บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 102

บทที่ 102 ฉีหยู่หนีไปแล้ว

งานเลี้ยงพระราชวังที่แสนจะน่าเบื่อ กู้อ้าวเวยก็พลาดการแสดงไปหลายอย่าง รอจนนางตื่นขึ้นมา ซ่านจินจื๋อก็เอาน้ำอุ่นมาให้นางดื่ม ทันใดนั้นนางก็อยากจะเอามือมาคลำศีรษะของตัวเอง แต่กลับถูกซ่านจินจื๋อจับข้อมือเอาไว้ “ยังจำคำสั่งที่ฉีหรัวกำชับไว้ได้ไหม”

นางจึงต้องเอามือลง กู้อ้าวเวยจึงแกล้งทำแก้มป่องอย่างไม่พอใจ

“ฮ่องเต้ทรงเสด็จกลับไปแล้วล่ะ หากเจ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ ก็ให้คนพาเจ้าไปเดินเล่นในพระราชวังก็ได้ ” ซ่านจินจื๋อเห็นท่าทางที่นางขยับตัวไม่ได้ ก็รู้สึกน่าขำอยู่บ้าง

“เพคะ” กู้อ้าวเวยที่เพิ่งจะได้สติ ก็พาตัวเองออกจากงานเลี้ยงไป นางกำนัลและขันทีที่อยู่ข้างๆ ก็รีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อออกมาจากท้องพระโรง งานเลี้ยงกลางแจ้งที่อยู่ด้านนอกก็กำลังครึกครื้นกันอยู่ เหล่าขุนนางก็ดื่มจนแก้วเหล้ากองพะเนินเป็นภูเขา ครอบครัวแต่ละตระกูลต่างก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน กลิ่นเหล้าลอยคละคลุ้ง หมู่ดวงดาวลอยสว่างไสวอยู่ทั่วท้องฟ้า ช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก

นางให้ขันทีข้างๆ พานางไปเดินเล่นรอบๆ แต่ยังเดินออกมาได้ไม่ไกลมากนัก กลับมองเห็นเสียนเฟยที่เดินอยู่ทางข้างๆ จึงทำได้เพียงเดินเข้าไปทำความเคารพ คิดจะเดินผ่านไปแล้ว แต่เสียนเฟยกลับเรียกนางเอาไว้ อีกทั้งยังให้คนที่อยู่ข้างๆ เดินออกไปให้หมด

“พระชายาจิ้ง เมื่อก่อนหยวนเอ๋อร์เคยพูดถึงเจ้า” เสียนเฟยหัวเราะเบาๆ พูดอย่างอ่อนโยนว่า “พระชายาจิ้งอยากจะช่วยเหลือหยวนเอ๋อร์ของข้าจริงๆ เรื่องในวันนี้ โชคดีจริงๆ ที่ได้พระชายาจิ้งช่วยเหลือ”

กู้อ้าวเวยเพียงส่ายหน้า “หากฝ่าบาทได้ตัดสินพระทัยในเรื่องนี้ไปแล้วก่อนหน้านี้ หม่อมฉันพูดอะไรไปก็ล้วนแต่ไร้ประโยชน์เพคะ เสียนเฟยเหนียงเหนียงไม่จำเป็นต้องขอบคุณหม่อมฉันเลยเพคะ”

“คิดไม่ถึงว่าพระชายาจิ้งจะมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งเช่นนี้” เสียนเฟยเก็บรอยยิ้มทั้งหมดกลับไปทันที สีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มแฝงไปด้วยการคุกคาม เหมือนกับพระสนมที่อยู่ตรงหน้านี้จะเข้ามาบีบคอนางก็ไม่ปาน

การคาดเดาที่น่ากลัวเช่นนี้จึงทำให้กู้อ้าวเวยถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว อีกทั้งไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้นางพูดอะไรผิดไปหรือไม่ ถึงทำให้เสียนเฟยจู่ๆ ก็มีเจตนาร้ายกับนางขนาดนี้

“พระชายาจิ้งไม่ต้องกลัว ที่ข้ามาในครั้งนี้ ก็แค่อยากจะมาเตือนเจ้าสักหน่อย ข้าไม่อยากให้ข้างกายของหยวนเอ๋อร์มีคนเช่นเจ้าดำรงอยู่” เสียนเฟยค่อยๆ เดินเข้ามา

“เพราะเหตุใด?” กู้อ้าวเวยหยุดเดิน มองเสียนเฟยที่อยู่ตรงหน้า

“จิตใจของหยวนเอ๋อร์นั้นเรียบง่ายไม่ซับซ้อน เจ้าเลิกคิดจะหาผลประโยชน์จากเขาซะ” แววตาของเสียนเฟยมีแต่ความดุดัน

เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว ในใจของกู้อ้าวเวยกลับอดขำขันขึ้นมาไม่ได้ นางดีต่อซ่านเชียนหยวน เพียงเพราะว่าซ่านเชียนหยวนเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา มีหรือที่เคยคิดจะหาประโยชน์จากเขา

แต่นางเองก็ไม่ชอบให้ใครมาตำหนินางได้ตามอำเภอใจ จึงเงยหน้าขึ้นมา มองไปที่เสียนเฟยดวงสายตานิ่งสงบ “หม่อมฉันไม่หาผลประโยชน์จากสหายหรอกนะเพคะ”

พูดจบ กู้อ้าวเวยก็ไม่มีกะจิตกะใจอยากจะเดินเล่นต่อแล้ว จึงทำได้แค่เดินกลับเข้าไปในท้องพระโรงด้วยอารมณ์หงุดหงิด ไม่พูดไม่จาสักคำ

สักวันนางจะต้องไปจากที่นี่แน่นอน

ซ่านจินจื๋อก็ไม่รู้ว่านางไปโมโหมาจากไหน เพียงแต่หลังจากงานเลี้ยงพระราชวังจบแล้ว หญิงสาวที่หัวเสียผู้นี้ก็หกล้มต่อหน้าสายตาของผู้คน โชคดีที่เขามีปฏิกิริยาที่ว่องไวจับนางเอาไว้ได้ทัน “เมื่อกี้ที่ออกไปเดินเล่นข้างนอก ทำไมไม่เห็นเจ้าหกล้มเช่นนี้?”

“ก็ตอนนั้นหม่อมฉันยังไม่ได้โมโหยังไงล่ะเพคะ” กู้อ้าวเวยลุกขึ้นมาจากการพยุงของเขาด้วยความอับอาย

เป็นเรื่องตลกๆ เล็กๆ น้อยๆ งานเลี้ยงพระราชวังก็มาถึงจุดสิ้นสุด ทั้งสองนั่งรถม้ากลับตำหนัก กู้อ้าวเวยยังไม่ได้เอาเรื่องที่เสียนเฟยพูดกับนางในวันนี้มาบอกซ่านจินจื๋อ เพื่อไม่ให้ซ่านจินจื๋อกับซ่านเชียนหยวนมีเรื่องบาดหมางใจกัน

เมื่อกลับมาถึงวิหารเฟิ่งหมิง ชิงต้ายก็เตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมแล้ว เพื่อให้นางได้อาบน้ำหวีผม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์