บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 132

บทที่132 ข่าวลือเริ่มขึ้น

พระจันทร์บนท้องฟ้าส่องแสงสีเงิน ณ ตำหนักอ๋องจิ้ง

ซูพ่านเอ๋อมองดูตัวเองในกระจกทองแดง แม้ว่าใบหน้าทั้งใบดูป่วย แต่ยังเผยความงามอย่างอื่นออกมา

เมี่ยวหารขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากช่วยจับชีพจรของนาง: “เจ้ายังเตรียมตัวจะแกล้งป่วยต่อ? ชีพจรของเจ้าอ่อนแอกว่าก่อน เกรงว่าจะเป็นเพราะวันๆอยู่แต่ในตำหนัก และรวมทั้งสิ่งที่อัดแน่นในใจ เกรงว่าจะล้มป่วยจริง”

“แล้วอย่างไร ขอเพียงสามารถได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากท่านพี่จื๋อ เจ็บป่วยแล้วอย่างไร?”

ซูพ่านเอ๋อจับเบาๆที่ปอยผมข้างใบหู เหลือบมองไปที่ข้อมือตนโดยไม่ตั้งใจ ก่อนหน้าได้ยินท่านพี่จื๋อบอกว่ากู้อ้าวเวยผอมบางกว่าตนเอง ช่างน่าขำจริงๆ ในแต่ละมื้อนางทานเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับกู้อ้าวเวยที่มีอาหารมากมายทุกวันแล้วจะมาอวบอ้วนได้อย่างไร

เมี่ยวหารยังไม่ทันพูดออกมา ก็มีจิ่นซิ่วผลักประตูเข้ามา ลังเลเล็กน้อย: “คุณหนู วันนี้ดูเหมือนว่าไม่ต้องรอท่านอ๋องกลับมาแล้ว……”

“ทำไม?” แววตาของซูพ่านเอ๋อดุกร้าวขึ้นมาทันที

จิ่นซิ่วตะกุกตะกักว่า: “วันนี้ท่านอ๋องตัดสินใจแล้วว่าจะพักอยู่ที่ร้านยาเหย้า

ซูพ่านเอ๋อสูดหายใจเข้าลึกสองครั้ง ในเวลาต่อมา กระจกทองแดงบนโต๊ะเครื่องแป้งก็ถูกนางกวาดตกไปบนพื้น กระแทกแตกละเอียด

จิ่นซิ่วเพียงคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว ตัวสั่นงันงกไม่กล้าที่จะกล่าวต่อ รอจนกระทั่งซูพ่านเอ๋อหยุดทำลายข้าวของตรงหน้าจนหายใจหอบแล้ว อารมณ์ลดลงชั่วคราว ถึงพูดต่อ: “คุณหนู ทั้งหมดเพราะนางจิ้งจอกกู้อ้าวเวยมารยาล่อลวงท่านอ๋อง”

ซูพ่านเอ๋อโมโหจนแดงก่ำไปทั้งใบหน้านั่งอยู่บนเก้าอี้ เห็นคล้อยตามคำพูดนี้ของจิ่นซิ่ว

ก่อนหน้านั้นไม่ว่านางจะทำอะไร ท่านพี่จื๋อยอมเชื่อฟังคล้อยตามทุกอย่าง หากว่านางไม่ถูกใจ ไม่ว่าบนถนนหนทางนั้นจะเต็มไปด้วยก้อนกรวดที่ละเอียดดั่งดวงดาวมากเพียงใดก็สามารถเก็บกวาดทำความสะอาดเพื่อนางได้

แต่มาวันนี้ท่านพี่จื๋อกลับบอกว่าติดใจนางจิ้งจอกเช่นนี้

“ไม่ได้ดั่งใจข้าเลย……” ซูพ่านเอ๋อรู้สึกโกรธเคืองและโยนผ้าคลุมหน้าทิ้งลงข้างเท้าของเมี่ยวหาร

จิ่นซิ่วเมื่อเห็นอย่างนั้น ดวงตาคู่หนึ่งนั้นกลิ้งกลอกไปมา แล้วก็รีบเดินไปที่ข้างกายของซูพ่านเอ๋อ พูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า: “ถ้าให้ข้าพูด ไม่แน่ว่ากู้อ้าวเวยคนนี้คือนางจิ้งจอกอาจเป็นจริง คุณหนูก็ทราบว่าช่วงนี้องค์ชายสี่กลายเป็นจอมอันธพาลเทียนเหยียน และยิ่งไม่ต้องการอภิเษกกับแม่นางลี่วานแล้ว ไม่แน่ว่า นี่จะเป็นเพราะกู้อ้าวเวยล่อลวงองค์ชายสี่อีกคนด้วย

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ซูพ่านเอ๋อก็มีความคิดนี้ขึ้นมา: “ถ้าเป็นตามที่พูดมา นางไม่กลายเป็นปีศาจจิ้งจอกจริงหรือ?”

“นี่อาจพูดได้ไม่แน่นอน อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้นองค์ชายสามและองค์ชายหกก็สนใจในตัวนาง ตอนนี้ยังล่อลวงท่านอ๋องอีก บางทีอาจจะเป็นปีศาจจิ้งจอกปรากฎขึ้นจริงๆ ยิ่งประจวบเหมาะกับเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่ท่านเอาเลือดหัวนาง นางในตอนนี้ยังคงมีชีวิตล่องลอยไปเรื่อย” จิ่นซิ่วพูดต่ออย่างเป็นธรรมชาติ แต่กลับเป็นไปอย่างมีเหตุมีผล

เมื่อคิดขึ้นมา ในใจของซูพ่านเอ๋อก็รู้สึกเห็นด้วย: “เจ้าเอาข่าวลือเหล่านี้กระจายออกไป”

จิ่นซิ่วเพียงแค่ยิ้มรับ แล้วรีบเร่งไปจัดการ

เมี่ยวหารอยากพูดแต่พูดไม่ได้ อีกทั้งต้องการพูดห้าม แต่เมื่อมองเห็นสายตาที่บ้าคลั่งในเวลานี้ของซูพ่านเอ๋อจึงไม่ปริปากอีก

ในวันที่สอง ปีศาจจิ้งจอกปรากฏขึ้นนี้ ข่าวลือความโชคร้ายของแคว้นได้กระจายไปทั่วรวดเร็วเหมือนดั่งขนปีกงอก และได้มีการเล่ากันว่าก่อนหน้านี้ที่มีเรื่องเกี่ยวกับระเบิดคือเกิดจากสวรรค์พิโรธ ยังมีบางคนกล่าวว่าที่องค์ชายทั้งหมดกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตา เป็นเพราะพลังของปีศาจจิ้งจอก พูดเสมือนว่าเป็นจริง

แต่กู้อ้าวเวยกลับไม่รับรู้เรื่องราว เมื่อตื่นขึ้นมาก็เห็นซ่านจินจื๋อกำลังสวมใส่เสื้อผ้า ก็ทำให้นางตกใจจนรีบร้อนลุกขึ้นมา และเมื่อเห็นทั้งเนื้อตัวของตนมีเพียงชุดซับใน โดยไม่คำนึงอะไรเปิดผ้าห่มออกมองดูร่างกายสวนล่าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์