บทที่ 236 วิหารไร้นาม
เด็กคนนั้นที่ไม่เคยได้เกิดมาคือเหตุผลของทุกสิ่งทุกอย่างที่เตรียมไว้ทั้งหมดนี้
ดูแล้วซ่านจินจื๋อก็เคยคาดหวังไว้ว่าเด็กคนนี้จะได้ลืมตามาดูโลกและเรียกเขาว่าพ่อ
แต่ก็เป็นเขาเองที่ลงมือตัดรากบาป
“ต่อไป ข้าอยากจะพักอยู่ที่นี่” กู้อ้าวเวยมองไปรอบๆห้องที่เต็มไปด้วยของตกแต่ง แล้วพูดต่อว่า: “แล้วข้าก็หวังให้เจ้าไปบอกกับซ่านจินจื๋อว่า ระหว่างข้ากับเขาจะไม่มีวันมีลูกด้วยกันอีก”
“แต่ท่านอ๋องปฏิบัติต่อท่านเป็น……”
“แม้ว่าเขาจะทำมันด้วยใจจริง แต่เขาก็เคยได้ทำร้ายข้ามาก่อน และก็ไม่เคยจะได้ช่วยเหลืออะไรข้า” กู้อ้าวเวยมีสีหน้าเย็นชาขึ้นมา แววตาลุ่มลึกอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน
ประกายแววตาคู่นั้นในเวลานี้แลดูดั่งสระน้ำลึก
กุ่ยเม่ยมองไม่ออกว่ามันมีอะไรอยู่ในนั้น แต่ก็กู้อ้าวเวยก็ได้หยิบขนมจากถุงเข้าปาก นางไม่ได้ไม่ชอบมัน แต่ในสายตาก็ไม่ได้บอกว่าชอบมันเลยแม้แต่น้อย
“ข้าทราบแล้ว” กุ่ยเม่ยพยักหน้าตอบอย่างจริงจัง แล้วจากไปอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง
กู้อ้าวเวยนอนอยู่คนเดียวบนเบาะนอนนุ่มที่สะอาดนั้น ความเหน็บหนาวราวกับอุโมงค์น้ำแข็งซึมแทรกเข้าในใจ
ซ่านจินจื๋อ ท่านยังคิดจะใช้ลูกข้ามาซื้อใจของข้า
ทั้งหมดนี้มันจะเป็นเรื่องบังเอิญไปได้อย่างไร มันก็แค่แผนการที่ซ่านจินจื๋อสร้างขึ้นเพื่อหลอกเอาใจของนาง หากที่นี่มีอยู่จริงตั้งแต่แรก ซ่านจินจื๋อจะต้องมาบอกนางตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเพื่อแสดงความจริงใจของเขา
และยิ่งไปกว่านั้น การปรากฏตัวของกุ่ยเม่ยดูมีความจงใจ เขาจะอยู่ดีๆก็โผล่มาโดยที่ไม่ได้รับคำสั่งมาจากซ่านจินจื๋ออย่างนั้นหรือ
ที่ด้านนอกวิหารไร้นาม ซ่านจินจื๋อมีสีหน้าที่เย็นชาขึ้นมาหลังได้ฟังสิ่งที่กุ่ยเม่ยบอกเล่ามาทั้งหมด: “นางช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ความสุขอยู่รอบกาย แต่นางกลับไม่รู้ว่านั่นคือความสุข”
กุ่ยเม่ยก้มหน้า ไม่พูดอะไรสักคำ
ซ่านจินจื๋อหวังไว้ว่าจะได้คนฉลาดอย่างกู้อ้าวเวยมาเป็นเครื่องมือ แต่ในความจริงแล้วนั้น ดูเหมือนว่าเขาได้สูญเสียนางไปแล้ว
“ในเมื่อนางไม่รู้ถึงเจตนาดีของข้า งั้นต่อไปก็ไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับนาง”
เขาคิดว่าจะต้องมีสักวันที่เมื่อกู้อ้าวเวยเดินไปจนถึงทางตันแล้วจะมาร้องขอความรักและคาดหวังความช่วยเหลือจากเขา
แต่เรื่องราวกับตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาปรารถนา วันทั้งวันกู้อ้าวเวยไม่เคยจะอยู่ในตำหนักอ๋อง ตอนกลางวันนางจะไปที่จี้ซื่อถาง(ร้านขายยา)สำนักเยียนหยู่เก๋อ ทานอาหารที่ร้านอาหารข้างนอกอยู่ตลอด
เมื่อข่าวคราวที่เฝ้ารอจากชิงต้ายได้มาถึง กู้อ้าวเวยจึงเรียกซ่านจินจื๋อให้ไปจวนหู้ปู้เซ่อหลาง(ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการเงิน)พร้อมกับนาง นางไม่แม้แต่จะสนใจว่าซ่านจินจื่อเพิ่งลงมาจากเตียงนอนของซูพ่านเอ๋อ
ซ่านจินจื๋อหัวเสียเป็นอย่างมาก แค่ซูพ่านเอ๋อที่แตะต้องไม่ได้ก็ทำให้เขาร้อนใจแล้ว ไฟสุมทรวงนี้ยากเกินที่จะดับ กว่าจะมีโอกาสได้ใช้เวลากับซูพ่านเอ๋อเพื่อเป็นการทดแทน ก็กลับต้องมาถูกกู้อ้าวเวยเรียกไปจัดการธุระ
ผ่านไปไม่กี่วัน กู้อ้าวเวยได้เข้าวังไปตรวจอาการของไทเฮาถึงสองครั้งแล้ว
กู้อ้าวเวยซูบผอมลงไปอีก นัยน์ตาดูซึมเศร้า ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีหนังสืออยู่ในมือไม่ห่าง เมื่อวานอ่านตำราปรุงกลิ่น วันนี้อ่านตำรากฏหมายปัจจุบันของแคว้นชางหลาน ส่วนพรุ่งนี้ก็ดูพวกตำราแพทย์ที่สับสน อย่างกับหนอนหนังสือไม่มีผิด
มาถึงจวนหู้ปู้เซ่อหลาง(ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการเงิน)โดยที่ไม่มีบทสนทนาเลยสักคำ ทันทีที่ลงจากรถม้า เหล่าภรรยาของหู้ปู้เซ่อหลางก็พากันกรูออกมา ท่านแม่เล็กรองโผตัวเข้ามาที่ข้างกายของกู้อ้าวเวยอย่างร้อนรน นางร้องออกมาเสียงดัง: “ขอพระชายาช่วยลูกข้าด้วย”
“ที่ข้ามาวันนี้ ก็เพื่อมาช่วยพวกท่านจัดการเรื่องนี้” กู้อ้าวเวยสีหน้าเรียบนิ่ง แล้วก็ยื่นกระดาษรายการใบหนึ่งแก่คนรับใช้ของจวนหู้ปู้เซ่อหลาง แล้วจึงเดินเข้าด้านใน สุดท้ายหันไปมองที่ซ่านจินจื๋อ: “หากท่านอ๋องมีเรื่องสำคัญ ก็รีบกลับตำหนักไปเถิด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...