่ยหูฟังทิศทางลม ครั้นยืนยันตำแหน่งได้แล้วจึงกระโดดคว้าไม้ท่อนนั้น แล้วเริ่มกวาดอาวุธเต้นเพลงทวนไปรอบ ๆ ทันที
เคร้ง เคร้ง เคร้ง......
หน่วยลาดตระเวนแปดนายถูกบังคับให้ล่าถอย
หนึ่งในนั้นตะโกนด้วยความโกรธ “ผู้ใดกล้าโยนไม้ให้เขา?!”
หวังเอ้อโกวหดคอลง และซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มสมาชิกแผงขายปลา เขาตัวเล็กมาก เมื่อครู่จึงไม่มีใครสังเกตเห็นเขา
สิงซานกล่าวอย่างเคร่งขรึม “หวังโปลู เจ้าขัดขวางการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ทั้งยังคิดโจมตี เจ้าคิดต่อต้านงั้นหรือ?"
“ข้า…”
เอ้อหู่ลังเลถือไม้ไว้แน่น ใจหนึ่งก็อยากจะโยนมันทิ้งไป แต่เขากลัวว่าหากไม่มีมันอยู่แล้ว เขาจะไม่สามารถป้องกันตัวเองได้
หวังซื่อไห่ครุ่นคิดอยู่นาน ทันใดนั้นก็ก้าวไปข้างหน้า “นายท่านสิง ข้าเป็นคนเรียบง่ายมาก หากท่านยอมปล่อยสหายข้า ข้าก็จะจ่ายเงินให้ แต่หากท่านตั้งตัวเป็นศัตรู ข้าก็จะสู้กับท่านให้ตายกันไปข้าง ไม่รู้ทราบว่านายท่านสิงต้องการผูกมิตรหรือเป็นศัตรูกับพวกเรากันแน่?”
“หึ เจ้ากล้าข่มขู่เจ้าหน้าที่ในเวลากลางวันแสก ๆ ช่างบังอาจยิ่งนัก จับกุมเขาด้วย!”
สิงซานที่ขมวดคิ้วในตอนแรกถลึงตาโพลง ด้วยประกายสว่างวาบดาบจีนก็พาดอยู่บนคอของหวังซื่อไห่
“อา เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
ใบมีดเย็นเฉียบกดเข้าไปในคอ แม้ว่าหวังซื่อไห่จะหวาดกลัว แต่ความสับสนนั้นมากกว่า
เมื่อไม่กี่วันก่อน เขาเห็นหวังหยวนเจรจากับจ้าวอู่ด้วยคำพูดเหล่านี้กับตาของเขาเอง
จากการเดาของเขา สิงซานอาจจะมาข้องแวะกับพวกเขาเพราะเรื่องเงิน
หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์แล้ว เขาก็หยิบแท่งเงินออกมาอีกแท่งหนึ่ง ซึ่งถึงตรงนี้สิงซานก็ควรจะพาคนอื่น ๆ ถอยออกไป
สิ่งที่เขาทำนี้เหมือนกับสิ่งที่พี่หยวนทำทุกประการ แต่ผลลัพธ์กลับแตกต่างไปจากเขาอย่างสิ้นเชิง!
หวังซื่อไห่ถูกจับใส่โซ่ตรวนทันที
สิงซานหันไปหาเอ้อหู่ “หวังโปลู หากเจ้ากล้าโจมตีข้าอีกครั้ง ข้าจะส่งนักธนูไปฆ่าเจ้า!"
เอ้อหู่ลังเล!
ด้วยกลัวว่าสิงซานอาจส่งนักธนูไปฆ่าเขาจริง ๆ หวังซื่อไห่จึงรีบแนะนำ “เอ้อหู ทิ้งไม้ในมือเจ้าไปเสีย แล้วตามพวกเขาไปยังศาลาว่าการที่ว่าการอำเภอ พวกเราไม่กลัวการกล่าวโทษ!”
เอ้อหู่โยนไม้ของเขาทิ้งไป จากนั้นก็ถูกล่ามโซ่ตรวนทันที
สิงซานพาพวกเขาทั้งสองออกไป ทันใดนั้นฝานเจียงหลงและพรรคพวกของเขาก็ลุกขึ้นด้วยท่าทางปกติสุขตามเดิม
“เห็นหรือยัง พวกเจ้าเอาชนะเราไม่ได้!”
ฝานเจียงหลงมองดูสมาชิกแผงขายปลาด้วยความรังเกียจ “จากนี้ไป เราจะเรียกเก็บเงินค่าคุ้มครองอีกสามในสิบ แล้วสองคนนั้นจะได้รับการปล่อยตัวหลังจากถูกคุมขังสักระยะหนึ่ง มิฉะนั้นเจ้าจะไม่สามารถขายปลาในตลาดปลาแห่งนี้ได้อีก ขอย้ำอีกที ผู้ที่หนุนหลังนายท่านสิงก็คือ องครักษ์ฟาง ข้ารู้ว่าพวกเจ้าชอบฟ้องร้อง เช่นนั้นก็ลองไปที่ที่ว่าการอำเภอดู อยากรู้นักว่าพวกเจ้าจะเข้าไปในที่ว่าการอำเภอได้หรือไม่?”
กลุ่มอันธพาลจากไปอย่างมีชัย ขณะที่สมาชิกแผงขายปลาทั้งสิบคนยืนนิ่งอยู่กลางตลาดปลา
“ไปยื่นคำร้องกันเถอะ จากกรณีหลิวโหย่วไฉครั้งที่แล้ว สามารถพิสูจน์ได้ว่านายอำเภอที่นี่ตัดสินคดีอย่างยุคิธรรม!”
กัวฉางยื่นมือออกไปแล้วกล่าวว่า “เอาเอกสารร้องเรียนมาให้ข้า ข้าจะไปที่ที่ทำการอำเภอเพื่อตีกลองเติงเหวิน ฟ้องร้องพวกอันธพาลเหล่านี้!”
“พี่ใหญ่ ข้าไปเอง!”
“พี่รอง ข้าไปเอง!”
กัวเหลียงและกัวเฉียงเริ่มโต้เถียงกัน
สมาชิกคนหนึ่งของแผงขายปลาหยิบเอกสารออกมาส่งให้ทั้งสามคนด้วยความสั่นสะท้าน
นี่เป็นคำร้องที่ร่างขึ้นโดยหวังหยวนล่วงหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้สิงซานและฝานเจียงหลงสร้างปัญหา
หลังจากฟ้องร้องหลิวโหย่วไฉครั้งนั้น ทุกคนรู้ดีว่าหากตีกลองเติงเหวิน จะต้องถูกโบยด้วยไม้กระดานใหญ่ถึงสี่สิบครั้ง
สิงซานเป็นคนของศาลาว่าการ ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็สามารถทุบตีพวกเขาจนตายได้
“ข้าเป็นหัวหน้า ข้าจะไปเอง!”
กัวฉางผลักน้องชายสองคนของเขาออกไป เอื้อมมือไปคว้าเอกสารคำร้องด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
ฝึบ!
ทันใดนั้นหวังเอ้อโกวที่อายุน้อยที่สุดก็กระโดดออกมา คว้าเอกสารคำร้องแล้ววิ่งออกไป “พี่หยวนมาจากหมู่บ้านต้าหวัง คดีนี้ก็ต้องถูกยื่นฟ้องโดยคนจากหมู่บ้านต้าหวัง ข้าไม่เพียงต้องการฟ้องร้องฝานเจียงหลงและสิงซานเท่านั้น ยังจะฟ้ององครักษ์ฟางอีกด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่