บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 105

บทที่ 105 นางแย่งของข้าไป

“จะลงโทษอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า” กู้อ้าวเวยยัดตะเกียบใส่มือของเขา พร้อมกับยัดซาลาเปาใส่ปากของเขา “ตั้งใจกินอาหารเช้า อีกหน่อยข้าจะพาลี่วานไปช่วยจัดความเรียบร้อยที่ตำหนักขององค์ชายสี่ ท่านห้ามก่อเรื่องในตำหนักอ๋องล่ะ”

กู้จี้เหยาตกใจไม่น้อย มีหรือจะรู้ว่าคนที่คุยด้วยเมื่อครู่นี้ไม่ผิดตัว นางพูดล้อเล่นกับกู้อ้าวเวยไม่กี่คำ องค์ชายหกก็เปลี่ยนสีหน้าเสียแล้ว

ซ่านจวนฮ่าวที่ถูกกู้อ้าวเวยยัดซาลาเปาเข้าปาก ท่าทางของเขาก็รีบกลับมาน่ารักน่าเอ็นดูอย่างรวดเร็ว

ลี่วานเพียงใช้ผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากของนางเอาไว้ สายตาก็มองไปที่กู้อ้าวเวยแล้วเปลี่ยนไปมององค์ชายหก จึงพูดขึ้นมาด้วยเสียทุ้มต่ำอย่างอดไม่ได้ “ท่านพี่เวย หรือว่าท่านกับองค์ชายหกจะเป็น... ”

“เวยเอ๋อร์เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือชีวิตข้า อีกทั้งยังเป็นคนรักของข้าด้วย ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะกลายเป็นพระชายาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเสด็จอาแล้ว ข้าก็จะไม่ยอมแพ้แน่นอน” ซ่านจวนฮ่าวพูดออกมาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่พูดประโยคนี้เสร็จแล้ว แม้แต่กู้อ้าวเวยที่ถูกสารภาพรักอย่างเปิดเผยก็ยังรู้สึกตกใจกับคำพูดของเขาไม่น้อย

ไม่นานกู้อ้าวเวยก็ต้องกุมขมับ “องค์ชายหก ท่านจะกินข้าวยังไงก็ได้ แต่จะพูดอะไรเหลวไหลไม่ได้...”

“ก็ข้าเป็นคนจริงใจเช่นนี้ไงล่ะ” ซ่านจวนฮ่าวรีบมองมาที่นางทันที ความแน่วแน่ในสายตาของเขานั้นช่างล้ำลึก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความรักที่ลึกซึ้งนั่น มันทำให้กู้อ้าวเวยตกใจมากจริงๆ กลับเป็นครั้งแรกที่มีคนทำให้นางเถียงไม่ออกสักคำ

“ข้าไม่เข้าใจ” กู้อ้าวเวยถอนหายใจ

“ขอเพียงแค่ข้าเข้าใจก็พอแล้ว หากในชาตินี้ข้าอยู่ได้แค่วันเดียว ข้าก็จะดูแลปกป้องเจ้าทั้งวัน” ซ่านจวนฮ่าวยังคงมองนางอย่างจริงจัง ราวกับว่ากู้อ้าวเวยเป็นของล้ำค่าในใจของเขาที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้ก็ไม่ปาน

แต่ภายใต้สายตาที่จริงจังเช่นนี้ของซ่านจวนฮ่าว กู้อ้าวเวยกลับหลบสายตามองไปที่อื่น ถ้าหากซ่านจวนฮ่าวรักตนเช่นนี้อย่างแท้จริง อีกทั้งคิดจะพานางไปจากตำแหน่งพระชายาจิ้งของตำหนักอ๋อง หากเป็นเหมือนเช้านี้อีกสองสามเดือน ไม่แน่นางอาจจะไปจากเจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้ก็ได้

แต่ว่าตอนนี้ ระหว่างนางกับซ่านจินจื๋อในตอนนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องของซูพ่านเอ๋อแล้ว ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังต้องช่วยกันคิดหาวิธีจัดการ ยังไม่สามารถแยกจากกันได้ และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อไม่นานมานี้นางก็ได้ผูกพันธมิตรกับองค์ชายสามแล้ว ในตอนนี้นางทำได้แค่ต้องอยู่ในตำแหน่งของพระชายาจิ้งนี้ไปก่อน

“ท่านยังเป็นเด็กที่ยังไม่โต” กู้อ้าวเวยก็ยิ้มพร้อมกับลูบไหล่ของเขาเบาๆ “ข้าเป็นพระชายาของเสด็จอาท่าน หากท่านอยากทำเพื่อข้า ก็อย่าพูดอะไรเหลวไหลเช่นนี้อีก”

“ก็ได้” ซ่านจวนฮ่าวพยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้นก็ยิ้มตอบนาง “ถ้างั้นให้ข้าไปตำหนักของพี่สี่กับเจ้าได้หรือไม่? ข้าไม่ได้กลับมาเทียนเหยียนนานแล้ว เวยเอ๋อร์จะพาข้าไปเดินเล่นรอบๆ ได้หรือไม่?”

