บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 232

บทที่ 232 ถวายการรักษาไทเฮา

“อยากเจอข้า?”

ในหูของกู้อ้าวเวยมีเสียงหึ่งดังขึ้น นางมองขึ้นไปยังพระที่นั่งของไทเฮาด้วยความมึนงง

กลัวว่าเมื่อถูกเรียกตัวไป นางต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตนพูดไปทั้งหมดในวันนี้ หากว่าฮ่องเต้ต้องการยาอายุวัฒนะก็ยังสามารถพึ่งตระกูลหยุนได้ แต่ฝั่งไทเฮาผู้ซึ่งฝักใฝ่ในธรรมะ รู้ว่าชะตาชีวิตเป็นไปตามกฎแห่งความเป็นจริง กู้อ้าวเวยเกรงก็แต่ว่าจะทำให้ไทเฮาไม่พอใจ

แต่ก็ช่วยไม่ได้ ผิดที่ก่อนหน้านี้นางไม่กินยาให้ดี นอนไปก็ไม่กี่ชั่วยาม จึงป่วยรุนแรงขนาดนี้

กู้อ้าวเวยมึนงงอยู่ท่ามกลางงานเลี้ยงวันเกิดของไทเฮา นางประคองตัวจนจบงานเลี้ยง จากนั้นมีเสียงแหบพร่าตะโกนขึ้น เสียงนั้นปลุกให้กู้อ้าวเวยตื่นตัว ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าต่างยืนขึ้นในทันใด

“ไทเฮา! ไทเฮาทรงเป็นอะไร! เรียกหมอหลวงมาเร็วเข้า!”

บริเวณพระที่นั่งเต็มไปด้วยความโกลาหล กู้อ้าวเวยลุกยืนขึ้นในทันที นางคิดจะรีบรุดไปช่วยดูอาการของไทเฮา แต่ถูกซ่านจินจื๋อฉุดดึงไว้ท่ามกลางบรรยากาศที่วุ่นวายนั้น แล้วยังปิดปากของนางไว้

“อย่าเข้าไปยุ่งอีกเลย รอหมอหลวง” ซ่านจินจื๋อพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ราวกับว่าไทเฮาไม่ใช่แม่ที่ให้กำเนิดเขามาอย่างนั้น

มีคนเกิดเรื่องขึ้นอยู่ตรงหน้าทั้งคน แต่นางกลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย แค่คิดเช่นนั้นแล้วร่างนางก็เย็นวาบชาไปทั้งร่าง แต่ทว่านางไม่อาจดิ้นหลุดจากอ้อมแขนของซ่านจินจื๋อไปได้

ขันทีน้อยใหญ่ต่างพากันละจากข้างกายไทเฮามุ่งหน้าสู่ตำหนักหมอหลวง

หมอหลวงเหล่านั้นรีบรุดเข้ามาด้วยสีหน้าเร่งรีบ สุดท้ายแต่ละคนต่างทยอยมาคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้แล้วส่ายหัว

นี่ควรจะเป็นงานเลี้ยงฉลองวันเกิดไทเฮาถึงจะถูก

กู้อ้าวเวยดึงมือที่ปิดปากของนางไว้อยู่นั้นออกได้ทันการ นางได้ยินทุกสิ่งที่หมอหลวงเหล่านั้นวินิจฉัยอย่างชัดเจน นางจึงเอ่ยปากขึ้นว่า “ข้ามีวิธี เร็วเข้า รีบปล่อยข้า”

ซ่านจินจื๋อจ้องมองกู้อ้าวเวยผู้ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ แล้วเริ่มไตร่ตรองถึงลำดับความสำคัญของสถานการณ์นี้

หากปล่อยให้กู้อ้าวเวยออกหน้าไปในครานี้ มันจะเป็นการสร้างศัตรูอย่างมากมายเหลือคณาซึ่งไม่ใช่แค่เพียงกับกู้อ้าวเวยเท่านั้น แต่รวมไปถึงตัวเขาเองด้วยเช่นกัน แต่หากไม่ปล่อยให้กู้อ้าวเวยลงมือแล้วละก็ เสด็จแม่ก็อาจจะ……

“นั่นท่านแม่ของท่านนะ”

“นางไม่เคยเลี้ยงดูอะไรข้านักหรอก”

“นั่นก็เป็นชีวิตคนคนหนึ่ง” กู้อ้าวเวยมองซ่านจินจื๋อด้วยสายตาที่เหลือเชื่อ นางไม่รู้เลยว่าซ่านจินจื๋อจะเลือดเย็นได้ถึงเพียงนี้: “ระหว่างข้ากับท่าน เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย หากว่าข้าเกิดมีอันเป็นไปจากการถวายการรักษาไทเฮา ท่านก็จะได้ลงเอยกับพ่านเอ๋อของท่านอย่างไรเล่า”

