บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 218

บทที่ 218 หยั่งเชิงดูสักตั้ง

เมิ่งซู่ที่ถูกมองทะลุปรุโปร่งทำเพียงนั่งลงข้างกายของนาง และรินน้ำอุ่นให้นางหนึ่งแก้ว

“ท่านก็ยังคงฉลาดอยู่ปานนั้น แต่สิ่งที่ข้าอยากพูดอาจจะทำร้ายท่านก็ได้” เมิ่งซู่เอาแก้วน้ำยืนให้ถึงมือนางอย่างจนปัญญา “ข้าอยากรู้ว่าท่านประสบอะไรมาบ้าง อยากรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในจวนอ๋องจิ้ง ข้าอยากรู้ว่าควรเลือกคนที่ข้าสนับสนุนอย่างไรดีถึงจะถูกต้อง”

การย้อนรำลึกถึงอดีต มันจะทำให้บาดแผลที่เคยประสบมาฉีกทึ้งเป็นเสี่ยงๆ

แต่ปากแผลของนางแต่เดิมก็ยังไม่ได้หายดี ดังนั้นนางทำเพียงปริปาก และบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่นางรู้กับเมิ่งซู่โดยละเอียด รวมถึงเรื่องการเมืองเหล่านั้นที่นางเคยได้ยินในห้องหนังสือ และสถานการณ์ของแคว้นที่นางเคยเห็นมาก่อนด้วย

ขณะเดียวกันก็รวมถึงหิมะแรกในคืนหน้าหนาว กอปรกับเสียงที่ตกลงมาว่ามันลุ่มลึกมากเพียงใด

ขณะที่เล่าทุกสิ่งเสร็จสิ้น น้ำอุ่นในแก้วของนางก็เย็นเยียบไปตั้งนานแล้ว “สิ่งเหล่านี้ไม่ได้สลักสำคัญเลย ในเมื่อวันนี้ได้บังเอิญพบกัน ข้าก็เชื่อมั่นว่าพระเจ้าอยากให้โอกาสข้าอีกครั้งหนึ่ง”

“ท่านคิดจะทำอะไร”

“ผ่านไปอีกสักพัก ข้าจะคิดหาวิธีทางหนีไปจากเขา ข้าก็จะกลายเป็นศัตรูของเขา” กู้อ้าวเวยวางน้ำที่เย็นตัวลง ขณะเดียวกันก็มองไปทางเมิ่งซู่ “ข้าไม่ต้องการให้ท่านได้รับผลกระทบจากความเกลียดชังของข้า ดังนั้นข้าจะให้ความช่วยเหลือท่านในฐานะเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น ท่านไม่จำเป็นต้องปกป้องข้า ขอเพียงปกป้องตระกูลหยุนของข้าก็พอ ข้าจะตอบแทนแน่”

กล่าวพลาง กู้อ้าวเวยก็ก้มหน้าลงอย่างจริงจัง

เมิ่งซู่เป็นทองหนึ่งแท่งในโคลนตม ขอเพียงความคิดเหล่านั้นของเขาได้รับการยอมรับจากผู้อื่น ขอเพียงนางสามารถติดต่อและนำปัจจัยสำคัญเหล่านั้นไปประยุกต์ใช้ได้ เช่นนั้นโลกของแคว้นชางหลางก็จะเปลี่ยนไป

“ท่านก็เชื่อข้าทั้งอย่างนี้ เชื่อมั่นในพลังแบบนี้ของข้า?”

“เชื่อมั่นไร้ข้อกังขา” กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง “อย่าได้ประเมินตนต่ำไป ท่านเกิดมาก็มีพรสวรรค์ในการเปลี่ยนแปลงโลก แต่คนมากความสามารถในราชสำนักล้วนฉลาดวางอุบายแยบยลเหนือท่าน หากจะนำความคิดของท่านไปปฏิบัติ สิ่งที่ท่านต้องทำคือขจัดขวากหนาม และโบยบินให้สูงขึ้นไป”

บุคคลที่ได้รับการยกย่องมุ่นคิ้ว จากนั้นจึงกระตุกมุมปากขึ้น “ขอบคุณในคำสรรเสริญของท่าน ข้าขอรับปากท่าน”

“ถ้าอย่างนั้นข้าก็วางใจแล้ว” กู้อ้าวเวยยังคงพูดอย่างราบเรียบเฉื่อยชา คล้ายกับสิ่งที่ตีแผ่ออกมาเมื่อครู่ไม่ใช่รอยแผลเป็นของนางเลยสักนิด

นางรอซาลาเปาเนื้อที่ยัยไง่หงทำด้วยหัวใจเปี่ยมสุข แล้วไหนจะมีอาหารที่ถูกปากพวกนั้นอีกต่างหาก

หลังจากรับประทานอาหารหนึ่งมื้อเสร็จ นางก็สวมผ้าคลุมหน้าไว้ตามเดิม และเอาตะกร้ายาที่มีสมุนไพรจำนวนไม่น้อยขึ้นสะพายไว้บนหัวไหล่ซูบผอม ก่อนอำลาเมิ่งซู่และยัยไง่หง “ข้ากลับไปก่อนล่ะ ไม่เช่นนั้นชิงต้ายจะเป็นห่วงข้า”

