บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 122

บทที่ 122 คนเมากับความจริง

“เจ้า!” กู้เฉิงถูกยั่วโทสะไม่น้อย ได้แต่กุ้มหน้าอกที่กำลังผ่อนลมหายใจหนักหน่วง

กู้อ้าวเวยกลับยังยืนอยู่ที่เดิม เลือดสีแดงฉานไหลรินจากปลายนิ้วนางหยดลงสู่พื้น ทว่านางกลับยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างไม่รู้สึกรู้สาเอาแต่มองกู้เฉิงที่อยู่เบื้องหน้า

คนนี้คือบิดาของนาง แต่ตอนเด็กๆจนโตแทบจะไม่เคยคิดแทนนาง

แม้กระทั่งการตัดสินใจเรื่องการแต่งงานของนางกับอ๋องจิ้งในตอนแรก ก็เพราะคิดว่าสักวันบุตรสาวจะสามารถประจบประแจงพึ่งพาอำนาจบารมี ถ้าหากว่ามีวันที่อ๋องจิ้งสามารถเป็นฮ่องเต้ได้ จวนเสนาบดีของพวกเขาก็จะได้รากฐานอันมั่นคง

“ท่านไม่มีคุณสมบัติจะเป็นพ่อของข้า ท่านได้แต่ตำหนิติเตียนข้าโดยไม่สนความเป็นตายของข้า กู้จี้เหยาต่างหากจึงจะเป็นลูกสาวท่าน” ในแววตาของกู้อ้าวเวยท่วมท้นไปด้วยความผิดหวัง ปลายนิ้วที่สั่นระริกกลับไม่กล้าที่จะกำหมัดเพราะเกิดกลัวว่ากู้เฉิงจะเห็นความอ่อนแอของนาง

กู้เฉิงทุบเข้าที่หน้าอกตนเองนั่งลงบนม้าหินด้วยความสลด “แต่ไรมาเจ้าก็ไม่เคยเหมือนข้า ดีแต่เหมือนกับแม่นอกรีตของเจ้า!”

“ท่านไม่เคยเอ่ยถึงแม่ของข้า” กู้อ้าวเวยไร้หนทางค้นหาเงาของมารดาที่เยอะเกินไปในความทรงจำของนาง

“นางไม่คู่ควรให้เอ่ยถึง! เจ้าแค่ต้องรู้ว่ายามนี้เจ้าแซ่กู้ เป็นสายสัมพันธ์ของเราตระกูลกู้และตระกูลหยุน นอกเหนือจากนี้เจ้าไม่เป็นตัวอะไรทั้งสิ้น” กู้เฉิงค่อยๆใจเย็นลงยังกล่าวต่ออีกว่า “ไปขอโทษท่านอ๋องกับข้าเสีย”

“ขออภัยที่ไม่ส่งเจ้าค่ะ ท่านเสนาบดีกู้” กู้อ้าวเวยแค่นเสียงยิ้มเย็น เดินตรงเข้าไปในห้องพลันปิดประตูลง

แผ่นหลังกำลังพิงบนบานประตู นางไม่สนใจฟังเสียงด่าทอของกู้เฉิง

แต่ในที่สุดนางก็รู้เพิ่มเล็กน้อย กู้เฉิงกับมารดาในความทรงจำอันพร่าเลือนของนางนั้นไม่มีความรักแม้สักครึ่งส่วนเหมือนกันกับที่ไม่ได้รักนาง เฉกเช่นวันนี้ที่ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวอยู่ในวิหารเฟิ่งหมิง นางก็แค่ตัวคนเดียวเท่านั้น

จนกู้เฉิงจากไปนางก็เอาแต่ยืนอยู่ที่เดิม กระทั่งบาดแผลบนฝ่ามือไม่มีเลือดไหลอีกต่อไป

เมื่อเดินมาถึงโต๊ะก็ทำความสะอาดบาดแผลและใส่ยา หุ้มด้วยผ้าโปร่งผืนบาง นางลังเลขณะหยิบตำราแพทย์ขึ้นมาถึงค่อยผลักบานประตูออก ประตูใหญ่ของลานถูกปิดอย่างแนบสนิท นางส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ตั้งใจอ่านตำราโดยที่ไม่สนเศษถ้วยที่แตกกระจายบนพื้น

เซียวไห่ทนรอซ่านจินจื๋อไม่ไหวจึงมาตัวคนเดียว เมื่อได้รู้ว่ากู้เฉิงจากไปแล้วหลังจากด่าทอพระชายาเสียยกใหญ่ เขาลังเลอยู่นานแต่ก็ยังให้คนยกไหสุรามาหลายใบ สันนิษฐานยึดตามอารมณ์ของกู้อ้าวเวยคงจะดื่มได้สักหลายไห

น่าเสียดายที่เมื่อผลักบานประตูเปิด กู้อ้าวเวยไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองเขา ใบหน้าระบายยิ้มแต่คำพูดกลับเย็นชา “หัวหน้าเซียว ไม่พบกันเสียนาน”

พระชายาจิ้งเปลี่ยนไปแล้ว

เซียวไห่คิดได้เช่นนี้ ก็รีบเดินเข้าไปพร้อมกับนำสุราวางบนโต๊ะ เห็นชิ้นส่วนที่ตกแตกบนพื้นเปื้อนเลือดเป็นดวง และฝ่ามือของกู้อ้าวเวยก็ถูกพันไว้ด้วยผ้าโปร่ง “คาดไม่ถึงว่าท่านเสนาบดีกู้ที่ปกติเปี่ยมความชอบธรรม เมื่อเผชิญหน้ากับท่านที่เป็นบุตรสาวกลับไม่เหลือความเมตตาแม้แต่น้อย”

“เขาก็ไม่เคยเห็นข้าเป็นลูกสาว” กู้อ้าวเวยแย้มยิ้มชำเลืองมองไหสุราที่อยู่บนโต๊ะ “ทำไม? ท่านมาครั้งนี้มีธุระอันใด? หรือซ่านจินจื๋อคิดมาดีแล้วจึงให้ท่านจับตาดูข้าทุกฝีก้าวกัน?”

“ยามนี้ท่านไม่เทียบเท่ากับตอนที่อยู่บ้านริมน้ำเลยนะ ไม่เชื่อท่านอ๋องเลยหรือ? ท่านน่าจะรู้เพื่อท่านแล้วท่านอ๋อง....”

“หัวหน้าเซียวกล่าวเรื่องน่าขันเสียแล้ว ทุกการกระทำของซ่านจินจื๋อก็ล้วนเพื่อซูพ่านเอ๋อร์ พวกท่านให้ความสำคัญข้าเช่นนี้ก็แค่เพราะว่าเบื้องหลังของข้ามตระกูลหยุนตระกูลกู้ ทั้งยังมีวิชาแพทย์ติดตัว” กู้อ้าวเวยตัดบทคำพูดเขา

ถ้าหากนางเชื่อซ่านจินจื๋อและคนรอบกายเขาอีก นางคงจะโง่เง่าเกินไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์