บทที่ 169 ความปรารถนาของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา – ตอนที่ต้องอ่านของ บุบผาร้อยเสน่ห์
ตอนนี้ของ บุบผาร้อยเสน่ห์ โดย ลิ่วเยว่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 169 ความปรารถนาของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 169 ความปรารถนาของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา
“ท่านรู้?” กู้อ้าวเวยค้ำเตียงแล้วลุกขึ้นไป นางรู้สึกปวดไหล่และข้อมือเล็กน้อย
“ข้าแค่คาดเดา แท้ที่จริงแล้วเจ้าต้องการทำสิ่งใด?” ซ่านจินจื๋อนั่งลงที่ขอบเตียง มองนางอย่างจริงจัง
กู้อ้าวเวยไม่พูดไม่จา หลังจากเปลี่ยนยานางก็รีบนอนลงบนเตียงแล้วหลับไป
รู้ว่าตนถามอะไรไม่ได้ ซ่านจินจื๋อเพียงพยักหน้าแล้วหลับไป วันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนไปจากสถานที่แห่งนี้ เพื่อไปยังเมืองถัดไป
ทันทีที่เข้ามาในเมือง ก็เห็นโคมไฟสวยงามประดับประดาอยู่ในเมือง เนื่องจากการต่อสู้กระบี่ชิงซวงของหลิ่งหนาน เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณใกล้เคียง เจ้ายุทธภพทั้งหลายจึงพากันมาที่นี่ บรรยากาศคึกคักเป็นอย่างมาก
กู้อ้าวเวยเดินเที่ยวเตร่ผ่านไป แล้วไปหน่วยการแพทย์เพื่อซื้อสมุนไพรที่มีเพียงที่นี่ จนถึงเวลาเที่ยงวัน พวกเขามาหยุดพักเหนื่อยในร้านอาหาร
“แม่นาง คืนนี้มีเทศกาลโคมไฟ ผู้ที่มีความสามารถในการประพันธ์จะประชันกลอนที่ริมแม่น้ำในเมือง แม่นางไม่อยู่ที่นี่สักสองสามคืนหรือ?” ชายผู้มาส่งอาหารกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าไม่ชอบประชันกลอน ยังมีสิ่งน่าสนใจอื่นๆไหม?” กู้อ้าวเวยลากชามบะหมี่หยางชุนมาตรงหน้า
“แม่นางมาได้ถูกเวลา ที่นี่มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ถ้าหากแม่นางไม่ชอบจริงๆ เช่นนั้นก็ไปเช่าเรือในตอนกลางคืน มีอาหารว่างอร่อยถูกปาก ยิ่งไปกว่านั้นสามารถชมบรรยากาศที่แสนคึกคักบนชายฝั่ง และได้ลอยโคมในตอนกลางคืน” ชายผู้นั้นพูดเกินจริง ท่าทางร่าเริง
ซ่านจินจื๋อใช้สายตาเย็นเยือกบังคับชายผู้นั้นให้ถอยไป แต่กู้อ้าวเวยกลับรู้สึกตื่นเต้น
ในเมื่อมาแล้ว มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เข้าร่วม
พอคิดได้เช่นนี้ กู้อ้าวเวยจึงรีบจองห้อง เฉิงซานทนดูไม่ได้: “ฮูหยิน ร่างกายแม่นางพ่านเอ๋อยังมีพิษร้ายอยู่ พวกเราท่องเขาลำเนาไพรเช่นนี้…”
“พวกท่านสามารถกลับไปก่อนได้ แต่ข้ายังไม่อยากกลับเทียนเหยียน” กู้อ้าวเวยตอบ นางผลักหน้าต่างที่อยู่ด้านข้างออก มองดูภาพคึกครื้นด้านล่าง นางรับประทานอาหารอย่างสบาย
เฉิงซานมองซ่านจินจื๋อเพื่อขอความช่วยเหลือ เขาสีหน้านิ่ง: “กลับเทียนเหยียน”
“หากท่านจะกลับท่านก็กลับ” กู้อ้าวเวยเลิกคิ้ว: “ข้ายังมีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ หากกลับเทียนเหยียนแล้ว ข้าคงออกมาไม่ได้อีก”
“เทียนเหยียนดีกว่าด้านนอกตั้งหลายพันเท่า”
“แต่ข้าไม่อยากเป็นคนที่ถูกคุมขังหมดอิสระ” กู้อ้าวเวยไม่มีอารมณ์ที่จะรับประทานอาหารต่อทันที นางหยิบเพียงขนมเค้กเข้าปาก: “ท่านคุมขังซูพ่านเอ๋อไว้ในตำหนักอ๋อง ตอนนี้ แม้แต่ข้าก็อยากจะถูกคุมขังหรือ?”