องค์ชายหกผู้นี้ จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นท่าทางที่ไร้เดียงสา ทำให้คนที่ได้เห็นยากจะปฏิเสธได้ ทำได้แค่ต้องรับปากเท่านั้น

คนที่อยู่ตรงโต๊ะก็พากันตั้งหน้าตั้งตากินข้าว มีเพียงกู้จี้เหยาอดไม่ได้จึงมองกู้อ้าวเวยด้วยจิตใจที่ไม่ยินยอม

กู้อ้าวเวยต้องการยั่วยวนองค์ชายไปมากเท่าไหร่ถึงจะพอใจกัน

เมื่อกินข้าวเสร็จไปแล้วหนึ่งมื้อ กู้อ้าวเวยจึงพาลี่วานไปจัดระเบียบตำหนักในอนาคตขององค์ชายสี่ให้เรียบร้อย จากนั้นก็พานางไปเลือกเสื้อผ้าตามที่ชิงต้ายบอก หลังจากที่ทั้งสามคนเดินเล่นอยู่ในเมืองเทียนเหยียนจนพระอาทิตย์ตก ก็พากันเดินทางกลับตำหนัก

แต่วันนี้ กู้อ้าวเวยยังไม่รู้ว่าเขาไปเจอองค์ชายหกตอนไหน

ซ่านจวนฮ่าวทำท่าเหมือนไม่อยากจะบอกเรื่องนี้กับนาง จึงปล่อยให้นางคาดเดาไป เมื่อถามถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ได้เพียงประโยคที่ไร้น้ำหนักและรอยยิ้มที่ซับซ้อนกลับมาเท่านั้น “เวยเอ๋อร์จะต้องจำได้แน่นอน”

“เจ้าเรียกข้าว่าพระชายาจิ้งไม่ได้หรือ?” กู้อ้าวเวยเพียงรู้สึกว่าสายตาที่ซ่านจวนฮ่าวมองมาที่นางนั้น มันทำให้นางรู้สึกกลัว

ซ่านจวนฮ่าวเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหัว

เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเสวนาต่อไปแล้ว นางทำได้เพียงพาคนกลับไปที่ตำหนัก เมื่อถึงตำหนักแล้วก็ตรงไปที่วิหารเฟิงหมิ่งไปหาหนังสือการแพทย์ทันที เป็นธรรมดาที่นางต้องฉวยโอกาสอ่านหนังสือเหล่านี้ให้มากที่สุดก่อนที่จะไปสำนักเยียนหยู่เก๋อ

จนพระจันทร์ส่องสว่างดวงดาวเปล่งประกาย กู้เหยียนจือก็ถือดาบมาเรียนกับกุ่ยเม่ย

นางก็เปิดหน้าต่างและจุดเทียน กะจิตกะใจของนางไปอยู่กับม้วนหนังสือที่อยู่ในมือของนาง

เมื่อยามรัตติกาลมาเยือน องค์ชายซ่านจวนฮ่าวก็ออกไปจากห้อง เขายืนอยู่บนถนนที่ไร้ซึ่งผู้คน คนสี่คนที่สวมชุดสีดำก็พากันคุกเข่าลงข้างๆ เขา หนึ่งคนในนั้นเงยหน้าขึ้นอย่างอดไม่ได้ “องค์ชายหก พระชายาจิ้งทรงลืมพระองค์ไปนานแล้ว ตอนนี้ได้กลายเป็นคนของอ๋องจิ้งไปแล้ว เหตุใดท่านยังต้องให้พวกกระหม่อมคอยปกป้องนางอย่างลับๆ ด้วยพ่ะย่ะค่ะ?”

“ที่นางต้องกลายเป็นคนของอ๋องจิ้งทั้งหมดก็ต้องโทษข้าที่ไม่ได้เรื่อง ที่ข้าไม่กลับมาให้เร็วกว่านี้ ข้าไม่โทษนาง” สายตาของซ่านจวนฮ่าวก็พลันมืดมนลง กำหมัดแน่นแล้วพูดว่า “นางจำข้าไม่ได้ เป็นอีกหนึ่งเหตุผล ตอนนี้ข้ากลับมาแล้ว ข้าก็จะปกป้องดูแลให้เวยเอ๋อร์ปลอดภัย”

“พ่ะย่ะค่ะ” คนชุดดำพยักหน้าอย่างจริงจัง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดต่อว่า “เพียงแต่ว่าฮองเฮายังปล่อยองค์รัชทายาทไม่ถึงที่สุด อีกทั้งองค์ชายสี่ก็คาดว่าจะอยู่ที่เทียนเหยียน องค์ชายหกคิดว่ากระหม่อมควรทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”

