บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 256

บทที่ 256 กู้เฉิงผู้ทะเยอทะยาน

การเผชิญหน้าระหว่างบิดากับบุตรสาว ในสายตาของกู้อ้าวเวยกลับเคยชินจนเป็นเรื่องปกติ

นางไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมากมายกับกู้เฉิง เพียงแค่ใจหายเท่านั้น นางเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน “ข้าก็ช่วยให้น้องสาวตั้งครรภ์มีทายาทแล้วไง สิ่งที่นางต้องการข้าก็ให้ไปหมดแล้ว บุญคุณเลี้ยงดูของท่านพ่อก็คืนไปเกือบทั้งหมด”

“นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” กู้เฉิงถลาลุกขึ้นตบโต๊ะอย่างดุร้าย “น้องสาวของเจ้าสามารถตั้งครรภ์ได้ล้วนเป็นเพราะท่านอ๋องประทาน แล้วยิ่งกว่านั้นเจ้าในฐานะบุตรสาวอย่างไรต้องพูดให้บิดา!”

กู้อ้าวเวยมุมปากยิ้มเยาะเล็กน้อย ดวงตาที่เย็นชากวาดมองมาทางกู้จี้เหยาและกู้ฮูหยิน “ดูเหมือนท่านแม่เล็กกับน้องสาวมิได้บอกกล่าวต่อท่านพ่อ ว่าเด็กคนนี้มาจากที่ใดสินะ”

กล่าวจบ กู้อ้าวเวยเดินขึ้นมายังเบื้องหน้าของกู้เฉิง พลันกล่าวต่อ “ข้าเรียกท่านว่าบิดา พึงระลึกว่าข้าเติบโตอยู่ใต้ปีกของท่าน แล้วครั้งก่อนท่านสงสัยในตัวบุตรสาวจนให้คนเตรียมมีดดาบ ข้าใคร่ขอถามท่านกู้เฉิงเสี้ยงกลับ หันดาบเข้าหาราชวงศ์สมควรต้องโทษสถานใด!”

แต่ละถ้อยคำของนางล้วนแน่นหนักและทรงพลัง ในน้ำเสียงเจือการคุกขามอันหนักหน่วง

กู้เฉิงถูกนางมองด้วยท่าทางเช่นนี้ กลับกลายเป็นว่าถ้อยคำโต้แย้งสักประโยคก็กล่าวไม่ออก ตะกุกตะกักอยู่นานถึงเค้นออกมาได้ประโยคหนึ่ง “เจ้ามันลูกอกตัญญู!”

“หากข้าอกตัญญู เหตุใดต้องแนะนำเมิ่งซู่ที่มีความสามารถให้ท่านพ่อ แล้วเหตุใดต้องช่วยให้น้องสาวได้ครองตำแหน่งพระชายารองด้วยเล่า?”กู้อ้าวเวยเดินขึ้นหน้าอีกหลายก้าว ในดวงตายังคงกระจ่างใสราวกับคริสตัล “แล้วดูสิท่านปฏิบัติต่อข้าอย่างไร?”

ครานี้ กู้เฉิงสิ้นเรี่ยวแรงกลับไปนั่งบนเก้าอี้ ถลึงตามองกู้จี้เหยากับกู้ฮูหยินอย่างเดือดดาล รอสักครู่ค่อยไปถามเรื่องของเด็กนี่ในภายหลัง จึงโบกมือให้คนในห้องทั้งหมดออกไป

จนเหลือเพียงบิดากับบุตรสาวสองคน กู้อ้าวเวยยังคงไม่ล่าถอยกลับไป

“เวยเอ๋อร์ พ่อทราบว่าการปฏิบัติกับเจ้าและการปฏิบัติกับน้องสาวของเจ้านั้นมีความลำเอียง แต่เป็นเพราะพ่อไม่ต้องการให้เจ้าเกิดเรื่องขึ้นเช่นเดียวกัน”

กู้อ้าวเวยยังคงสีหน้ามืดครึ้ม “ดังนั้นที่ท่านพ่อเรียกข้ามวันนี้ เพียงเพราะเรื่องของกู้จี้เหยา?”

