บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 150

บทที่ 150 เมืองเฮยสุ่ยริมน้ำ

หลิ่งหนานตระกูลหยุนซ่อนเร้นอยู่ในป่าเขา กลับดูแลจัดการกิจการของแคว้นอย่างลับๆ ได้รับการปกป้องโดยแคว้นชางหลานและกองกำลังอารักขาลับ ทุกคนล้วนเชี่ยวชาญทักษะการแพทย์ น้อยที่จะมีนักรบปรากฎ ซึ่งขึ้นอยู่กับกองกำลังอื่นๆของโคตรเหง้าที่เหลืออยู่

หลังจากที่ในอดีตโหวเซ่อออกจากตระกูลหยุนและตัดขาดออกไป ได้ละทิ้งทักษะการแพทย์ที่ได้เรียนรู้จากหลิ่งหนานตระกูลหยุนแล้วหันเหสู่การเป็นนักลอบสังหารและการสืบสวนข่าวกรอง ตั้งตนเป็นศัตรูกับทุกแว่นแคว้นสร้างศัตรูนับไม่ถ้วนทั่วสี่คาบมหาสมุทร

และด้วยสาเหตุนี้เอง โหวเซ่อแทบจะทุกคนรังเกียจและแค้นตระกูลหยุนในอดีตเข้ากระดูก

ความคับแค้นหลายศตวรรษที่ผ่านมาไม่เคยจางหายไปแต่กลับทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เนื่องจากเหตุการณ์ในอดีตเกือบทุกคนของโหวเซ่อได้ตกค้างมาเป็นโรคร้ายและถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งสองฝ่ายต่อให้ไม่เหมือนอดีตที่ผ่านมา แต่ยังคงต่อต้านเหมือนเช่นน้ำกับไฟ

ทั้งหมดนี้จูเย่นเป็นคนเล่าให้นางฟังขณะอยู่บนหลังม้า แต่ยังคงสีหน้าแย่ใส่นาง “อย่าได้คิดว่าเจ้าไม่เคยไปหลิ่งหนานตระกูลหยุน แล้วจะสามารถล้างบาปได้จริงๆ”

แน่นอนว่าข้าไม่สามารถลางบาปได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ตราบใดที่เกิดมาก็ต้องแบกรับบาปกรรม อย่างน้อยที่สุด ตั้งแต่ตอนที่เจ้ากินเนื้อคำแรกก็มีบาปแล้ว” กู้อ้าวเวยกลับรู้สึกว่าสองพี่น้องตระกูลจูนี้ถึงแม้ว่าจะนิสัยอารมณ์ร้อน แต่บางทีก็เป็นเพราะพวกเขาอยู่ในสถานะตำแหน่งสูงย่อมเห็นสิ่งต่างๆมามากกว่า จะทำการใหญ่จึงไม่สามารถทำแบบครึ่งๆกลางๆได้

เมื่อรู้ว่าไร้ปัญญาทำให้กู้อ้าวเวยอัปยศอดสู ไม่สามารถกระตุ้นเจตนา ตรงจุดนี้นับว่าเปิดใจกว้างมาก

“เจ้านี่ช่างยั่วโมโหคนจริงๆ” จูเย่นเพิ่มความเร็วด้วยสีหน้าบูดบึ้ง พวกเขากำลังเดินทางผ่านระหว่างป่าเขา ระยะห่างของเมืองเฮยสุ่ยริมน้ำยังห่างไกลนัก

ภาพภายนอกของเมืองเฮยสุ่ยเรียกว่าหลินเจียง(แม่น้ำหลิน) ส่วนใหญ่ล่องมาทางเรือ และตำแหน่งของพวกเขาตั้งอยู่ที่ริมห้วยน้ำสาขาสายหนึ่งของฝั่งแม่น้ำ สถานที่นี้ไม่เป็นที่รู้จักของเรือทางการหรือเรือพ่อค้า ล้อมรอบด้วยสัตว์ป่าและป่าเขา ไม่มีถนนเข้าไป หากต้องการจะหาที่นี่ให้พบจำเป็นต้องอาศัยพื้นเพไม่น้อย

