สรุปเนื้อหา บทที่ 121 ระหว่างบิดากับบุตรสาว – บุบผาร้อยเสน่ห์ โดย ลิ่วเยว่
บท บทที่ 121 ระหว่างบิดากับบุตรสาว ของ บุบผาร้อยเสน่ห์ ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่ 121 ระหว่างบิดากับบุตรสาว
ข้อเสนอของเซียวไห่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ยอดเยี่ยม
มองจากภาพรวม ได้ตัวกู้อ้าวเวยเท่ากับได้รับการสนับสนุนจากจวนเสนาบดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอำนาจเบื้องหลังของนาง บวกกับความอ่อนแอทางร่างกายของซูพ่านเอ๋อร์ในยามนี้ หากถึงคราวที่ซ่านจินจื๋อขึ้นครองราชบัลลังก์อย่างไรก็ต้องมีทายาท และไม่ว่าจะมองจากมุมไหน กู้อ้าวเวยเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“สามีมากภรรยามีมากมาย ไม่ใช่ว่าท่านจะต้องรักใคร่กันกับนาง ในวันหน้าเพียงอย่าได้ทอดทิ้งพระชายา ยิ่งนางอยู่ข้างกายท่านได้มากเท่าไร ก็สามารถช่วยเหลือท่านได้มากเท่านั้น” เซียวไห่ลดเสียงกระซิบ
เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร เพียงแค่เขาชอบกู้อ้าวเวยมากกว่าซูพ่านเอ๋อร์
อีกอย่าง ตราบใดที่ซ่านจินจื๋อไม่ละทิ้งกู้อ้าวเวย ในมือก็มีตัวเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก
แล้วเซียวไห่ก็ไม่ได้สนหรอกนะว่ากู้อ้าวเวยจะยินยอมเคียงข้างซ่านจินจื๋อหรือไม่
“ท่านอ๋อง แม่นางซูฟื้นแล้ว!กำลังอาละวาดต้องการพบท่านพะยะค่ะ!” คนสนิทวิ่งเข้ามา ซ่านจินจื๋อนิ่งไปทั้งร่าง เซียวไห่ที่อยู่ด้านหลังกลับเอาแต่ตบบ่าของเขา “ถ้าหากท่านต้องการให้สองหญิงงามเข้าสู่อ้อมอกจริง ไม่สู้ไปพูดกับซูพ่านเอ๋อร์ให้ชัดเจนเสียก่อน”
“อืม” ซ่านจินจื๋อตอบโดยไม่ได้คิด พลันสาวเท้ามุ่งสู่เรือนหลักอย่างรวดเร็ว
ยังไม่ทันจะเข้าสู่ตัวเรือน ซ่านจินจื๋อได้ยินเสียงของบางอย่างแตกกระจายดังมาจากด้านใน ยังมีเสียงสะอื้นของซูพ่านเอ๋อร์ และเสียงปลอบของเมี่ยวหารที่แทบจะถูกกลบด้วยเสียงกรีดร้องของซูพ่านเอ๋อร์ แต่เมี่ยวหารก็ยังคงกดนางไว้กับเตียงอย่างเหนียวแน่น “ก่อนที่ท่านอ๋องจะพบว่าท่านจงใจหาเรื่อง......”
ผ่านไปชั่วครู่ ซูพ่านเอ๋อร์ที่ถูกเมี่ยวหารปิดปากมาโดยตลอดก็พูดขึ้นว่า “ข้าแค่อยากพบหน้าพี่จื๋อ! ข้าไม่ชอบกู้อ้าวเวยและก็ไม่ชอบองค์ชายสี่ด้วย!
ตอนที่ซูพ่านเอ๋อร์ใกล้ฟื้นก็ได้ยินเมี่ยวหารพูดว่าท่านอ๋องไปหากู้อ้าวเวย แต่กลับไม่ทำอะไรกับกู้อ้าวเวยสักอย่าง ชัดเจนแล้วที่ทราบเรื่องนี้ว่าเดิมทีเป็นแผนการของซูพ่านเอ๋อร์
“ข้ารู้” ซ่านจินจื๋อผลักประตูเดินเข้ามา
เมี่ยวหารรีบรุดไปคุกเข่าที่ด้านข้าง ส่วนซูพ่านเอ๋อร์หันร่างสู่อ้อมกอดของซ่านจินจื๋อด้วยความซวนเซ ซ่านจินจื๋อรับร่างนางไว้อย่างมั่นคง คำพูดที่ต้องการจะกล่าวเมื่อครู่ถูกซูพ่านเอ๋อร์ทำให้ต้องกลืนลงคอไป
“พี่จื๋อ! ข้าไม่ต้องการเห็นองค์ชายสี่และกู้อ้าวเวย”....ข้าเกลียดพวกเขา พวกเขาต้องการความชื่นชอบจากท่าน” ซูพ่านเอ๋อร์รั้งชายเสื้อของเขาร้องไห้ด้วยเสียงอันแผ่วเบา “ข้ามีเพียงท่านนะพี่จื๋อ......”