คำพูดประโยคนี้เข้าไปทำปฏิกิริยาในใจของซ่านจินจื๋อเข้าอย่างจัง ในจังหวะที่เขาตะลึงงันไปชั่วขณะนั้น กู้อ้าวเวยก็ได้หนีออกมาจากอ้อมแขนของเขา แล้วแทรกตัวฝ่าฝูงคนที่อยู่ตรงหน้าจนเข้าไปถึงตัวไทเฮา

ฮ่องเต้คิดอยากจะเข้าไปห้ามปรามนางไว้ เนื่องจากไม่มั่นใจว่ากู้อ้าวเวยนั้นได้รับสืบทอดความสามารถทางการแพทย์ของตระกูลหยุนมารึไม่ แต่ซ่านจินจื๋อได้เข้าไปหยุดฮ่องเต้ไว้: “เสด็จพี่ ให้นางลองดู”

เมื่อเห็นซ่านจินจื๋อพูดรับรองอย่างแน่วแน่เช่นนั้น ฮ่องเต้จึงยอมเลือกที่จะเชื่อ ให้นางลองดู

แต่ซ่านจินจื๋อได้คิดวางแผนไว้อยู่ในใจแล้วว่า หากกู้อ้าวเวยไม่สามารถช่วยรักษาพระอาการของไทเฮาได้ในวันฉลองวันเกิดของไทเฮานี้นางจะต้องได้รับโทษ แต่เขาเองจะรอดตัวเพราะเป็นคนในครอบครัวของตนเอง และหากนางเกิดสามารถช่วยรักษาไทเฮาขึ้นมาได้จริง แน่นอนว่าไทเฮานั้นจะต้องหันมามองตนในทางที่ดีขึ้นเป็นแน่ เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว

ไทเฮาไอเป็นเลือดไม่หยุด ตาทั้งสองล่องลอยจนเริ่มจะเหลือก กู้อ้าวเวยเกรงว่าไทเฮาที่อยู่ในอ้อมกอดของคนรับใช้เช่นนั้นจะทำให้สำลักเลือดของตัวเอง จึงรีบพยุงร่างนางขึ้น ทำการตรวจชีพจร แล้วจึงตะโกนขึ้นมาว่า: “พวกเจ้าถอยไป เปิดทางหน่อย ข้าจะฝังเข็มให้ไทเฮา”

“พระชายาจิ้ง นี่มันเรื่องคอขาดบาดตาย! ไทเฮาพระวรกายอ่อนแอ หากทำการฝังเข็มไปสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วล่ะก็……”

“ระยะหลังมานี้ ไทเฮามีอาการนอนไม่หลับ รู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในคอตลอดเวลา รู้สึกเหนื่อยง่ายใช่รึไม่” กู้อ้าวเวยพูดร่ายอาการแต่ละอย่างที่ควรจะมีของโรคนี้ออกมาอย่างฉะฉาน หมอหลวงทั้งหลายต่างรีบพยักหน้า จ้องมองกู้อ้าวเวยด้วยความประหลาดใจ

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จงรีบไปต้มยา” พูดจบ กู้อ้าวเวยที่ก็ไม่รู้ว่าไปเอาแรงมาจากไหนพยุงร่างไทเฮาขึ้น และช่วยกันกับผู้คุ้มกันพาไทเฮาย้ายไปยังตำหนักรองที่ไม่มีคน

ส่วนซ่านจินจื๋อนั้นคอยเฝ้าดูด้วยความเป็นห่วงและกังวลอยู่โดยตลอดจากมุมด้านหลังของกู้อ้าวเวย

อาการป่วยของไทเฮาเรื้อรังมาหลายทศวรรษแล้ว ในสมัยก่อนที่ฮ่องเต้จะขึ้นครองราชย์ ไทเฮาเคยไปตรากตรำพระวรกายอยู่ที่สำนักนางชี และเริ่มล้มป่วย ตลอดระยะเวลาที่ยาวนานมานี้ แม้แต่หมอหลวงก็ไม่สามารถช่วยรักษาไทเฮาได้

หรือทักษะทางการแพทย์ของกู้อ้าวเวยจะเหนือชั้นจริงๆ

เมื่อมาถึงตำหนักรอง กู้อ้าวเวยก็สั่งให้ทุกคนแยกย้ายออกไป เหลือไว้เพียงนางรับใช้ที่หัวไวสองคน นางเริ่มนำเข็มมาฝังให้ไทเฮา ไทเฮามีลมหายใจที่รวยริน ร่างกายอ่อนแรง แต่ในมือนางกลับกำลูกประคำเอาไว้แน่น

