บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 249

บทที่ 249 คำพูดของเด็กน้อยไม่จริงจัง

“พระชายาครับ คุณหนูน้อยคนนี้น่ารักเหลือเกิน”

คนรับใช้เสี่ยวเอ้อเสริฟขนมทุกชนิดของป่ายเว่ยมาให้ วางเต็มทั้งโต๊ะ เห็นอาโม่ยิ้มแฉ่งจ้องมองขนมด้วยความสุข และชิมไปทีละอย่าง

อาโม่เป็นคนที่กลัวคนที่ไม่เคยรู้จัก แต่พอคุ้นเคยกันแล้วก็จะกระตือรือร้นมาก เวลาหัวเราะมีลักยิ้มบนแก้มสองข้าง ตาโตๆ แก้มอ้วนๆ น่ารักมาก

“ว่าแต่ เมื่อกี้มีคนหนึ่งให้ข้าน้อยเอาจดหมายนี้มาให้ครับ บอกว่า เขารออยู่ที่ห้องหมายเลข 1 ของโรงเตี๊ยม” คนรับใช้เสี่ยวเอ้อตบหัวตัวเอง เดินออกไปถึงที่หัวบันไดจึงนึกเรื่องนี้ออก

ชิงต้ายกับอาโม่หัวเราะขึ้น กู้อ้าวเวยก็มองเขาไม่รู้ทำยังไง แสดงว่าอาโม่น่ารักเกินไป

รับเอาจดหมาย หน้าซองจดหมายเขียนไว้ว่า ตระกูลจู

สีหน้ามืดลง กู้อ้าวเวยมองดูอาโม่ด้วยสายตาไร้ทางเลือก จบหัวเธอเบาๆและพูดกับชิงต้ายว่า “คุณดูแลอาโม่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา”

“ท่านพี่สาวจะไปไหนคะ” อาโม่จับเอาเสื้อของกู้อ้าวเวย แววตาเต็มไปด้วยความงุนงง ถามว่า “ท่านพี่สาวไปแล้วจะไม่กลับมาอีกแล้วใช่ไหมคะ”

“ไม่ใช่ค่ะ พี่สาวแค่จะไปเจอเพื่อนคนหนึ่งเฉยๆ และจะไปซื้อของเล่นสนุกๆมาให้หนูนี่เอง” กู้อ้าวเวยดีดหน้าผากเธอเบาๆด้วยความเอ็นดู ฝากชิงต้ายดูแลอาโม่เสร็จแล้วจึงจากไป

ผู้ใหญ่กับเด็กน้อย จ้องมองตากันสักพัก และหัวเราะพร้อมกันขึ้นมา

ชิงต้ายดูแลอาโม่อย่างดี ยิ้มตลอด แถมที่เป็นคนรับใช้ของกู้อ้าวเวย อาโม่จึงไม่กลัว แต่ก็ไม่ได้สนิทมากเหมือนตอนอยู่กับกู้อ้าวเวย แค่นั่งกินขนมอย่างเงียบ

ชิงต้ายป้อมเธอกินไข่ตุ๋น ช่วยเธอเช็ดปากและถามว่า “อาโม่ แต่ก่อนหนูเคยนอนกับท่านพี่สาวของหนูเหรอคะ”

“จริงๆก็ไม่ใช่หรอกค่ะ ปกติท่านพี่สาวจะนอนน้อยมาก คุณแม่จึงให้หนูไปเฝ้าไว้ แต่บางครั้ง หนูหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้” อาโม่จับแก้มตัวเอง ดูท่าทางจะคิดถึงอดีตมาก

กู้อ้าวเวยไม่เหมือนคุณพ่อที่ไม่ให้เธอไปสัมผัสยาสมุนไพร กลับยังสั่งสอนอย่างตั้งใจ

ในขณะที่สองคนกำลังคุยกันอยู่ ได้ยินพวกคุณหนูที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆด่าคนรับใช้เสี่ยวเอ้อว่า “ยังไงเหรอ ทำไมพระชายาจิ้งสั่งขนมทั้งโต๊ะได้ เราสั่งไม่ได้ละ”

“คือ...ปกติพระชายาจะดูแลเราเป็นอย่างดี ห้องครัวเตรียมขนมเผื่อไว้ให้พระชายาเสมอ ขนมที่เสริฟมีปริมาณไม่มาก เพื่อเอาให้คุณหนูน้อยคนนี้” คนรับใช้เสี่ยวเอ้อปวดหัวมาก