ซ่านจินจื๋อตกตะลึงชั่วขณะ นึกไม่ถึงว่าซูพ่านเอ๋อร์จะยอมรับเรื่องนี้จริงๆ
ในความทรงจำของเขา นี่หรือซูพ่านเอ๋อร์ที่เคยใสซื่อบริสุทธิ์ปานนั้น
“ข้าในฐานะราชวงศ์สักวันก็ต้องมีทายาทสืบทอด ตำแหน่งพระชายาเป็นได้เพียงของกู้อ้าวเวย” เป็นครั้งแรกที่ซ่านจินจื๋อผลักไสซูพ่านเอ๋อร์ออกเบาๆ ซูพ่านเอ๋อร์ร่ำไห้หนักหน่วงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ ซ่านจินจื๋อได้อุ้มนางส่งถึงที่เตียง
ซูพ่านเอ๋อร์จับแขนเสื้อของซ่านจินจื๋อ มองเขาด้วยแววตาอันเหลือเชื่อ “พี่จื๋อ ทำไมกัน! ท่านเคยรับปากข้าแล้ว.....”
“หากมีวันที่ข้าขึ้นครองราชบัลลังก์ จะมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่เป็นฮองเฮาของข้า” ซ่านจินจื๋อเอี้ยวกายจุมพิตหน้าผากของซูพ่านเอ๋อร์
ซูพ่านเอ๋อร์ไม่เคยคาดคิดว่าเรื่องราวจะเปลี่ยนเป็นเช่นวันนี้
เรียวริมฝีปากล่างขบแน่น นางเอื้อมคว้าเข้าที่ไหล่ของซ่านจินจื๋อ “หรือว่าท่านชอบกู้อ้าวเวยเข้าแล้ว.....”
“ใช่” แต่ไรมาซ่านจินจื๋อไม่อาจพูดเท็จกับนาง
ท่าทีของนางหายใจไม่ออกราวกับคนจมน้ำ ดวงตาที่แดงระเรื่อและหยดน้ำตาที่ร่วงหล่นเปียกชื้นอาบไปครึ่งแก้ม “เพราะเหตุใด......นางมีอะไรดีกัน””
……
ประตูวิหารเฟิ่งหมิงถูกเปิดออก
กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ พบว่ากู้เฉิงสวมชุดประจำตำแหน่งเต็มยศเดินเข้ามาอย่างเร่งร้อนด้วยท่าทีดุดัน นางจึงรีบลุกขึ้นยืน
ปลายนิ้วที่ไม่ทันระวังชนเข้ากับจอกข้างโต๊ะ ตกแตกลงพื้น
“เพี้ยะ----”
เกิดความเจ็บปวดที่ใบแก้ม ร่างของกู้อ้าวเวยร่วงพับไปกับพื้น เศษแก้วอันแหลมคมบาดเข้ามือนาง เลือดสดๆไหลรินจากฝ่ามือ นางได้แต่เงยหน้าอย่างแน่นิ่ง มองกู้เฉิงด้วยความสับสน “ท่านพ่อ.....”
“ข้าไม่มีลูกสาวอย่างเจ้า!” กู้เฉิงปัดทำลายจอกที่ยังอยู่บนโต๊ะ
“ข้าก็ไม่มีพ่อเช่นท่านเหมือนกัน” กู้อ้าวเวยยกมือป้องถ้วยจอกเหล่านั้นที่บินพุ่งเข้าหน้านางพลันลุกขึ้นยืนจากพื้นโดนไม่สนความเจ็บปวดที่ฝ่ามือ ความใจเย็นในดวงตานางก่อนหน้านี้สลายไปอย่างสิ้นเชิงเหลือเพียงรอยยิ้มเล็กๆ จึงลุกกลับขึ้นไปนั่งบนม้าหินอีกครั้ง “แต่ไรมาท่านไม่เคยเห็นข้าเป็นลูกสาว ข้าก็ไม่จำเป็นจะต้องให้ท่านมาสั่งสอน และไม่อนุญาตให้ท่านทำร้ายได้อีกแม้สักครึ่งส่วน”
“ข้าอุ้มชูเจ้ามาจนเติบใหญ่ เจ้ากลับทำเช่นนี้กับข้างั้นหรือ?” กู้เฉิงถูกยั่วโทสะจนหน้าแดง “ยามแรกนั้นพ่อให้เจ้าแต่งเข้าจวนอ๋อง บัดนี้ขณะที่เจ้าอยู่ในจวนอ๋องกลับเที่ยวเล่นไปทั่ว! มิน่าท่านอ๋องจึงกักบริเวณเจ้ามิให้ไปไหนต่อไหน!”
กู้อ้าวเวยลูบใบแก้มที่เริ่มปวดระบมอย่างแผ่วเบา เมื่อหันไปกู้เฉิงก็ยังชี้หน้าด่าทอนางไม่หยุดหย่อน “หากว่าจี้เหยาไม่มาบอกเรื่องนี้กับข้า มิใช่ว่าเจ้าต้องเตรียมตัวรอความตายอยู่ในวิหารเฟิ่งหมิงนี่หรอกหรือ ถ้าหากเจ้าอยากจะได้ความโปรดปรานจริง ก็ตามพ่อไปขอโทษกับท่านอ๋องซะ!”
ข้อมือของกู้อ้าวเวยถูกกู้เฉิงคว้าไว้ด้วยกำลังมหาศาล กลับถูกสลัดหลุดออกในตอนหลัง
“ไม่มีผู้ใดสามารถบังคับข้าให้ขอโทษได้”กู้อ้าวเวยยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...