บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 133

บทที่133 นึกจะไปก็ไป

หนึ่งชั่วโมงต่อมาก็ยังไม่เห็นกู้อ้าวเวยกลับมา ซ่านจินจื๋อลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า เพิ่งก้าวออกจากลาน ชิงต้ายก็รายงานขึ้นว่า: “ท่านอ๋อง พระชายามีเหตุให้ต้องไปช่วยจี้ซื่อถาง(ร้านขายยา)นั่งให้คำปรึกษา

“ตำแหน่งพระชายาที่เปิดเผย ทำไมถึงไม่รู้จักระมัดระวังบ้าง” ซ่านจินจื๋อปากตำหนิ แต่ในใจกลับรู้สึกเฉยๆ

ชิงต้ายถอนหายใจหนึ่งเฮือก และเงยหน้าขึ้นมองเขา: “เพราะท่านอ๋องยังไม่ทราบ เมืองเทียนเหยียนนี้ เริ่มจากเมื่อวานก็มีข่าวลือโคมลอยมากมายของพระชายา พระชายานั่งให้คำปรึกษาเช่นนี้ ก็เพื่ออยากทำลายข่าวลือนี้”

เขายกคิ้วขึ้น ซ่านจินจื๋อกำลังทานอาหารเช้าที่หยินเชี่ยวซื้อมา และรับฟังชิงต้ายพูดถึงข่าวลือที่เล่าแตกต่างกันไป

ข่าวลือนี้บอกว่ามีจมูกมีตา(มีมูลความจริง) ทำให้ง่ายต่อการโน้มน้าวใจประชาชนให้หลงเชื่อ

เฉิงซานได้ยินคำอธิบายของชิงต้าย และพูดอย่างระมัดระวังมากขึ้น: “ตอนนี้ทุกๆคนในเทียนเหยียนกำลังพูดต่อๆกันไป องค์ชายสี่ที่ยโสโอหังในตอนนี้ก็เป็นเพราะปีศาจจิ้งจอกเป็นสาเหตุ เพียงเพราะว่าองค์ชายสี่กำลังจะอภิเษก ทำให้ปีศาจจิ้งจอกไม่พอใจ

ซ่านจินจื๋อหลังทานเสร็จทำเพียงเช็ดปาก: “ถ้าเป็นเช่นนี้ มีใครบางคนตั้งใจชี้หัวหอกใส่พระชายา?”

ซ่านจินจื๋อเข้าใจได้ทันที คนส่วนใหญ่ชอบนำเรื่องราวของราชวงศ์มาพูดเป็นเรื่องน่าขำ แต่ก็โทษไม่ได้ที่ข่าวลือนี้จะแพร่ไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามกู้อ้าวเวยเป็นคนของเขา: “ส่งคนไปเพื่อระงับข่าวลือเหล่านี้ นอกจากนี้ ให้ส่งคนมาดูที่แผงขายยา และอย่าให้ผู้คนรบกวนการทำความดีของพระชายา”

“ใช่” เฉิงซานรีบเร่งไปจัดการ

ชิงต้ายยืนอยู่อีกด้านอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดัง

……

ในเวลาเดียวกัน กู้อ้าวเวยหลังทานอาหารเช้า แล้วจึงช่วยวินิจฉัยปัญหาของหลายๆคน

เขากำลังเขียนรายการสำหรับผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าและส่งมันให้ และเมื่อเงยหน้าขึ้น ตรงหน้าก็มีคนที่คุ้นเคยนั่งอยู่แล้ว เขาสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้ม คิ้วดูหยิ่งและเผด็จการตลอดเวลา ที่รอบเอวห้อยเพียงจี้หยกหนึ่งอัน ดาบสองเล่ม สั้นหนึ่งยาวหนึ่ง ที่ข้อมือมีรอยแผลเป็นหนึ่งแผล

“เวยเอ๋อ วันนี้มาไม่ทันเวลา ตอนนี้ข้ายังมาทันเวลาหรือไม่?” ซ่านจวนฮ่าวยิ้มอย่างจริงใจ

กู้อ้าวเวยหัวเราะเบาๆ เพียงจับข้อมือของเขา: “ทันเวลาพอดี”

ในความคิดของนาง ซ่านจวนฮ่าวเวลามองมาที่นาง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ก็เหมือนเด็กคนหนึ่ง

หลังจากตรวจการเต้นของชีพจร กู้อ้าวเวยเพียงโบกมือ: “เจ้าไปจัดการเรื่องต่างๆของตัวเองเถอะ อีกสักครู่ข้าจะให้หยินเชี่ยวจัดทำหมอนยาใหม่แล้วจะส่งไปให้เจ้า ช่วงนี้ความร้อนในร่างกายของเจ้าค่อนข้างมาก อาจเป็นเพราะว่าเจอเรื่องหงุดหงิดตลอดทั้งวัน”

หลังจากได้รับฟังคำพูดที่ตรงใจ ซ่านจวนฮ่าวกลับยิ่งหัวเราะอย่างเปิดเผยมากขึ้น

เขาก้าวถอยไปอีกด้านโดยไม่รบกวนอีก เพียงใส่ใจมองดูกู้อ้าวเวยที่อยู่ตรงนี้เพื่อวินิจฉัยอาการคนอื่น

แต่เดิมยังมีคนที่กลัวเรื่องเล่าของเซียนจิ้งจอกอยู่ แต่หลังจากที่กู้อ้าวเวยวินิจฉัยโรคให้กับน้องสาวของขอทานน้อยคนหนึ่งแล้ว กลับกลายเป็นที่แปลกใจ

กู้อ้าวเวยสวมชุดสีขาวทั้งตัวที่ย้อมด้วยดินโคลนแต่หาได้สนใจ เพียงอุ้มเอาเด็กผู้หญิงที่อายุเพียงเจ็ดหรือแปดขวบจะเข้ามาในห้องโถง และจะจัดการอย่างระมัดระวังกับน่องเล็กที่ถูกกรีดของเด็กผู้หญิงให้อย่างดี แล้วหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดที่ใบหน้าเล็กๆของเด็กผู้หญิงให้สะอาด

“ต่อไปไม่สามารถขึ้นภูเขาได้ตามใจชอบแล้วนะ” ขณะที่กู้อ้าวเวยกำลังรักษาก็ไม่ลืมที่จะกำชับขอทานน้อยคนนั้น

“แต่……ถ้าไม่ขึ้นเขาไปเก็บของเล็กน้อย……” ขอทานน้อยกังวลจนแดงไปทั้งใบหน้า จากนั้นก็หยิบเศษเงินสองอันจากในถุง: “ข้ามีเงินเพียงเล็กน้อยแค่นี้”

กู้อ้าวเวยลูบหัวของเขาหนึ่งที: “เงินนี้ไม่เพียงพอ ยาสมุนไพรนี้ไม่ใช่แค่เงินเพียงเท่านี้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์