“ข้าไปส่งท่านออกไปดีกว่า” ยัยไง่หงอาสาติดตาม

กู้อ้าวเวยพยักหน้าอย่างเข้าใจ ลำพังนางตัวคนเดียวออกมาเก็บเกี่ยวสมุนไพรยังเดินหลงได้ กลับไปก็ไม่แน่ว่ายังจะเดินหลงอีกครั้งก็ได้

เดินลัดเลาะตามยัยไง่หงท่ามกลางป่าเขา นางเองก็ทำแค่เอ่ยรับคำสองสามประโยคเป็นครั้งคราวเท่านั้น

รอจนกลับมาถึงข้างประตูเมืองเทียนเหยียนแล้วจึงแยกจากกัน นางมองประตูเมืองขนาดใหญ่ของเมืองเทียนเหยียน และปั้นหน้านิ่ง แน่นอนว่านางคงไม่อาจเอาเบี้ยทั้งหมดไปวางไว้ที่เมิ่งซู่ได้

นางเดินเข้าไปในประตูเมือง ทันใดนั้นเหล่าทหารก็คุกเข่าลงต่อหน้านาง ขวางทางเดินของนางเอาไว้ “ตามบัญชาของท่านอ๋อง ข้าน้อยจะพาพระชายากลับไปที่เรือนอย่างไร้อันตราย”

“ดี แต่ว่าข้ายังต้องไปสั่งสมุนไพรบางอย่างที่จี้ซื่อถางก่อนสักรอบ” กู้อ้าวเวยพยักหน้าอย่างรู้งาน ยังคงสวมผ้าคลุมหน้าตามเดิม และนำนายทหารสองคนลัดเลาะไประหว่างตลาดภายใต้สายตาประหลาดใจเล็กน้อยของผู้คน

กลับมาถึงร้านยาเหย้า ในที่สุดนายทหารทั้งสองก็จากไป

กู้อ้าวเวยชำเลืองมองดูท้องฟ้าสีมรกตแวบหนึ่ง และกวักมือเรียกชิงต้ายกับหยุนฝู “ใบไม้ผลิใกล้มาถึงแล้ว พวกเราอยากออกไปเล่นข้างนอกสักเที่ยวไหม”

“ดีสิ” เสี่ยวเหยียง พยักหน้าพร้อมยิ้มแย้ม กลับเป็นชิงต้ายที่อยู่ข้างๆ ที่มองกู้อ้าวเวยอย่างแปลกๆ “แต่ถ้าหากท่านอ๋องทราบเรื่องนี้เข้า...”

“เขาไม่ได้มาตั้งนานแล้ว จะรู้ได้อย่างไรเล่า มิเช่นนั้นพวกเราก็ไปเลยคืนนี้ ได้ยินข่าวว่าไกลออกไปเจ็บสิบลี้มี เมืองเย่น แห่งหนึ่ง ว่ากันว่ามีของอร่อยๆ ไม่น้อยเลยนะ” กู้อ้าวเวยรับยาต้มของวันนี้จากมือชิงต้ายมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะกัดฟันทนดื่มมันลงไป

ชิงต้ายเอาแต่เป็นห่วงอยู่เสมอ แต่กู้อ้าวเวยได้สั่ง เสี่ยวเหยียง ไปเตรียมรถม้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในช่วงบ่าย กู้อ้าวเวยจ้างคนขับรถม้าและตัดสินใจออกเดินทาง พุทราปายเสาแล้วไหนจะหยินเอ่อภายในเรือนนางก็ขอให้คนมาคอยดูแลแล้ว และเดินทางมาถึงเมืองแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดอย่าง เมืองเย่น โดยสวัสดิภาพ

มันแตกต่างจากเทียนเหยียนที่ดูคึกคัก เมืองเย่น กลับไม่ใช่สถานที่กองคาราวานที่มีผู้คนสัญจรผ่านมากมายนัก แต่เป็นเพียงป้อมปราการแห่งหนึ่งที่อยู่นอกเมืองเทียนเหยียนเท่านั้น แต่คนที่นี่ส่วนใหญ่กลับเป็นบุตรไม่รักดีของเหล่าขุนนางบางส่วน คนที่มีภูมิหลังยังมีอยู่ไม่น้อยเลย แต่กลับมีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งนัก

ย่างเท้ามายังร้านพักแขกของที่นี่ เถ้าแก่เนี้ยที่อยู่เบื้องหน้าสวมชุดอล่างฉ่าง มองสำรวจหญิงสาวสามนางอย่างละเอียด “อัย ไม่เคยเห็นแม่นางสามคนนี้บนท้องถนนเลย เมืองเย่น แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ดีอะไรนักหรอกนะ เดี๋ยวจะเปิดห้องหลักให้พวกเจ้าก็แล้วกัน”