แม้อาการลักษณะนี้จะไม่ค่อยได้พบเห็น แต่มันมีวิธีการรักษาอย่างแน่นอน

กู้อ้าวเวยจำไม่ได้แล้วว่า ในประวัติศาสตร์ใช้เวลานานเท่าไหร่จึงได้ใบสั่งยารักษาโรคนี้มา แต่นางก็จะทำ

ไม่มีอีกแล้ว ฮ่องเต้รึฮองเฮาที่จะสามารถเป็นที่พึ่งพา ในวันนี้เหลือเพียงไทเฮาที่ยังสามารถเป็นที่พึ่งพิง นางพยายามทำอย่างสุดความสามารถ นางไม่อยากตายเลยซักนิด

“พระชายาจิ้ง สีหน้าของไทเฮาดูเหมือนว่า……”

“ไปต้มยาตามส่วนผสมที่ข้าบอก” กู้อ้าวเวยฝังเข็มอย่างรอบคอบ หน้าผากนางเต็มไปด้วยเหงื่อ ไทเฮามีอาการตัวสั่น การฝังเข็มของนางยิ่งเป็นไปอย่างยากลำบาก คนข้างกายจึงถูกกระตุ้นไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้

เหล่าหมอหลวงที่ยืนอยู่ด้านนอกม่านทุกคนต่างสงบนิ่ง

พวกเขาเหล่านั้นต่างไม่เชื่อว่ากู้อ้าวเวยจะมีทักษะทางการแพทย์ที่เหนือชั้นถึงเพียงนี้ ในสายตาของพวกเขา หากกู้อ้าวเวยไม่ใช่บุตรสาวของเฉิงเสี้ยง นางก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่หยิ่งยโสแข็งกร้าวคนหนึ่ง

เวลาของไทเฮาใกล้หมดเต็มที เหล่าหมอหลวงต่างคิดว่ามันไร้หนทางที่จะฝืน เพียงแต่ไม่คิดว่ามันมาถึงเร็วเพียงนี้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่ยืนอยู่ที่ด้านนอกประตูรอการสิ้นลมหายใจของไทเฮา

ทันใดก็มีเสียงไออย่างรุนแรงดังออกมาจากด้านใน

ซ่านจินจื๋อเป็นคนแรกที่ดึงม่านออก สิ่งเดียวที่เห็นคือรอยเลือดที่กระจายไปเต็มพื้น

มือข้างหนึ่งของกู้อ้าวเวยพยุงหัวของไทเฮาไว้อย่างอ่อนโยน ส่วนเข็มเงินในมือก็ถูกฝังลงไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ฮ่องเต้ที่รออยู่ด้านนอกประตูระเบิดอารมณ์ขึ้น: “เสด็จแม่เป็นเยี่ยงไรกัน!”

กู้อ้าวเวยไม่ไหวติง ทำการปักเข็มเล็มยาวเล็มสุดท้ายลงไปยังตำแหน่งจุดฝังเข็มต่อไป

หลังจากไทเฮาค่อยๆได้สติกลับคืนมา นางไอขึ้นมาทันที แล้วยังอ้วกเลือดออกมาอีกหลายครั้ง แต่สายตาคู่นั้นมองไปที่กู้อ้าวเวยอย่างชัดเจน จากนั้นหน้าของกู้อ้าวเวยก็มีรอยยิ้มที่ผ่อนคลายดั่งยกภูเขาออกจากอก แล้วจึงวางไทเฮาลงอย่างเบามือ

กู้อ้าวเวยลุกขึ้นเดินออกไปทางด้านนอก ฝีเท้าอ่อนแรง

หมอหลวงทั้งหลายพุ่งไปที่ข้างเตียงของไทเฮาอย่างไม่เชื่อ ฮ่องเต้รีบตามเข้าไปด้วยอีกคน หลังจากเหล่าหมอหลวงได้ตรวจดูชีพจรของไทเฮาแล้วต่างแสดงอาการตระหนกตกใจไปตามๆกัน ดวงตาเบิกกว้างมองไปทางฮ่องเต้: “ฝ่าบาท……ไทเฮา……อาการป่วยของไทเฮาดีขึ้นแล้ว!”

“จริงรึ!” ฮ่องเต้รีบรุดมาตรงหน้าของไทเฮา

ซ่านจินจื๋อกลับเดินหันหลังออกไป มองหาจนเจอกู้อ้าวเวยที่นั่งหมดแรงอยู่ตรงขั้นบันได มือทั้งสองข้างของกู้อ้าวเวยสั่นเครือ ขอบกระโปรงถูกย้อมไปด้วยสีของเลือด แต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มบางๆ

ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่ได้ช่วยชีวิตใคร กู้อ้าวเวยก็จะมีรอยยิ้มเช่นนี้

ซ่านจินจื๋อมองดูนางอย่างเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงสั่งไม่ให้ใครเข้าไปรบกวน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์