เมื่อเอ่ยนามเต็มน้องสาวของตน กู้เฉิงที่ยังอยากกล่าวสักประโยคถึงกับเสียศูนย์ ทว่าเมื่อเห็นท่าทีแข็งกร้าวของกู้อ้าวเวยสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้เอ่ยออกมา

“ไม่เพียงเท่านั้น ในเมื่อเวยเอ๋อร์มีดวงตาทิพย์อันเด่นล้ำ ไม่สู้ช่วยดูบัณฑิตที่เพิ่งมาใหม่ว่ามีสักกี่รายที่พอจะให้พ่อใช้การได้สักหน่อย”

กล่าวจบ กู้เฉิงนำม้วนบันทึกออกมาจากข้างที่นั่งผู้นำ

ด้านในกลับเป็นอัดแน่นไปด้วยรายชื่อและสถานภาพเบื้องหลัง กระทั่งบทความที่พวกเขาก็ยังร่ายเรียงอย่างเป็นระเบียบบ

เมื่อพิจารณาอย่างละเอียด บางสิ่งของหลายๆคนเมิ่งซู่ยังไม่ได้รู้ละเอียดมากเท่านี้ จำเป็นต้องให้เมิ่งซู่โอภาปราศัยกับคนเหล่านี้เสียหน่อย

“ยามนี้แม้ไท่จื่อจะสละราชบัลกังก์ หากเลื่อนชั้นเด็กครอบครัวยากจนเช่นนี้ ท่านพ่อไม่กลัวชักนำไฟผลาญตัวเองหรือ?”

“หากหวาดกลัว พ่อก็คงไม่ได้มานั่งตำแหน่งนี้แล้ว” กู้เฉิงกวักมือเรียกหาให้นางนั่งที่ข้างกายตนจึงได้เอ่ยต่อ “อีกอย่างพวกเด็กครอบครัวยากจนสิดี

พ่อถึงจะสามารถใช้ประโยชน์ได้ดียิ่งขึ้น”

“เช่นนั้นลูกสามารถทำสิ่งใดได้บ้างเล่า?” กู้อ้าวเวยนั่งอยู่ข้างกายเขา นัยน์ตาเย็นยะเยือก

“หวังให้ลูกสามารถยุแยงความสันพันระหว่างอ๋องจิ้งกับองค์ชายสี่”แววตากู้เฉิงเย็นลงอย่างสมบูรณ์ “อ๋องจิ้งเชื่อถือองค์ชายสี่เช่นนี้ เกรงว่าไม่ทราบที่คนของพระสนมเสียนเฟยได้สร้างแรงผลักดันแก่องค์ชายสี่ หากไม่แก้ไขสถานการณ์องค์ชายสี่หวั่นเกรงจะเป็นเภทภัยในวันหน้า”

กู้อ้าวเวยหรี่ม่านตาหดแคบ ในใจรู้สึกยากจะเชื่อถือ

แต่นางจะไม่เชื่อก็ไม่ได้ กู้เฉิงถึงแม้ไม่เป็นที่น่าพอใจในหลายสิ่ง แต่ในวาจาของมันย่อมเป็นความจริง จึงกำหมัดแน่น นางเอ่ยถามด้วยความสงบนิ่ง “ท่านพ่อเหตุใดต้องใส่ใจเรื่องของราชวงศ์”

สายตาของกู้เฉิงสาดกระทบลงบนร่างนาง “หากอ๋องจิ้งขึ้นครองราชย์บัลลังก์ เจ้าก็จะเป็นฮองเฮา กู้จี้เหยาก็จะเป็นกุ้ยเฟย พวกเราตระกูลกู้สามารถมีรากฐานมั่นคง”

“คาดไม่ถึงว่าแผนการของท่านพ่อจะยาวไกลเพียงนี้” กู้อ้าวเวยแสร้งทำทียิ้มเพียงกระซิบที่ข้างกายกู้เฉิง “เช่นนั้นท่านพ่อมั่นใจข้าสามารถเป็นฮองเฉา มิใช่น้องสาว”

“ย่อมเป็นเช่นนั้น กู้จี้เหยามิใช่คนฉลาดเฉลียวอะไร หากอ๋องจิ้งขึ้นครองราชย์ เจ้าเป็นตัวเลือกที่หนึ่งไม่มีสอง พ่อไม่สนว่าเด็กนี่มาได้อย่างไรแต่ในท้ายที่สุดแล้วนี่คือบุตรของอ๋องจิ้ง ในวันหน้ายังต้องเรียกเจ้าว่ามารดา....” กล่าวถึงตรงนี้ สายตาของกู้เฉิงคมกล้าขึ้นมาทั้งยังกล่าวต่อ “ยังอาจได้เรียกหาว่าเสด็จแม่”

รอยยิ้มบนใบหน้ากู้อ้าวเวยข่มไว้แทบไม่อยู่ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวลูกจะคอยสังเกตการณ์ไปก่อน ดูว่าสามารถกระทำได้หรือไม่”

“เรื่องนี้ไม่เร่งรัด เวยเอ๋อร์ช่วยเหลือพ่อเฟ้นหาผู้มีความสามารถก่อนเถิด” กู้เฉิงเอื้อมไปตบบ่านาง เห็นนางสวมใส่เสื้อผ้าเรียบง่ายแบบนี้พลางกล่าวด้วยความจนใจ “เวยเอ๋อร์ ตกแต่งตัวให้มากเสียหน่อยจึงจะดี”