สายตาที่ชัดเจนของกู้อ้าวเวยมองไปที่ซ่านจินจื๋อ
คำว่า คุมขัง แค่สองคำ ทำให้ซ่านจินจื๋อไม่มีคำพูด ซูพ่านเอ๋อป่วยหนักและไม่สามารถไปไหนได้ สถานที่ที่ไกลที่สุดที่เคยไปคือประตูซือเหมิน วิวทิวทัศน์ที่เคยเห็นไม่มีอะไรมากไปกว่านี้
ยิ่งคิดมากเท่าไร ซ่านจินจื๋อก็ยิ่งรู้สึกเสียใจต่อซูพ่านเอ๋อมากเท่านั้น
กู้อ้าวเวยมองดูเขาทุกอย่างด้วยสายตา นางรู้ว่าหากพูดถึงซูพ่านเอ๋อ ปัญหาต่างๆก็ได้แก้ตกไปตามๆกัน ซูพ่านเอ๋อคือคำสาปแช่งของพวกเขาคนใดคนหนึ่ง เหมือนหนอนในกระดูกข้อเท้า กู้อ้าวเวยไม่มีทางโกหกตัวเองได้ว่าไม่เคยหวั่นไหวกับซ่านจินจื๋อ
เพราะสัญญาลับกับซ่านจินจื๋อ
แต่ตอนนี้ พื้นผิวที่เงียบสงบได้ถูกทำลาย แท้จริงแล้วคือใครที่หลอกความรู้สึกใครก็มิอาจรู้ได้
ซ่านจินจื๋อหลอกนางเพื่อซูพ่านเอ๋อ
นางหลอกซ่านจินจื๋อก็เพื่อแก้แค้นซูพ่านเอ๋อ
เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเพราะเบาๆ: “มนุษย์นั้น มีส่วนดีส่วนเสียอยู่ในตัวคนเดียวกัน”
ริมฝั่งประกายไฟระยิบระยับ โคมไฟนับไม่ถ้วนลอยอยู่ที่ทะเลสาบ ขบวนที่เดินอยู่บนสะพาน ในมือถือโคมไฟสีน้ำเงิน ท่าเรือมีผู้ที่มีความสามารถในการประพันธ์ประชันกลอน มีหญิงสาวไม่น้อยนั่งอยู่ลำพังบนตึกสูงกำลังป้องปากหัวเราะเบาๆ
แต่กู้อ้าวเวยนั่งอยู่บนหัวเรือ นางปิดหน้าครึ่งหนึ่ง กำลังกินอาหาร: “ทำไมท่านต้องตามข้ามา? ข้าจำได้ว่าท่านไม่ชอบสิ่งที่น่าเบื่อหน่ายเหล่านี้ เฉิงยียังเคยบอกว่าแม้แต่โรงละครท่านก็ไม่ไป”
นางต้องการมาพักผ่อนโดยลำพัง แต่คิดไม่ถึงว่าซ่านจินจื๋อจะตามนางไปทุกก้าว และขึ้นไปบนเรือ
ซ่านจินจื๋อมองสายตาของตนด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
บรรยากาศเงียบสงบ กู้อ้าวเวยก็ไม่ไปสนใจอีก จนกระทั่งดอกไม้ไฟจุดขึ้นสู่ท้องฟ้า กู้อ้าวเวยกระโดดเหมือนเด็ก นางคว้าจับหัวเรือไว้แล้วมองดูดอกไม้ไฟที่ปะทุอยู่บนท้องฟ้า
ซ่านจินจื๋อมองดูนางด้วยความไร้เดียงสา
ในท้องฟ้าที่สว่างพร่างพรายเช่นนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะถาม: “หากข้ากลับเทียนเหยียนแล้ว เจ้ายังต้องการดึงดูดให้โหวเซ่อออกมาไหม?”
“ต้องการ”
“เจ้าพาตัวเองไปอยู่ในที่อันตราย” ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้ว
“แต่ข้าต้องเอาเหลียนจื่อเกิงของข้ากลับ” กู้อ้าวเวยเห็นว่าดอกไม้ไฟค่อยๆสลายตัวไป ก็ลุกขึ้นยืนตรงหน้าซ่านจินจื๋อ นางจับหุ่นไม้รูปแมวเชือกสีแดงตรงเอว พูดเสียงต่ำ: “เป็นครั้งแรกที่มีคนให้มีดกับข้า ข้าจะต้องเอากลับมาอย่างแน่นอน”
ดูเหมือนว่าซ่านจินจื๋อจะคิดออก ก่อนหน้านี้ซ่านจวนฮ่าวเคยให้มีดกับกู้อ้าวเวย แต่กู้อ้าวเวยไม่ต้องการแม้แต่จะใช้มัน
เขาสีหน้าหนักอึ้งไปทั้งหน้า ด้านหลังกู้อ้าวเวย ดอกไม้ไฟนับไม่ถ้วนค่อยๆจุดขึ้น เขาระงับความโกรธ: “เพื่อมีดเล่มเดียว เจ้าต้องเอาชีวิตไปเดิมพัน?”
“ข้ายินยอม” กู้อ้าวเวยยกมุมปาก แต่ความเจ็บปวดนั้นยังคงเอ่อล้นออกมา ดอกไม้ไฟด้านหลังส่องสว่างมาที่ใบหน้านาง เปรียบเสมือนคราบน้ำตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...