บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 208

บทที่ 208 ทางออกที่สมบูรณ์แบบ

“หากว่าท่านต้องการจะต่อกรกับอ๋องจิ้งจริงๆ ถ้าเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นตั๊กแตนห้ามรับหรอก มันไร้ประโยชน์เปล่าๆ”

กู้อ้าวเวยทำเพียงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ต่อมาก็ดูเหมือนเข้าใจอะไรขึ้นมา จึงหัวเราะเบาๆ “เมื่อครู่ไม่ใช่ท่านพูดถึงจุดประสงค์ของข้าหรอกรึ ดังนั้นข้าถึงได้บอกจุดประสงค์ของข้าให้ท่านฟังอยู่นี่ไง แต่ว่าต้องโค่นอ๋องจิ้งให้ล้ม ข้ามีวิธีอื่นอีก สิ่งที่ข้าต้องการก็แค่หลังจากที่ท่านมีย่างก้าวที่มั่นคงแล้วจะสามารถสนับสนุนอยู่เบื้องหลังข้าได้”

ได้ยินถึงตรงนี้ เสี่ยวหงก็ปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมาเสียแล้ว

ส่วนเมิ่งซู่กลับแย้มยิ้มพิมพ์ใจ ดูท่านางยังคงเป็นเอ่อร์ชิงคนก่อนอยู่เหมือนเดิม ปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงใจที่สุด

“แต่ตอนนี้ท่านคือพระชายาอ๋องจิ้งแล้วนะ วันหน้ายิ่งต้องมีทายาทให้อ๋องจิ้ง หากไม่ใช่ทำเพื่ออ๋องจิ้ง วันหน้าท่าน...”

“หากว่าข้ากลายเป็นหมอเทวดาอันดับหนึ่ง ทั้งยังมีผู้มีพรสวรรค์ขนาดท่านคอยจุนเจือด้วย วันหน้าต่อให้ข้าถูกลดขั้นเป็นสามัญชน ก็จะต้องเป็นพลเรือนที่ร่ำรวย ไม่ทุกข์ยากอย่างแน่นอน” กู้อ้าวเวยยิ้มบางๆ พลางมองไปที่เมิ่งซู่ “วันหน้าท่านขึ้นสู่ตำแหน่งขุนนาง ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจใครทั้งนั้น เพียงแค่ต้องรักษาตำแหน่งให้มั่นและช่วยข้าได้ก็พอ หากท่านคิดว่าภายภาคหน้าอ๋องจิ้งจะได้เป็นกษัตริย์ คอยเกื้อกูลเขาซ้ายขวาก็ไม่เป็นไรหรอก”

“หากข้าช่วยอ๋องจิ้ง เช่นนั้นจะไม่เป็นศัตรูของท่านหรอกหรือ” เมิ่งซู่เปลี่ยนน้ำชาในมือของกู้อ้าวเวยเป็นน้ำอุ่นอย่างไม่มีสุ้มไม่มีเสียง และยิ่งอดไม่ได้ที่จะมองไปที่หน้าท้องน้อยๆ ของนาง ปลายนิ้วกำหูแก้วเอาไว้แน่น

“ไม่หรอก ท่านกับข้าเป็นสหายกัน และเป็นสหายกันเรื่อยไป เรื่องส่วนรวมก็ต้องทำร่วมกัน” กู้อ้าวเวยยิ้มบางๆ คราวนี้ถึงเรียกเด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อเข้ามา สั่งอาหารเพิ่มจำนวนไม่น้อยเลย ส่วนใหญ่ก็เตรียมไว้ให้เมิ่งซู่ทั้งนั้น

บนโต๊ะอาหารนี้ กู้อ้าวเวยได้ตรวจวัดชีพจรให้แก่เมิ่งซู่ไปด้วย เมิ่งซู่คนนี้ร่างกายก็ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อีกต่อไปแล้ว

ระหว่างทั้งสองคนนั้นไร้ถ้อยคำดุจดั่งเมื่อก่อน เพียงแต่จู่ๆ กู้อ้าวเวยก็เลิกคิ้วขึ้นมา ลูบทรวงอกหนึ่งที “ข้ากลับลืมเรื่องหนึ่งไปเสียสนิทเลย”