ส่วนใหญ่ในตลาดมืดแม้แต่หญิงสาวของซ่องอื่นๆก็ได้ขนส่งออกจากที่นี่ แต่ในทำนองเดียวกัน ทุกคนของที่นี่ไม่สมควรที่จะยั่วยุ ส่วนใหญ่เหล่านี้เป็นสถานที่ดีของพวกอาชญากรที่ถูกหมายจับแต่ร่ำรวยมีเงิน

เมื่อข้ามภูเขาหนึ่งลูก ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเมืองเฮยสุ่ยอันเร้นลับ

แทบทุกคนในเมืองเฮยสุ่ยล้วนหยาบคายไร้มารยาท ชาวต่างถิ่นหรือชาวหยวนจงล้วนลี้ภัยมารวมกันที่นี่ แต่จูเย่นได้นำนางเข้าไปในซ่องแห่งหนึ่ง

“เข้าไปสิ” จูเย่นมอบทองคำแท่งสองก้อนให้กับแม่เล้า จากนั้นจึงผลักนางเข้าไปข้างใน

ซ่องของที่นี่ไม่เหมือนกับซ่องเมืองเทียนเหยียนที่หรูหราสง่างามแบบนั้น ผู้หญิงที่นี่เกือบทุกคนเสื้อผ้าขาดวิ่นแทบจะปกปิดร่างไว้ไม่ได้ อีกทั้งภายในห้องโถงก็ชุลมุนวุ่นวาย กระทั่งมีผู้ชายไม่น้อยที่กำลังเล่นเกมนับนิ้วดื่มสุรา ถ้าหากไม่ใช่ว่าข้างกายยังมีหญิงสาวเย้ายวนอยู่หลายนาง ไหนเลยจะมองออกว่าที่นี่เป็นแหล่งซ่อง

แม่เล้าคนนั้นนำพวกเขาไปพักผ่อนที่ห้องแห่งหนึ่งบนชั้นสอง สายตากวาดมองบนเรือนร่างของกู้อ้าวเวยอย่างละเอียด ดวงตาพลันสว่างวาบ “คุณชายเจ้าคะ คนที่ท่านนำมาด้วยมีผิวพรรณดี ไม่สู้ให้ข้าสอนสักหน่อย ถ้าขายออกน่าจะได้ราคาดีเลยน้า”

“นำอาหารมา ให้ขังนางไว้ในสถานที่ที่แข็งแรงที่สุดของพวกเจ้า อย่าให้คนหนีไปได้ จงดูแลให้ดีเท่าชีวิต” จูเย่นนำกู้อ้าวเวยผลักเข้าไปด้วยสีหน้าทะมึน

ขณะที่รับนางมาแม่เล้าพยักหน้าด้วยความลนลาน เมื่อรับตำลึงเงินจากมือจูเย่นมาจึงได้ไปจัดการอย่างหน้าชื่นตาบาน

ยิ่งเป็นสถานที่ที่ไม่มีคนควบคุมเช่นนี้ กฎระเบียบก็ยิ่งต้องแข็งแกร่ง แม่เล้านำนางมายังห้องเก็บฟืนที่หน้าต่างถูกปิดตายด้วยโซ่เหล็ก เมื่อเห็นสภาพแวดล้อมของที่นี่ว่าพอใช้ได้ จึงให้คนย้ายเตียงและเครื่องนอนเข้ามา ทั้งจีบปากจีบคอกล่าว “เจ้ายังโชคดี แต่ยังมีเด็กสาวอีกหลายคนที่ฝ่าฝืนกฎต้องถูกขังอยู่ที่นี่ในภายหลัง เจ้าอย่าได้ช่วย มิเช่นนั้นแม้แต่เจ้าข้าก็จะสั่งสอน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์