บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 149

บทที่ 149 อยากจะเสียเนื้ออีกชิ้นหรือ

ดวงจันทร์สว่างกลบแสงดาว บ้านทรุดโทรมกลางป่าหลังนี้อาจเป็นนายพรานสักคนทิ้งไว้

หน้าต่างและบานประตูนั้นขาดรุ่งริ่ง เตียงหนึ่งเดียวที่มีอยู่ถูกยกให้กับกู้อ้าวเวย

นางถูกจูเซเปลี่ยนเป็นชุดคลุมยาวสีดำ แล้วนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของเตียงด้วยใบหน้าซีดขาว ฝุ่นที่ฟุ้งอยู่รอบๆจมูกทำให้นางมีอาการไอ คนอื่นๆกำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ข้างๆ เตาที่ถูกจุดไฟกำลังย่างสัตว์ป่าที่ล่ามาได้

กู้อ้าวเวยมองออกไปนอกหน้าต่างที่กำลังเปิดอยู่ แล้วจึงเหลือบมองโซ่เหล็กบนข้อมือข้อเท้าของตน จึงส่งเสียงไออยู่หลายครา “พวกเราจะไปที่ไหนกัน?”

“เอาเจ้าไปขายไงเล่า” ชายร่างใหญ่หัวล้านหัวเราะเย้ยหยัน ขณะที่กัดเนื้อชิ้นโตน้ำลายยังแตกเป็นฝอย

จูเซไม่ได้นั่งร่วมกับพวกมัน จับเนื้อน่องชิ้นโตที่อยู่ในมืออย่างเอื่อยเฉื่อยแล้วยัดเข้าปากของกู้อ้าวเวย กลับไม่สนใจว่าชายร่างโตเหล่านั้นจะพูดคำหยาบคายอะไรบ้างกับกู้อ้าวเวย

“ข้าจะบอกให้นะ ถ้าหากทายาทตระกูลหยุนล้วนหน้าตาแบบนี้ พวกเราแค่ลักตัวคนไปขายซ่องก็สามารถหาเงินก้อนใหญ่ได้แล้วเว้ย”

“พูดดีมีเหตุผลนะเนี่ย แต่พวกเราก็อยากที่จะลองลิ้มรสนางสักหน่อย”

คำพูดของคนเหล่านั้นยิ่งพูดยิ่งโจ๋งครึ่ม กู้อ้าวเวยกลับไม่เป็นเดือดเป็นร้อน เพื่อให้นางเป็นที่รังเกียจจูเย่นที่เป็นหัวหน้าจึงปลอมนางเป็นหญิงโสเภณี พวกชายร่างใหญ่กักขฬะได้พูดจาออกมาแบบนั้น นางกลับยังเป็นปกติได้

จูเซเคยชินเป็นปกติ ยังอยากจะป้อนส่วนสุดท้ายให้นาง จูเย่นกลับเตะชายร่างใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ แล้วดึงจูเซลุกขึ้น “ตอนนี้นางก็เป็นแค่นักโทษ จะสิ้นเปลืองอาหารอะไรกันนักหนา!”

“พี่ชาย” จูเซสะบัดมือเขาออกด้วยความจนใจ อ้าปากพะงาบๆเหมือนอย่างจะพูดอะไรบางอย่าง ผ่านไปสักครู่ก็เห็นว่าบริเวณรอบๆมีคนเยอะไป จึงได้แต่คว้าตัวจูเย่นเดินออกมา ทั้งยังกล่าวแกมกำชับ “ไม่อนุญาตให้พวกเจ้าดักฟัง มิเช่นนั้นโดนแส้แน่!”

“ได้ๆๆขอรับ คุณหนูใหญ่” พวกชายร่างใหญ่พยักหน้ารับพอเป็นพิธี และก็ไม่มีใครออกไปข้างนอกจริงๆ

เมื่อคนทั้งสองได้เดินเข้าไปในป่าด้านข้าง ชายร่างใหญ่หัวล้านก็โยนกระดูกลงที่พื้น ถูไถมือแล้วลุกขึ้น “หัวหน้าไม่อยู่ พวกเราไม่สู้ลิ้มรสแม่สาวน้อยคนนี้สักหน่อยหรือ?”

“คิดอะไรอยู่เจ้านี่ ถ้าหากถูกหัวหน้ารู้เข้า....”

“ไปหาแม่แกนู่น!” ชายร่างกำยำอีกคนข้างๆเตะคนอ่อนแอจนล้มไปกับพื้น พลางดึงเข็มขัดออกแล้วไปที่ข้างๆกู้อ้าวเวย หลายคนที่อยู่ด้านหลังถึงกับกลืนน้ำลายแล้วเดินดุ่มๆเข้ามาอย่างใจกล้า

เดิมทีกู้อ้าวเวยก็หน้าตาสะสวย ด้วยท่าทางที่อ่อนแอบอบบางในยามนี้ยิ่งกระตุ้นชวนคนรักใคร่ทะนุถนอม

ชายร่างใหญ่เหล่านั้นเดินทางติดตามมาหลายวัน กำลังกลัดกลุ้มที่ไม่มีที่ระบาย จนล้วนแทบจะกลั้นเอาไว้ไม่ไหวแล้ว

กู้อ้าวเวยเดิมคิดจะขัดขืน แต่เมื่อเห็นว่าแขนของคนเหล่านี้ยังหนากว่าขาของนางด้วยซ้ำ ในท้ายที่สุดที่มุมปากจึงยกยิ้มบางๆออกมา “ความกล้าของพวกเจ้านับว่าไม่น้อยเลยนะ”

ชายร่างกำยำพลางถูไถมือหัวเราะลั่น โยนเชือกรัดเอวออกไปข้างๆแล้วนั่งลงบนกราบเตียง “องค์พระชายา หากท่านให้ความร่วมมือสักหน่อย ตัวพี่ย่อมช่วยให้ทรมานน้อยลงอีกนิดแน่นอน”

คนที่อยู่บนเตียงยังคงไม่เคลื่อนไหว เพียงแต่เลิกคิ้วมอง “ร่วมมืออย่างไร?”

““คิดไม่ถึงว่าท่านที่เป็นพระชายาจะเป็นคนซื่อ”พวกผู้ชายด้านหลังหัวเราะเกรียวกราว กู้อ้าวเวยยิ้มบางและปล่อยให้ชายตรงหน้าดึงนางขึ้นมาเล็กน้อย ชายร่างกำยำดวงตาลุกโชน แต่นังไม่ทันที่จะถอดเสื้อของนางออก อาการปวดร้อนก็แล่นเข้าที่หัวไหล่

กู้อ้าวเวยกัดไหล่ชายร่างกำยำอย่างดุเดือด นางรู้อยู่แล้วว่าเนื้อส่วนไหนที่จะเกิดอาการเจ็บและกัดเข้าได้ง่าย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์