อาโม่กับชิงต้ายหันไปมอง ชิงต้ายรู้จักคุณหนูคนนี้ เป็นลูกสาวของกงปู้เซ่อหลาง หน้าตาก็ดี แต่นิสัยเย่อหยิ่งมาก ตัวเธอเองแค่เป็นคนรับใช้คนหนึ่ง จึงปล่อยผ่านไปไม่อยากไปยุ่ง

“พระชายา คือท่านพี่สาวเหรอคะ” อาโม่ถือช้อนไว้และถามเธอ

“ใช่แล้ว แต่ไม่เป็นไรหรอก” ชิงต้ายช่วยเธอเช็ดปากเบาๆ

แต่คนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆตบโต๊ะและลุกขึ้น สาวสวยคนนั้นเดินมาตรงหน้าของชิงต้ายและอาโม่ พูดกับคนรับใช้เสี่ยวเอ้อว่า “อย่ามาพูดเรื่องที่ไร้สาระกับฉัน ที่พระชายาสั่งทั้งหมด ฉันก็จะสั่งด้วย”

ชิงต้ายคิวขมวด จับอาโม่ไว้แน่นๆ กลัวเด็กน้อยคนนี้จะเกิดไรขึ้นมา

“คุณหนูครับ ทำไม่ทันจริง ทำขนมทั้งโต๊ะนี้ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงครับ หรือว่าเย็นนี้ทำเสร็จแล้วค่อยส่งไปที่จวนของท่านไหมครับ” คนรับใช้เสี่ยวเอ้อเดินมาพูดว่า

แต่ยังไงก็ไม่มีผล นางสาวเย่อหยิ่งคนนี้พูดต่อว่า “ตลกดีนะ ใครๆก็รู้ว่าพระชายาจิ้งไม่ได้รับความโปรดปราน และพึ่งสูญเสียลูกไป ตอนนี้ไม่รู้ไปอุ้มเด็กน้อยน่ารักคนนี้มาจากไหนนะ ไม่กลัวจะเสียหน้าตำหนักอ๋องเหรอคะ”

สาวๆคนอื่นที่ยืนอยู่ข้างหลัง เห็นกู้อ้าวเวยไม่อยู่ เลยกล้าหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

“แต่อาโม่ทำหน้าเข้มงวด พูดกลับไปด้วยเสียงเด็กน้อยว่า “หนูจะไม่ทำให้ท่านพี่สาวเสียหน้าหรอกค่ะ ใบหน้าอยู่กับท่านพี่สาว ไม่ได้อยู่ที่ปากคุณ”

ชิงต้ายกำลังจะห้ามเธอ แต่ก็ไม่ทันแล้ว

เด็กๆชอบพูดคำตรงๆ ทำให้คุณหนูคนนั้นหน้าแดงขึ้น ชาวบ้านทั่วไปหัวเราะและมองดูพวกเขา สนุกเหลือเกิน

เห็นเด็กน้อยอาโม่ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ กระโดดจากเก้าอี้และพูดว่า “คุณแม่บอกอยู่เสมอ ว่า การชอบนินทาคนอื่น ถ้าตายไปแล้วจะตกนรกถูกตัดลิ้นด้วยซ้ำ คนสวยอย่างคุณ ถ้าถูกตัดลิ้นแล้วจะดูน่าเกลียดมากนะ”

อาโม่พูดไปด้วยและยังเอามือปกป้องปากตัวเองไว้ พูดต่อว่า “อาโม่พูดตรงเกินไป อย่าตัดลิ้นอาโม่นะ”

เด็กน้อยฉลาด คนข้างๆหัวเราะเสียงดังไม่ปิดบังตัวเองเลย

คุณหนูคนนั้นไม่กล้าว่าเด็กน้อยของพระชายาจิ้งคนนี้ มีแต่ทนไว้ที่จะโกรธและพูดกับชิงต้ายว่า “นี่ เจ้านายแกให้ดูแลเด็กเป็นแบบนี้เหรอ”