“อะไรนะ” เสี่ยวหงเงยหน้าขึ้นมาจากชามข้าวเต็มแรง

“ถ้าหากพวกท่านมาในตอนนี้แล้ว ถึงเวลานั้นไปที่เทียนเหยียนแล้ว จะไปปักหลักอยู่ที่ใดกัน” ทันใดนั้นกู้อ้าวเวยก็เป็นกังวลขึ้นมา ถ้าหากนางช่วยออกหน้าจัดการให้ คนอื่นย่อมต้องจับจ้องพวกเขาเป็นธรรมดา แต่หากตนไม่ช่วยเหลือ เมืองเทียนเหยียนสถานที่แห่งพวกขุนนางชั้นสูงคนร่ำรวยนั่น ก็ไม่รู้ว่าเด็กเสี่ยวหงจะไปก่อเรื่องกับใครเข้าหรือเปล่า

“ปักหลักไปเรื่อยเปื่อยก็ได้แล้ว”

“แต่มีเงื่อนไขว่าเจ้าจะไม่ก่อเรื่อง ตลอดทางนี้เจ้าหาเรื่องคนไปไม่น้อยเลยทีเดียวนะ” เมิ่งซู่จ้องเสี่ยวหงเขม็ง เข้าใจความหมายของกู้อ้าวเวยในทันที

เสี่ยวหงลูบปลายจมูก “นั่นไม่ใช่เพราะข้าทนไม่ได้กับปากและสีหน้าของคนพวกนั้นที่มักจะรังแกนายน้อยว่าไม่เป็นวรยุทธ์อยู่เรื่อย”

“เจ้ายกย่องความสามารถของนายน้อยเจ้ายิ่งกลับทำให้เรื่องแย่ลง” กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างจนปัญญา

คิดๆ ดูโดยละเอียดแล้ว ถ้าหากรบกวนให้คนของตระกูลฉีช่วยจัดแจง ก็ดูเหมือนจะโจ่งแจ้งมากเกินไป ครุ่นไปคิดมา กู้อ้าวเวยทำเพียงเกากระหม่อมเท่านั้น “ไม่รู้รอประเดี๋ยวข้าจะไปเอาเงินให้พวกท่านสักหลายตำลึงไว้ ไปเทียนเหยียนถึงแม้จะไม่สะดวกพักเรือนพักแขก แต่ถ้าหากไปเสาะหาเรือนเล็กๆ ด้านนอกเทียนเหยียนสักแห่งก็น่าจะพอได้อยู่”

“พวกเรามีเงินของเราเอง นายท่านใหญ่ก็ช่วยจัดการเรื่องเรือนเล็กๆ นอกเทียนเหยียนให้แล้ว เพียงแต่มีอยู่หนึ่งเรื่อง อาจจะต้องให้พระชา..ไม่สิ แม่นางเอ่อร์ชิงช่วยเหลือหน่อย” เสี่ยวหงวางชามและตะเกียบลง มองนางพลางยิ้มยิงฟัน

กู้อ้าวเวยเลิกหัวคิ้วขึ้น ยกมือขึ้นให้นางเอ่ยต่อไป

แต่เมิ่งซู่กลับไอขึ้นมาเสียงดัง เสี่ยวหงที่ถูกขัดจังหวะหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา เอ่ยคำต่อไปอย่างกระวีกระวาด “นายน้อย นี่มันมีอะไรต้องเขินอายด้วยเล่า นายท่านและฮูหยินต่างตั้งตารอท่านพาสาวงามกลับไปสักคนอยู่เชียวนะ”

“ต่อหน้าแม่นางเอ่อร์ชิง ยังจะพูดพล่ามอะไรอีก” เมิ่งซู่จ้องเสี่ยวหงอย่างเอาเป็นเอาตาย

เสี่ยวหงอุดปากหัวเราะไม่ยอมหยุด

“มันก็จริงนะ คุณชายเมิ่งถึงวัยแล้วนี่นา เพียงแต่ผู้หญิงเทียนเหยียนกลัวแต่ว่าจะไม่ต้องตาคนจากสลัม ถ้าหากเป็นไปได้ รอคุณชายเมิ่งมีคนในดวงใจเสียก่อนค่อยว่ากันอีกจะดีกว่า ถึงตอนนั้นข้าจะช่วยจับคู่และทอดสะพานให้ด้วยตัวเองเลย” กู้อ้าวเวยยิ้มแป้น นางกลับลืมเลือนความรักระหว่างหญิงสาวเหล่านี้ไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์