“เปิดสองห้องนะ” ชิงต้ายรีบพูดทันที ไหนเลยจะมีหลักการอยู่ร่วมห้องกับเจ้านายได้

เถ้าแก่เนี้ยหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา “กลัวพวกเจ้าจะไม่รู้ว่าคุณชายของ เมืองเย่น ก็ชื่นชอบแม่นางสะสวย พวกเจ้าสามคนพักอยู่ด้วยกันจะได้ดูแลทั่วถึงนะ”

กล่าวจบ เถ้าแก่เนี้ยคนนี้ก็ให้เด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อพาพวกนางไปที่ห้องหลักโดยไม่สนอกสนใจใดๆ

กู้อ้าวเวยกลับเอาเงินให้เถ้าแก่เนี้ยมากหน่อยอย่างคนรู้งาน “ขอบคุณเถ้าแก่เนี้ยมากจริงๆ เพียงแค่อยากรู้ว่าพวกของกินอร่อยๆ ในละแวกนี้อยู่ที่ไหนหรือ”

“ที่แท้ก็มาหาของกินนี่เอง แต่น่าเสียดายที่เจ้าเป็นหญิงสาวนางหนึ่ง” เถ้าแก่เนี้ยหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา และทำเพียงกวักมือเรียกเด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อที่อยู่ข้างๆ “หากเจ้าอยากจะกินอะไร ก็แค่บัญชาเด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อของข้าที่นี่ไปก็พอแล้ว”

“นี่มันทำไมกันเล่า” เสี่ยวเหยียง ไม่เข้าใจ

เด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อหลายคนที่อยู่ข้างๆ พากันหัวเราะขึ้นมา เถ้าแก่เนี้ยคนนั้นจ้องพวกเขาด้วยสายตาหลากหลาย ก่อนจะเอ่ยคำต่อไป “ติ่มซ่ำอร่อยๆ พวกนั้นล้วนอยู่ในแถวถนนซ่องชื่อเสียงอื้อฉาวกันทั้งนั้น กลัวพวกเจ้าไม่รู้ เมืองเย่น แห่งนี้ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เมืองเย่(เมืองราตรี)”

กู้อ้าวเวยทอดถอนใจอย่างจนปัญญา แต่ก็ยังคงเอาเงินจำนวนหนึ่งให้กับเด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อคนนั้น ขอให้เขาไปซื้อขนมอบกลับมา

กลับมาถึงห้อง เสี่ยวเหยียง ฟุบลงกับโต๊ะพลางถอนหายใจหนึ่งเฮือก “ดูท่าจะเป็นการมาแบบเปล่าประโยชน์จริงๆ สินะ”

กู้อ้าวเวยปราดมองนางแวบหนึ่งอย่างจนปัญญา ทำเพียงนั่งบนเตียงพลางเปิดบานหน้าต่างออกกว้าง

นี่ไม่ใช่การมาอย่างเปล่าประโยชน์หรอก และดูเหมือนชิงต้ายที่อยู่ข้างกายจะตระหนักถึงจุดมุ่งหมายในการมาครั้งนี้ของนางแล้ว ทำเพียงจัดข้าวของให้เป็นระเบียบเท่านั้น “คุณหนูนับว่าเริ่มเคลื่อนไหวแล้วหรือยังเจ้าคะ”

“แค่อยากหยั่งเชิงดูสักหน่อยเท่านั้นเอง” กู้อ้าวเวยกระตุกมุมปาก

ในเมื่อนางกลับมาจากด้านนอก ซ่านจินจื๋อก็จะให้คนส่งนางกลับไปที่ร้านยาเหย้า ถ้าอย่างนั้นหากนางมาถึงเมืองเย่น เช่นนั้นซ่านจินจื๋อจะทำอะไรได้เล่า

หากว่าซ่านจินจื๋อไม่ทำอะไรเลย เช่นนั้นนางก็จะไปร่วมมือกับองค์ชายสามได้อย่างไม่ปันใจ

แต่ถ้าหากซ่านจินจื๋อทำอะไรขึ้นมาจริงๆ เช่นนั้นนางย่อมสอดแนมรอบบริเวณอย่างระแวดระวังว่ามีคนสะกดรอยตามมาหรือไม่ จากนั้นจึงหลอกใช้ความรักครั้งนี้มาทำสิ่งต่างๆ มากขึ้นกว่าเก่า

ยกตัวอย่างเช่น แย่งเอาวันเวลาที่ซ่านจินจื๋ออยู่เคียงข้างซูพ่านเอ๋อมาให้หมด

รอจนกระทั่งช่วงเวลาที่เงียบสงัดผู้คนน้อยแล้ว เป็นครั้งแรกที่กู้อ้าวเวยไม่ได้ตื่นขึ้นมาเพราะฝันร้าย หากแต่เป็นเพราะถูกเสียงโหกเหวกที่บานประตูถูกเปิดออกปลุกให้ตื่นขึ้นมา ชิงต้ายและเสี่ยวเหยียง หลับสนิทมาก และเสียงอันคุ้นเคยซึ่งไม่ได้ยินมาเนิ่นนานก็ดังขึ้นข้างใบหูของนาง “ข้าเคยอนุญาตให้เจ้าจากไปได้ด้วยหรือ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์