“ใครที่ขวางทางข้า ก็ฆ่าทิ้งซะ พวกเจ้าทั้งสี่คน คอยช่วยข้าจับตัวดูเวยเอ๋อร์ให้ดี หากนางโดนรังแกไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ข้าก็จะให้พวกเจ้าชดใช้ด้วยชีวิต” แววตาของซ่านจวนฮ่าวมืดทะมึน คมมีดที่อยู่ในแขนเสื้อสะท้อนแสงออกมาอย่างเลือนราง

คนชุดดำหลายคนก็ไม่ชักช้าอีก กระจัดกระจายไปคนละทิศละทางในชั่วพริบตา

และเขาก็กลับมาที่ตำหนักอ๋องอีกครั้ง มาถึงประตูลานบ้านของวิหารเฟิ่งหมิง เพียงยืนมองกู้อ้าวเวยที่อ่านหนังสืออยู่ข้างหน้าต่างอยู่ไกลๆ

เวยเอ๋อร์ สักวันเจ้าจะได้กลับมาอยู่ข้างกายข้า

และในเวลาเดียวกัน แสงไฟก็สว่างขึ้นที่ตำหนักหลักที่เป็นที่อยู่ของซูพ่านเอ๋อและวิหารชิงเฟิงของกู้จี้เหยา เพราะเรื่องที่กู้จี้เหยาถูกองค์ชายหกตำหนิในวันนี้ ทำให้นางว้าวุ่นใจจนนอนไม่หลับ

ซูพ่านเอ๋อเพียงวางจอกน้ำลงไป เขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่งด้วยตัวเอง จากนั้นก็ส่งให้กับจิ่นซิ่วที่อยู่ข้างๆ “นำจดหมายนี้ไปที่บ้านริมน้ำโล่เสีย บอกว่าองค์ชายหกและพระชายาจิ้งเป็นชู้กัน ให้ท่านพี่จื๋อกลับมาให้เร็วที่สุด” จิ่นซิ่วหัวเราะเสียงต่ำ จากนั้นก็รีบไปจัดการอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าอ๋องจิ้งจะไม่ได้ชอบพระชายาจิ้ง แต่ถ้าหากรู้ว่าระหว่างพระชายาจิ้งและองค์ชายหกมีอะไรเช่นนี้ จะต้องเดือดดาลมากแน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซ่านจวนฮ่าวที่สารภาพกับกู้อ้าวเวยเช่นนี้ตรงๆ ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นเห็นทั้งสองคนอยู่บนเตียง เพียงแค่ได้ยินซ่านจวนฮ่าวสารภาพรักหลายๆ ครั้งก็พอแล้ว

“พ่านเอ๋อ อ๋องจิ้งก็ไม่ได้ชอบพระชายาจิ้งอยู่แล้ว วันข้างหน้าก็ต้องหย่าร้างกัน ถึงแม้ว่าพระชายาจิ้งจะสนิทสนมกันก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร” เมี่ยวหารที่ยืนอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วมุ่นพูด

“เจ้าจะไปรู้อะไร” ซูพ่านเอ๋อตะโกนขึ้นมาราวกับคนเป็นโรคประสาท สิ่งของที่อยู่ใกล้ๆ กับมือของนางล้วนแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่บนพื้น ส่วนดวงตาทั้งสองข้างของนางก็แดงก่ำพูดว่า “นางแย่งตำแหน่งของข้าไป ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งของพระชายาอ๋องจิ้งหรือท่านพี่จื๋อ นางก็แย่งข้าไปหมด ข้าไม่ปล่อยให้นางมีชีวิตที่ดีแน่นอน

“แต่ว่า ท่านอ๋องจิ้งก็ไม่ได้ชอบพระชายาจิ้ง...”

“เจ้าไม่รู้อะไร เจ้ามองอะไรไม่ออกเลย แต่ข้ากับท่านพี่จื๋อโตมาด้วยกัน เหตุใดข้าจะไม่รู้การกระทำของเขา สายตาของเขา...” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซูพ่านเอ๋อก็นั่งลงบนพื้น ก็พูดด้วยเสียงสะอื้นว่า “ท่านพี่จื๋อ...เขาตกหลุมรักกู้อ้าวเวยมานานแล้ว ต่อให้ครั้งที่แล้วเขาจะบอกว่ารักข้า แต่สายตาที่สะท้อนออกมา กลับเป็นกู้อ้าวเวย เป็นกู้อ้าวเวยที่แย่งท่านพี่จื๋อของข้าไป...”

เมี่ยวหารหลุบตาลงต่ำ อยากจะพยุงนางขึ้นมา แต่เมื่อคิดถึงฐานะของตน ก็เพียงถอนหายใจออกมา “เหตุใดเจ้าต้องทำขนาดนี้ด้วยล่ะ...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์