“คำพูดของเด็กน้อยไม่จริงจังหรอก” ชิงต้ายจับอาโม่มาอยู่ที่ข้างหลังเธอ จึงยิ้มและแกล้งมาขออภัยว่า “แค่เป็นเรื่องราวที่เล่าให้เด็กฟังเฉยๆ คุณหนูอย่าถือสานะคะ”

“ใช่เหรอ” คุณหนูคนนั้นหน้ามืดมนลง คนรับใช้เสี่ยวเอ้อเห็นจะมีเรื่องก็เลยคิดว่าจะไปหาคนมาช่วยแก้ปัญหา พอไปถึงที่หัวบันได เขาเงียบและรีบไปยืนอยู่ข้างๆ

คุณหนูคนนั้นยังไม่รู้ตัว พูดต่อว่า “ฉันดูแล้วเจ้านายของแกเป็นคนที่ไม่รักษาตัวเองและไม่ได้รับความโปรดปรานด้วย แกก็เหมือนกัน คิดว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของอ๋องจิ้งจริงๆเหรอ และแกยิ่งเป็นคนรับใช้ที่ต่ำต้อย อยู่กับเจ้านายที่ไร้ประโยชน์ ฝันว่าจะมาใช้อำนาจหาความสุขที่เทียนเหยียนนั้นเหรอ”

“หาเรื่องเหรอ”

ได้ยินเสียงพูดของผู้ชายมาจากข้างหลัง ซ่านจินจื๋อเดินไปที่ข้างๆชิงต้าย มองเห็นอาหารเต็มโต๊ะ และมองไปทางลูกสาวของกงปู้เซ่อหลางคนนั้น จึงนั่งลงและพูดว่า “แม้ว่าเป็นหมาตัวหนึ่งของพระชายาจิ้งไปกัดคุณ แต่ก็ถือว่าคุณหาเรื่องกับพระชายาของเปิ่นหวาง”

พอเห็นซ่านจินจื๋อ คุณหนูคนนั้นตาโตขึ้นอย่างกระทันหัน สั่นสะเทือนและเรียกว่า “อ๋องจิ้งคะ...”

“แกรู้ไหม ควรเรียกเธอว่าพระชายา” ซ่านจินจื๋อตาแคบลง แสดงความโมโหโกรธออกมาอย่างรุนแรง พูดว่า “แล้วอีกอย่าง ขนมทั้งหมดนี้ เปิ่นหวางเป็นคนสั่งให้พระชายาเป็นประจำวัน แกมีปัญหาเหรอ”

คุณหนูคนนี้เห็นแววตาของซ่านจินจื๋อดุมากเหมือนจะฆ่าเธอ จึงรีบคุกเข่าลงและขอร้องว่า “ฉันเป็นคนผิดเอง ขออภัยค่ะอ๋องจิ้ง...”

“กลับไปรับโทษเอง เฉิงซาน ให้คนตามไปเฝ้าดูด้วย” ซ่านจินจื๋อสั่งอย่างเข้มงวด ไม่สนใจคุณหนูคนนั้นที่ถูกลากกลับบ้านไปอย่างน่ากลัว ชั้นสองเงียบไปทั้งชั้น

สักพัก อาโม่หัวเราะออกมาและเดินไปอยู่ใกล้ๆซ่านจินจื๋อ เงยหน้ามองเขาและพูดว่า “พวกเขาบอกว่าคุณไม่ชอบท่านพี่สาว แต่ตอนนี้เห็นแล้ว พูดไม่ตรงเลยค่ะ”

เห็นอาโม่ ตัวเล็กๆเตี้ยๆ ซ่านจินจื๋อคิดถึงลูกของเขาที่ยังไม่ทันคลอดออกมา กลายเป็นเลือดไหลซะแล้ว วันนี้เห็นอาโม่ หัวใจกลับอ่อนโยน ถามว่า “หนูเป็นลูกใครครับ”

“หนูชื่อว่าซู๋อาโม่ค่ะ คุณพ่อชื่อ ซู๋โหย่วเว่ย คุณแม่ชื่อ เฟิงเมี่ยวค่ะ ปกติหนูเรียกพระชายาว่า ท่านพี่สาวค่ะ” อาโม่พูดไปและหยิบเอาขนมหนึ่งชิ้นให้เขา พูดอีกว่า “ท่านพี่สาวบอกว่าคุณไม่ชอบกินขนมที่หวานมาก แต่อันนี้ไม่หวานมากนะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์