“ลูกรับทราบแล้ว”

กล่าววาจาจบ กู้อ้าวเวยเร่งร้อนจากไปอยู่บ้าง นางถึงกับคาดไม่ถึงว่ากู้เฉิงจะใจกล้าอาจหาญเพียงนี้”

เพิ่งออกมาจากห้องโถง นางเอี้ยวกายหันไปบังเอิญพบกู้ฮูหยินกับกู้จี้เหยา

กู้จี้เหยาที่ร้องไห้อย่างหนักหน่วง “เจ้าเหตุใดต้องนำเรื่องนี้บอกกล่าวท่านพ่อ! หลังจากที่ท่านพ่อรับรู้ย่อมไม่ปล่อยข้าไว้แน่!”

“กู้อ้าวเวย เจ้าถ้าหากไม่อาจทนดูจี้เหยาแต่ก็ไม่เห็นต้องทำร้ายนาง เรื่องนี้....” กู้ฮูหยินขณะเอ่ยวาจากลับถูกขัดจังหวะกระทันหัน

“เรื่องนี้มีเพียงคนตระกูลกู้ที่รู้ หากท่านพ่อไม่ทราบ วันหน้าจะมีใครที่สามารถช่วยท่านปกปิดเรื่องนี้ได้? กู้อ้าวเวยกล่าวจบพลันรีบร้อนสาวเท้าจากไป

เมื่อนางกลับมาถึงจวนเมิ่ง เมิ่งซู่บอกแก่นางว่าหลายปีมานี้ ทั่วทั้งแคว้นชางหลานแทบจะอึกทึกวุ่นวายอยู่ตลอด ทั้งเรื่องละเมิดกฎหมายทุจริตในอดีตยังไม่รับการสะสาง ต่อมาก็เป็นโจรภูเขาก่อจลาจล เมืองโล่เสียเกิดการทุจริต ทางฝั่งอ๋องจิ้งที่ชายแดนก็ได้ยินว่าองค์ชายหกทรยศเข้าร่วมศัตรู เมื่อไม่กี่วันก่อนอ๋องจิ้งยังพบว่าแคว้นอื่นกำลังจ้องตะครุบดั่งพญาเสือ

ทว่ากู้เฉิงกลับนึกยุแยงตะแคงรั่วความสันพันธ์ระหว่างบรรดาองค์ชาย

กู้อ้าวเวยนำเรื่องของกู้เฉิงกล่าวอย่างรวบรัด บอกกล่าวแก่เมิ่งซู่

เมิ่งซู่สีหน้ามืดครึ้ม “ยามนี้การต่อสู้ระหว่างองค์ชายแต่ละองค์ล้วนแทบทนรอไม่ไหวที่จะแก้ไขเรื่องราวความดีความชอบ เป็นโอกาสอันดีที่จะปฏิบัติทุกเรื่องราวในชางหลานให้เท่าเทียม เขาเป็นเสนาบดีแห่งแคว้นที่เพียงใคร่ช่วยเหลืออ๋องจิ้งครอบครองบัลกังก์!”

“เขวกลับไม่ได้สนใจใยดีประชาชนในชางหลาน เพียงแค่ต้องการมีอำนาจในมือ”กู้อ้าวเวยพบกุ่ยเม่ยกำลังจะพาอาโม่ออกไปจึงรอสักพักค่อยกล่าวต่อ “ข้าไม่อาจยุแยงตะแคงรั่วเรื่องความสันพันธ์ แต่ในการเลือกบุคคลผู้มีพรสวรรค์ยังต้องรบกวนเจ้าช่วยไปพบองค์ชายสามสักครั้ง”

“ท่านหมายจะให้องค์ชายสามแย่งชิงบุคลากรกับเฉิงเสี้ยง?” ซู่เมิ่งตอบโต้วาจาทันที “หากเขาแย่งชิงคน เช่นนั้นก็จะเป็นอริกับเฉิงเสี้ยง ขุมกำลังขององค์ชายสามยามนี้เดิมทีก็เปราะบาง”

“องค์ชายสายไม่ได้โง่เขลา” กู้อ้าวเวยมองเขาด้วยรอยยิ้ม

ถ้าหากนางยึดกระทำตามแผนของกู้เฉิง สุดท้ายผู้ที่ตกตายก็อาจจะเป็นแค่กู้เฉิง

กู้เฉิงปีนป่ายจนมาถึงตำแหน่งเฉิงเสี้ยง ทว่าฝ่าบาทกลับเริ่มเล่นอุบายแล้ว เขามองว่าฝ่าเป็นตัวโง่งม นางเพียงแค่ต้องคอยผสมโรงเมื่อถึงเวลา ขาม้าก็จะโผล่ออกมา (ขาม้าโผล่ = เผยพิรุธ)

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์